บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 504

บทที่ 504 พลิกสถานการณ์

บทที่ 504 พลิกสถานการณ์

น้ำเสียงของเฉินซีเผยความแน่วแน่และเจตนาฆ่าออกมาอย่างชัดเจน จึงทำให้สีหน้าของหวงฝู่ฉางเทียนและอวี๋เซวียนเฉินซีดลง

ครืน!

จู่ ๆ ลวี่เทียนเจ๋อก็สะบัดมือขึ้นสู่อากาศ ทำให้แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ปรากฏเป็นเงาภาพภูเขาที่มีขนาดมหึมาเก้าลูก ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน ไม่ว่าจะโดดเดี่ยว งดงาม หรือขรุขระ พวกมันทั้งหมดล้วนเปล่งแสงเจิดจ้า อีกทั้งยังเผยให้เห็นเงาภาพของตำหนักทั้งเก้าที่มีรูปร่างแตกต่างกันและกดทับลงมายังบริเวณโดยรอบของลานเล็ก ๆ แห่งนี้

ทันใดนั้น ลานหน้าวังที่มีขนาดเล็กดูจะขาดการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง มันให้ความรู้สึกราวกับติดอยู่ในคุกที่มิดชิด ซึ่งทำให้รู้สึกถูกกดดันและหายใจไม่ออก

เก้าเป็นจำนวนสูงสุด ในทันทีที่ค่ายกลเก้าขุนเขาสยบโลกาปรากฏขึ้น ปรากฏการณ์ที่บังเกิดขึ้นนั้นแสดงให้เห็นถึงพลังยับยั้งและการถูกปิดล้อมอย่างสุดขั้ว ไม่ว่าผู้ใดอยู่ภายในค่ายกลนี้ คนผู้นั้นก็จะรู้สึกสิ้นหวังเมื่อไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ แม้ว่าจะมีปีกข้างหนึ่งงอกขึ้นที่หลังแล้วก็ตาม

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซียังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แสงที่เปล่งออกมาจากค่ายกลนี้ สามารถยับยั้งการโคจรของปราณแท้ได้ และมันทำให้เขาสามารถใช้พลังได้น้อยกว่าแปดส่วนของพลังทั้งหมดที่มี

“โอ้อวดไร้ยางอาย! แสดงให้ข้าเห็นหน่อยซิว่าเจ้าจะดิ้นรนอยู่ภายใต้ค่ายกลเก้าขุนเขาสยบโลกาไปได้นานสักแค่ไหนกัน!” ลวี่เทียนเจ๋อหัวเราะเยาะลั่น และในสายตาของเขา เฉินซีก็เป็นเพียงสัตว์ร้ายที่ใกล้ตายอยู่แล้ว

“โอ้? งั้นก็ลองดู!” ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ก็ปรากฏดวงตาแนวตั้งที่หว่างคิ้วของชายหนุ่ม ดวงตาคู่นั้นล้ำลึกและมีสีดำสนิท อีกทั้งยังสะท้อนภาพของสุริยัน จันทรา และดวงดาราที่โคจรหมุนวนอยู่ภายใน!

วูบ!

พลังอิทธิฤทธิ์ ‘เนตรเทวะแห่งความจริง’ กวาดไปบนท้องฟ้าและมองเห็นจุดอ่อนของค่ายกลทันที

จากนั้นเฉินซีจึงเหวี่ยงกระบี่ในมือออกไป บังเกิดเป็นปราณกระบี่ขนาดใหญ่พุ่งออกมา ซึ่งแฝงไปด้วยกลิ่นอายที่ดูเหมือนต้องการจะทำลายท้องฟ้า

ครืนน!

ลานที่มีขนาดเล็กแห่งนั้นสั่นสะเทือนไปมา ในขณะที่ปราณกระบี่ที่พร่างพรายได้ปกคลุมบริเวณโดยรอบทั้งหมด เข้าปะทะภูเขาทั้งเก้าลูกที่อยู่กลางอากาศ จนกระทั่งพวกมันเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

ตู้ม!

ในที่สุด พลันบังเกิดเสียงดังโครมครามราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย และลานเล็ก ๆ ก็แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้ผู้คนตกตะลึงจนต้องถอยหลบอย่างรวดเร็ว

ตุ้บ!

เช่นเดียวกับเทพเจ้าที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ เฉินซีก้าวไปข้างหน้าและมุ่งตรงไปที่ใต้ท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป… คว้าจับจานค่ายกลที่เปล่งประกายด้วยแสงดาวพร่างพราวเก้าดวงนั้น!

