บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 512

บทที่ 512 ทำลายล้างเจตจำนง

บทที่ 512 ทำลายล้างเจตจำนง

ร่างอันทรงพลังที่ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศได้เปล่งแสงที่สว่างไสวไปทั่วทั้งฟ้าดิน อีกทั้งยังแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวจนทำให้โลกหล้าสั่นสะเทือนและตกอยู่ในเงามืด

นี่คือเจตจำนงที่แท้จริงของเซียนสวรรค์ที่ถูกจารึกไว้บนยันต์หยก ซึ่งซางผิงได้เปิดใช้งานเพื่อช่วยเหลือซางเชวี่ยและสามารถทำลายฝ่ามือมหาดาราได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่ามันทรงพลังเพียงใด

ยิ่งไปกว่านั้น เจตจำนงของเซียนสวรรค์ชนิดนี้ยังแตกต่างจากประกาศิตเซียนสวรรค์ของเผยอวี่ เพราะนี่คือเจตจำนงอันบริสุทธิ์ของเซียนสวรรค์ ทำให้มันเต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า

ในทางกลับกัน ประกาศิตเซียนสวรรค์ของเผยอวี่เป็นเพียงสมบัติที่เขียนโดยผู้เป็นเซียนสวรรค์ ซึ่งเซียนสวรรค์ได้ทิ้งเศษเสี้ยวของกลิ่นอายอันน่าสะพรึงเอาไว้

แต่ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นห่างไกลราวกับฟ้าดิน ซึ่งสามารถมองเห็นสิ่งนี้ได้จากสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของทุกคน

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เจตจำนงของเซียนสวรรค์ ซึ่งอาจเป็นร่างจำแลงของเซียนสวรรค์และเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของความคิด แต่ความแข็งแกร่งที่ครอบครองช่างน่าประหลาดใจ

สมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้หาได้ยากเป็นอย่างมาก ซึ่งแม้แต่ในตระกูลอันทรงเกียรติเช่นตระกูลซางก็จะไม่มีวันหยิบขึ้นมาใช้ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะพบกับเหตุการณ์ที่พลิกผันครั้งใหญ่

“เจตจำนงของเซียนสวรรค์หรือ…” สีหน้าของเฉินซีซีดเซียวขณะที่จ้องมองไปยังร่างอันทรงพลังซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางอากาศ และพึมพำกับตัวเอง

ฝ่ามือมหาดาราที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในระดับหนึ่ง และถ้าไม่ใช่เพราะเฉินซีตัดการเชื่อมต่อได้ทันเวลา จิตวิญญาณของเขาอาจถูกทำลาย!

“เฉินซี ความแข็งแกร่งของเจ้าน่าตกใจจริง ๆ แต่แล้วอย่างไรเล่า? เจ้าจะต้องตายภายใต้เจตจำนงของเซียนสวรรค์ในท้ายที่สุดอยู่ดี!” ดวงตาของซางเชวี่ยที่อยู่ห่างออกไปไกลส่องประกายอย่างน่าสะพรึงและตะคอกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ทว่าชายหนุ่มไม่ได้ตอบเขา จึงมีเพียงเสียงตะคอกของซางเชวี่ยเท่านั้นที่คงดังก้องอยู่ในอากาศ

แม้แต่ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ไกลออกไปก็ยังเงียบสนิทและลอบถอนหายใจยาว เนื่องจากพวกเขาต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่า เฉินซีอาจจะไม่สามารถหลีกหนีจากหายนะในวันนี้ได้

เหตุผลนั้นง่ายดายมาก เมื่อต้องเผชิญกับเจตจำนงของเซียนสวรรค์ แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีก็ยังต้องหลีกหนีเป็นการด่วน แล้วนับประสาอะไรกับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติ?

แต่ถ้าเฉินซีมีอาวุธที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน เขาก็จะสามารถพลิกสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายหนุ่มจะมีมันในครอบครอง

เพราะเขามาจากราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นราชวงศ์ระดับกลาง ดังนั้นชาติกำเนิดของเฉินซีจึงไม่สามารถเทียบกับตระกูลอันทรงเกียรติได้ ดังนั้นเขาจะครอบครองสมบัติล้ำค่าที่สามารถเทียบกับยันต์หยกเซียนสวรรค์ได้อย่างไร?

เหตุผลที่เหล่าศิษย์ของตระกูลอันทรงเกียรตินั้นแข็งแกร่ง ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงไพ่ตายมากมายที่คนธรรมดาไม่สามารถครอบครองได้ มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาสามารถยืนหยัดอยู่ในสมรภูมิบรรพกาลได้อย่างคงกระพัน

แต่ราชวงศ์ระดับกลางไม่ได้มีทรัพยากรและสมบัติวิเศษดังกล่าว ไม่ว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีจะทรงพลังถึงเพียงใด แต่ไพ่ตาย ทรัพยากรหรือกำลังสำรองของเขาก็ยังด้อยกว่าตระกูลอันทรงเกียรติมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีทางทดแทนได้

“เฮ้อ อนิจจา นับตั้งแต่ชายคนนี้ได้ย่างกรายเข้ามาในเมือง เขาก็ได้ทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากมายราวกับปาฏิหารย์ แต่ในตอนนี้เขากลับกำลังจะตาย ข้ารู้สึกทนไม่ได้จริง ๆ”

“ฮึ่ม! นี่คือผลลัพธ์ของการต่อต้านตระกูลซาง! ยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากหรือ? อันดับหนึ่งในศิลาจารึกวิญญาณแล้วอย่างไร? ถ้าตระกูลซางของเราต้องการฆ่ามัน มันก็ง่ายดายยิ่งกว่าการบี้มดปลวกเสียด้วยซ้ำ!”

