บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 496

บทที่ 496 ศิลาจารึกวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจักรพรรดิสงคราม

บทที่ 496 ศิลาจารึกวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจักรพรรดิสงคราม

ซางคุนผู้ที่มีผมสีแดงเข้มและสวมเสื้อคลุมสีเขียวหัวเราะลั่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยุดชะงัก จากนั้นเขาพลันขมวดคิ้วพลางกล่าวขึ้นว่า “ช่วงนี้มีตัวตนที่น่าเกรงขามปรากฏบนศิลาจารึกวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจักรพรรดิสงครามบ้างหรือไม่?”

ซางเชวี่ยตกตะลึงก่อนส่ายศีรษะพลางตอบ “ไม่ขอรับ ยังไม่มีใครผ่านไปถึงห้าสิบอันดับแรกได้”

“เพราะอย่างนี้ เจ้าเฟิงเจี้ยนไป๋ก็ยังคงครองอันดับหนึ่งอยู่รึ?” ซางคุนถอนหายใจโล่งอก ทว่าเปลือกตาของเขากลับกระตุกอย่างช่วยไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยชื่อเฟิงเจี้ยนไป๋

ซางเชวี่ยพยักหน้า เขาค่อนข้างรู้สึกหนักใจที่มีบุคคลอันน่าเกรงขามและทะนงตนสถิตอยู่ในใจของเขา เฟิงเจี้ยนไป๋เป็นศิษย์ตระกูลเฟิงในแคว้นอวิ๋นคง เขามีฐานการบ่มเพาะที่ขอบเขตจุติระดับหก ชายหนุ่มเกิดมาพร้อมกับดวงเนตรที่น่าสะพรึง ซึ่งสามารถมองวิชามากมายได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“ฮึ่ม! เมื่อข้าประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะวิชาร่างมารวิบัติแล้ว ไม่ว่าเนตรของเขาจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อต้องต่อกรกับข้า ในเวลานั้นเพียงแค่ต้องเอาชนะเขาให้ได้ ข้าก็จะได้เป็นอันดับหนึ่งในสมรภูมิบรรพกาลแล้ว ผู้คนจากแดนภวังค์ทมิฬจะต้องให้ความสนใจข้าเป็นพิเศษเมื่อพวกเขามาถึงอย่างแน่นอน” ซางคุนขู่อย่างดุดันขณะกล่าวด้วยเสียงชวนขนหัวลุก

ซางเชวี่ยยิ้ม เขากำลังจะพูด ทว่าเมื่อสายตาของเขาเหลือบไปที่ด้านนอก…

“นายน้อย นายน้อย เฉินซีปรากฏตัวแล้ว!” ในขณะนี้ มีคนปรากฏกายขึ้นอย่างรวดเร็วข้างนอกห้องโถงพลางกล่าวด้วยความตื่นเต้น

“อะไรนะ? เฉินซี!?” ซางคุนรีบหันกลับมา อัสนีปะทุออกมาจากดวงตาของเขาในขณะที่กำลังกะพริบ “ดี! ดีมาก! เขาเข้ามาช่วยข้าได้ทันท่วงทีจริง ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า…”

“ซางชิง ยืนนิ่งทำไม รีบไปรายงานทุกสิ่งที่เจ้ารู้ให้นายน้อยทราบเร็ว” ใบหน้าของซางเชวี่ยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อเหลียวมองไปยังผู้ส่งข่าวที่ยืนทึ่มอยู่ตรงนั้น

ซางชิงผงกศีรษะพลางกล่าวถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกประตูเมือง

“เขาอยู่กับหลิงเจ๋อแห่งราชวงศ์ต้าถัง?” ซางคุนขมวดคิ้ว

“นายน้อย พละกำลังของหลิงเจ๋อนั้นน่าเกรงขาม เขาติดอันดับที่ยี่สิบสี่บนศิลาจารึก ถือว่าเป็นหนึ่งในเสาหลักที่ค้ำจุนราชวงศ์ต้าถัง” ซางเชวี่ยที่อยู่ด้านข้างอธิบายอย่างรวดเร็ว