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!? มันทำลายค่ายกลของข้าด้วยโจมตีเพียงครั้งเดียว!”

นี่คือสิ่งที่แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีก็ไม่อาจทำได้เชียวนะ!

สีหน้าของลวี่เทียนเจ๋อพลันกลายเป็นตื่นตระหนกจนเผลอร้องคำรามออกมา

สีหน้าของทุกคนก็เคร่งขรึมเช่นกัน เนื่องจากเมื่อครู่นี้ ชัยชนะได้อยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า เฉินซีจะทำลายความเชื่อมั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาในชั่วพริบตาเดียว!

ทำให้บางคนรู้สึกอยากหลบหนีอย่างควบคุมไม่ได้

“ในแง่ของเต๋าแห่งค่ายกลยันต์อักขระ มีใครบ้างในหมู่พวกเจ้าที่เหนือล้ำกว่าข้า? นี่เจ้ากล้าใช้ค่ายกลซึ่งเต็มไปด้วยข้อบกพร่องเพื่อกักขังข้า แสดงให้เห็นว่าพวกเจ้านั้นไม่ต่างอะไรกับตัวตลกที่โง่เขลาเสียจริง ๆ!” เฉินซีดูถูกเหยียดหยามคนเหล่านั้นอย่างเย็นชา

ว่าจบเขาก็สะบัดมือออกไป ทำให้จานค่ายกลลอยออกไปและกลายเป็นค่ายกลเก้าขุนเขาสยบโลกาอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดผนึกพื้นที่โดยรอบอย่างสมบูรณ์

แต่ข้อแตกต่างเพียงเดียวก็คือ เป้าหมายที่ค่ายกลต้องการยับยั้ง ได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว!

เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของลวี่เทียนเจ๋อและคนอื่น ๆ ก็มืดมนลง เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเพียงชั่วพริบตาเดียว เฉินซีกลับสามารถขัดเกลาค่ายกลเก้าขุนเขาสยบโลกาได้สำเร็จ และยังกักขังพวกตนเอาไว้แทน!

เฉินซีรู้สึกเกลียดชังอย่างสุดหัวใจ เพราะฟ่านอวิ๋นหลานเกือบจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง และถ้าเขามาช้ากว่านี้ นางอาจประสบกับคราวเคราะห์ แต่สิ่งที่เขารังเกียจที่สุดคือ หวงฝู่ฉางเทียนและอวี๋เซวียนเฉินกลับช่วยเหลือศัตรูอย่างต่ำช้า พวกมันจึงเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!

ดังนั้นเขาจึงใช้พลังทั้งหมดทันทีที่ลงมือ ส่งกระบี่โศกนภาซึ่งสมบัติกึ่งอมตะออกไป และใช้พลังอิทธิฤทธิ์ของเขาอย่างเนตรเทวะแห่งความจริงที่สามารถมองทะลุทุกสิ่งกับความรู้ความเชี่ยวชาญในเต๋าแห่งค่ายกลยันต์อักขระ เขาจึงสามารถทำลายค่ายกลเก้าขุนเขาสยบโลกาได้อย่างง่ายดาย!

โครม!!!

เฉินซีที่ยืนอยู่กลางอากาศได้ยื่นมือออกไป ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอันไร้ขอบเขตปกคลุมพื้นที่เบื้องหน้า จากนั้นมันก็โหมกระหน่ำออกไปทุกทิศทุกทาง

“อ๊าก… ม่ายยยย!” หวงฝู่ฉางเทียนร้องออกมาเสียงดัง เขารู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจ เนื่องจากตระหนักได้ว่าตนเองไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ จึงทำให้รู้สึกสิ้นหวังไร้หนทางขึ้นมา

ในที่สุดเขาก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ช่องว่างระหว่างตนกับเฉินซีนั้นใหญ่เพียงใด และมันก็แตกต่างดั่งมดที่คิดเทียบตนกับพญาคชสาร!

เฉินซีกักขังร่างของหวงฝู่ฉางเทียนจากระยะไกล จากนั้นก็คว้าตัวไว้และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้ เจ้าคิดว่าราชวงศ์ระดับสูงนั้นแข็งแกร่งมากหรือ? เอาล่ะ จงรออยู่ที่นั่นอย่างเชื่อฟังซะ แล้วข้าจะแสดงให้ดูว่าพวกมันก็เป็นแค่เศษสวะ!”

เพียะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]