บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 514

บทที่ 514 ถูกทุกคนหมายหัว

บทที่ 514 ถูกทุกคนหมายหัว

คำถามของเฉินซีถูกกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและดุดันโดยไม่ไว้หน้าเฟิงเจี้ยนไป๋เลยแม้แต่น้อย กลิ่นอายอันโอ่อ่าที่เขาแผ่ออกมานั้นทรงพลังมากจนทำให้หัวใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

“เฉินซี อารมณ์ของเจ้าพลุ่งพล่านเกินไปแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาท แต่ท่าทางของเจ้ากลับดุดันเกินไปหรือไม่” น้ำเสียงของเฟิงเจี้ยนไป๋เรียบเฉย เขาพูดอย่างไม่เร่งรีบ ยังคงไม่ใส่อารมณ์กับคำกล่าวของเฉินซี

ในขณะที่กล่าว เจ้าตัวก็นำมือไพล่หลังขณะมองไปยังเฉินซีอย่างเฉยเมย และแม้ว่าท่าทีจะดูอ่อนโยน ทว่าก็เผยให้เห็นถึงท่าทีที่กดขี่ข่มเหงโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจชายหนุ่ม

“ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท?” มุมปากของเฉินซีเต็มไปด้วยความเย้ยหยันขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าอาจมาด้วยเจตนาร้ายก็เป็นได้ ผ่านมาไม่นานนี้ เจ้าดันมาถึงตอนที่ไอ้สารเลวพวกนี้กำลังจะตาย สิ่งนี้มันแตกต่างอะไรจากการฉวยโอกาสเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง?”

สีหน้าของซางเชวี่ยกับพรรคพวกพลันเคร่งขรึม นัยน์ตาของพวกเขาเผยความเกลียดชังออกมาเมื่อถูกเฉินซีเหยียดหยามว่าเป็นไอ้สารเลว ซ้ำยังทำให้พวกเขาระแวดระวังมากขึ้น

กล่าวกันตามตรง พวกเขาไม่ได้ต้อนรับการมาถึงอย่างกะทันหันของเฟิงเจี้ยนไป๋เช่นกัน ทั้งยังสงสัยว่าเจตนาของเขาก็คงเหมือนกับที่เฉินซีกล่าวไว้

เมื่อสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของทุกคน เฟิงเจี้ยนไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาส่ายหัวและกล่าวว่า “เฉินซี คำพูดของเจ้าดูจะเกินเลยไปหน่อย ประเด็นนี้ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด จะดีกว่าหากเจ้าสงบสติอารมณ์และเงียบไปสักครู่ หากเจ้าต่อสู้กับบรรดาสหายผู้บ่มเพาะจากตระกูลซางอย่างบ้าระห่ำ มันจะไม่เป็นประโยชน์ให้กับใครทั้งนั้น”

“พอได้แล้ว!” สายตาของเฉินซีเผยให้เห็นสายฟ้าที่พาดผ่านขณะที่เขาจ้องเขม็งไปยังเฟิงเจี้ยนไป๋ “คิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าโศกนาฏกรรมของตระกูลซางจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตระกูลเฟิงของเจ้าหรอกหรือ?”

“กล่าวง่าย ๆ ก็คือเจ้าในวันนี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดี และตั้งใจจะฉวยโอกาสนี้เพื่อใช้ตระกูลซางมาสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ด้วยวิธีนี้ ตระกูลเฟิงของเจ้าจะได้ครอบครองพื้นที่อย่างง่ายดาย ซ้ำยังได้สุนัขรับใช้ที่จงรักภักดี เรียกได้ว่าเป็นการขว้างหินก้อนเดียว… ได้นกสองตัว!”

ในขณะที่กล่าว เฉินซีไม่ได้ละสายตาจากเฟิงเจี้ยนไป๋แม้แต่นิดเดียว ทำให้เขาเห็นคิ้วของอีกฝ่ายกระตุกเป็นการตอบสนองทางร่างกาย และแม้จะเป็นการกระตุกที่เบาบาง ทว่าชายหนุ่มก็สังเกตเห็นได้ชัดเจน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเยาะเย้ยในใจ

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเฟิงเจี้ยนไป๋ เฉินซีก็รู้สึกได้ว่าคนผู้นี้มากไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม หลังจากพูดคุยกับอีกฝ่ายและฟังคำเสแสร้งนั้น ความเกลียดชังในใจของเขาที่มีต่อเฟิงเจี้ยนไป๋ก็พลันเพิ่มทวีคูณ ทำให้เขาเปิดโปงคำโกหกของอีกฝ่ายตรง ๆ

ครั้งแรกก็ถูกเฉินซีดูถูกว่าเป็นไอ้สารเลว และตอนนี้ก็ยังถูกตราหน้าว่าเป็นสุนัขรับใช้ ทั้งสองคำนี้ทำให้เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากดวงตาของซางเชวี่ยและศิษย์แห่งตระกูลซางคนอื่น ๆ สีหน้าของพวกเขาในขณะนี้ถมึงทึงสุดขีด

ทว่าคำกล่าวของเฉินซีก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวในใจเช่นกัน แน่นอนว่าเฟิงเจี้ยนไป๋จะมีเจตนาดีจากการยืนหยัดต่อสู้เพื่อพวกเราโดยไม่มีเหตุผลเชื่อมโยงใด ๆ ได้อย่างไร?