เหล่าศิษย์ของตระกูลซางมองไปที่ร่างอันโดดเดี่ยวของเฉินซีที่อยู่ไกลออกไป ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูคนที่ใกล้จะตาย พลางเยาะเย้ยเขาด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

ซางผิงไม่ได้ผลักดันเจตจำนงของเซียนสวรรค์ที่จะทำลายล้างเฉินซีในทันที แต่กลับจ้องมองอีกฝ่ายอย่างสบาย ๆ และท่าทางเย้าหยอกดั่งท่าทางของแมวหยอกหนูก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนคนนี้

เขาต้องการดูว่าเฉินซีจะแสดงออกอย่างไร เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามที่ถึงแก่ชีวิต อีกฝ่ายจะหวาดกลัวจนปัสสาวะรดตัวเองหรือไม่? หรือคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา? เพียงแค่คิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบตัวสั่น

แน่นอนว่าที่ทำเช่นนี้ ก็เพราะเขาต้องการให้ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ในระยะไกลออกไปได้เห็นสิ่งนี้ เฉินซีได้บุกเข้ามาในอาณาเขตของตระกูลซางเพียงลำพังในวันนี้ อีกทั้งยังเข่นฆ่าเหล่าศิษย์ของตระกูลไปมากมาย ซึ่งสิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของพวกเขา ประกอบกับยันต์หยกเซียนสวรรค์ที่เป็นสมบัติที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นการทำลายล้างอีกฝ่ายจึงเป็นเพียงเป้าหมายรองลงมา และเป้าหมายหลักคือการส่งสัญญาณเตือนแก่กองกำลังอื่น ๆ ในเมืองบรรพกาล

เมื่อได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ไกลออกไปในขณะนี้ ซางผิงก็รู้ว่าวัตถุประสงค์ของตนได้บรรลุแล้ว ดังนั้นเจ้าตัวจึงต้องทำลายล้างเฉินซีเป็นรายต่อไป ภารกิจของเขาจึงจะถือได้ว่าเสร็จสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม เมื่อซางผิงกำลังจะลงมือ จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่า เฉินซีที่อยู่ไกลออกไปได้ดึงคันธนูสีดำขนาดมหึมาออกมา

ธนูสีดำสนิทคันนี้ถูกปกคลุมด้วยแสงสลัวและเย็นยะเยือก อีกทั้งยังแผ่กลิ่นอายอันลึกลับของปราณจ้าววิญญาณที่เก่าแก่และไม่มีที่สิ้นสุด มันคือสมบัติจ้าววิญญาณที่เฉินซียึดมาจากฉีอิ๋น ธนูทลายดารา!

สมบัติจ้าววิญญาณเป็นอาวุธที่ผู้ขัดเกลากายาใช้ ซึ่งขัดเกลาได้ยากมาก และมีเพียงผู้ขัดเกลากายาเท่านั้นที่จะสามารถขัดเกลาได้

ส่วนวัสดุที่ใช้ในการขัดเกลาสมบัติจ้าววิญญาณนั้นก็มีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือซากศพของเทพอสูรโบราณ ไม่ว่าจะเป็นกระดูก ฟัน เส้นลมปราณ เล็บ หรือแม้แต่เส้นผม ดวงตาและอวัยวะภายในก็สามารถสกัดเป็นสมบัติจ้าววิญญาณได้ ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงซากศพของเทพอสูรโบราณเท่านั้นที่สามารถหลอมรวมกับพลังงานของปราณจ้าววิญญาณ และทำให้มันสามารถสร้างพลังที่แข็งแกร่งคล้ายกับพลังของสมบัติวิเศษได้

ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติจ้าววิญญาณทุกชิ้นจะต้องได้รับการเลี้ยงดูและหล่อเลี้ยงด้วยแก่นโลหิตของผู้ขัดเกลากายา จากนั้นจึงกำจัดสิ่งเจือปนออกไปโดยใช้ปราณจ้าววิญญาณ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ผู้ขัดเกลากายาจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสมบัติจ้าววิญญาณ และสามารถใช้มันราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายได้

แต่สมบัติจ้าววิญญาณนั้นล้ำค่ามากและหาได้ยากยิ่งกว่าสมบัติอมตะ เพราะซากศพของเทพอสูรโบราณนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากและแทบไม่มีเหลืออยู่ในโลก ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ขัดเกลากายาจึงไม่มีสมบัติจ้าววิญญาณอยู่ในครอบครอง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ขัดเกลากายาจะไม่ได้ครอบครองสมบัติจ้าววิญญาณ แต่ผู้ขัดเกลากายาก็ยังสามารถบดขยี้ผู้บ่มเพาะลมปราณที่มีฐานการบ่มเพาะในระดับเดียวกันได้อย่างสิ้นเชิง โดยอาศัยร่างกายที่เทียบได้กับสมบัติวิเศษของพวกเขา

“สมบัติจ้าววิญญาณ!? ดวงตาของซางเชวี่ยพลันทอประกาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]