“ฮึ่ม! หรือว่าเขาจะไม่รู้ว่าพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบรรพกาลนั้นเป็นอาณาเขตของตระกูลซางข้า? เขากำลังรนหาที่ตายจริง ๆ” ซางคุนหัวเราะอย่างขมขื่นพลางโบกมือออกคำสั่ง “ผู้คนที่เพิ่งมาถึงเมืองบรรพกาลคงจะไปที่ศิลาจารึก ณ ใจกลางเมืองเพื่อวัดพลังต่อสู้ของพวกเขาเป็นแน่ แน่นอนว่าแม้แต่เฉินซีก็ไม่เว้น ซางเชวี่ย พาคนไปอีกสองสามคนและไปดูว่าพลังต่อสู้ของเจ้าเด็กน้อยเฉินซีนั้นน่าเกรงขามเพียงใด”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของซางคุนก็ฉายแสงสีฟ้าสลัวออกมา ทำให้เขาดูเย็นชาและน่ากลัวยิ่ง “คนผู้นี้ผ่านทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติมาแล้ว แม้ว่าเขาจะเพิ่งบรรลุสู่ขอบเขตจุติ แต่พละกำลังและศักยภาพของเขาก็ไม่อาจประเมินค่าต่ำเกินไปได้ เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวัง ห้ามให้เหตุร้ายใดเกิดขึ้นเด็ดขาด”

“ไม่ต้องกังวลขอรับ นายน้อย ฝากเรื่องนี้ไว้กับข้าเถิด” ซางเชวี่ยยิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะถามขึ้นว่า “นายน้อย พวกเราควรกำจัดเฉินซีด้วยเลยหรือไม่?”

“ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะบัดนี้ยังมีคนจำนวนมากในเมืองบรรพกาลที่ต้องการฆ่าเขา นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะปล่อยให้คนอื่นทำงานเพื่อเรา ไม่จำเป็นต้องพาคนของเราไปเสี่ยง” สายตาของซางคุนมืดมน ขณะเขากล่าวว่า “อาจเป็นเพราะคนอื่น ๆ กำลังดูถูกเจ้าหนุ่มนี่เพราะเขามาจากราชวงศ์ธรรมดา แต่ไม่ใช่ข้า เพราะในความคิดของข้า คนผู้นี้ไม่ได้ธรรมดาเลย เขาเป็นบุคคลอันตรายที่ต้องรับมืออย่างระมัดระวัง ดังนั้น ทางที่ดีก็ควรระมัดระวังให้มากกว่านี้สักหน่อย”

ซางเชวี่ยชะงักงันเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนายน้อยประเมินคุณค่าของคนสูงเยี่ยงนี้ การดูถูกดูแคลนเฉินซีในใจของเขาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

“เชิญตามสบาย ยังมีเวลาอีกสามเดือนก่อนที่บททดสอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น ข้าจะรอให้เฉินซีถูกคนอื่นสังหารก่อนที่จะบ่มเพาะร่างมารวิบัติก็ย่อมได้ ทว่าข้าจะไม่ยอมเอาตัวเองไปเสี่ยง” ซางคุนเอามือไพล่หลังพลางกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “แน่นอนว่าหากฝีมือของเขาต่ำต้อยเกินไป ข้าจะจับเขาทั้งเป็นด้วยตัวเองก่อนที่จะเชือดเขาต่อหน้าต่อตาชิงซิ่วอี้และเจิ้นหลิวชิง!”

ซางเชวี่ยไม่กล่าวอะไรอีก และจากไปทันทีหลังได้รับคำสั่งของนายน้อย

เขาทราบว่านายน้อยซางมีแผนอยู่ในใจแล้ว ดังนั้นตอนนี้ เขาเพียงต้องทำตามความประสงค์ของซางคุนเท่านั้น และจะไม่เกิดข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน

“พี่เฉินกับทุกคนต้องระวังตัวไว้ ดูเหมือนคนตระกูลซางจะสังเกตพวกเจ้ามานานแล้ว ต้องระวังพวกเขาให้ดี” ขณะเข้าไปในตัวเมือง หลิงเจ๋อขมวดคิ้วพลางส่งกระแสเสียงปราณเพราะท่าทีของซางผิงก่อนหน้านี้ทำให้เขามีลางสังหรณ์ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“พี่หลิงไม่ต้องกังวล ข้าทราบดี” เฉินซียิ้มบาง

หลิงเจ๋อพยักหน้าและเปลี่ยนหัวข้อ “ไปกันเถอะ ผู้บ่มเพาะที่เพิ่งมาถึงเมืองบรรพกาลจะต้องไปที่ศิลาจารึกวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจักรพรรดิสงครามที่ใจกลางเมืองเพื่อวัดพลังต่อสู้ของพวกเขาเป็นแน่ ไปดูกันเถิด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]