ตระกูลซางในตอนนี้ได้ประสบกับความสูญเสียมากมาย และตระกูลเฟิงของอีกฝ่ายสามารถกลืนกินตระกูลซางได้อย่างสมบูรณ์เนื่องด้วยโอกาสนี้ ไม่ใช่ว่านี่เป็นเหตุผลเดียวหรอกหรือที่ทำให้เฟิงเจี้ยนไป๋ไม่ลงมือ เพราะคิดว่าพวกตนยังมีประโยชน์อยู่และตั้งใจที่จะควบคุมพวกตน รวมถึงพื้นที่ทางตอนตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง?

เมื่อความคิดเหล่านี้แล่นเข้ามาในหัว สายตาที่จ้องมองไปยังเฟิงเจี้ยนไป๋ของซางเชวี่ยและพวกพ้องก็เริ่มไม่เป็นมิตรมากขึ้น

แม้แต่ผู้ชมทุกคนในระยะไกลก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าหลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของเฉินซี ถูกต้อง! การปรากฏตัวของเฟิงเจี้ยนไป๋นั้นบังเอิญเกินไปและเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะไม่ฉงนใจกับเจตนาของคนคนนี้

เฟิงเจี้ยนไป๋เองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสถานการณ์จะมาไกลขนาดนี้…

เดิมทีเขาคิดว่าตราบเท่าที่ปรากฏตัว ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้อยู่จะชื่นชมในความดีของตนและยุติการต่อสู้ลง หลังจากนั้นก็จะสามารถทำตามแผนได้อย่างง่ายดาย

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกเฉินซีปฏิเสธซึ่ง ๆ หน้าหลังจากที่ปรากฏตัว ซ้ำยังเปิดโปงแผนการของเขาโดยตรง สิ่งนี้ทำให้เฟิงเจี้ยนไป๋อดไม่ได้ที่จะมีโทสะ

แต่ดูจากผิวเผินแล้ว การแสดงออกของเฟิงเจี้ยนไป๋ยังคงสงบนิ่ง เขายืนอย่างสง่างาม กลิ่นอายของเขาหลอมรวมเข้ากับสวรรค์และโลก ทำให้ดูไร้เทียมทานราวกับเป็นเซียน ซึ่งแตกต่างจากคนน่ารังเกียจและเจ้าเล่ห์โดยสิ้นเชิง

ทว่าเขากลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงอันเย็นชาของเฉินซีก่อนที่จะได้เอ่ยปากว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว หากเจ้าต้องการแสดงความมีมนุษยธรรม เช่นนั้นก็ถอนตัวออกไปและอย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก!”

ไม่ว่าอารมณ์ของเฟิงเจี้ยนไป๋จะดีแค่ไหน แต่การถูกเฉินซีเหยียดหยามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมทำให้เจ้าตัวไม่อาจระงับความโกรธได้ ดวงตาของเขาเย็นยะเยือกราวกับใบมีดขณะที่จ้องมองไปยังเฉินซี “แล้วหากข้าไม่ตกลงเล่า?”

“ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้ว?” เฉินซียิ่งดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น

“เหอะ! ขึ้นอยู่กับเจ้าเองว่าต้องการจะคิดอย่างไร ข้าไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับคนอย่างเจ้าที่ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี และถ้าข้าพูดมากเกินไป เดี๋ยวคนอื่นอาจคิดว่าข้ากำลังกลัวเจ้า” เฟิงเจี้ยนไป๋ตะคอกใส่

“อย่าทำตัวเช่นนี้จะดีกว่านะ” เฉินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ใช่แค่ตระกูลเฟิงของเจ้าเท่านั้นที่ตั้งใจจะควบคุมตระกูลซาง หากข้าจำไม่ผิด กองกำลังสามราชวงศ์ระดับสูงสุดและตระกูลเซวียคงจะกำลังกรูเข้ามาแล้วในตอนนี้ พวกเขาไม่มีทางประเคนตระกูลซางให้กับเจ้าอย่างแน่นอน!”

“เจ้า…” ในที่สุดสีหน้าของเฟิงเจี้ยนไป๋ก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินสิ่งนี้

กล่าวได้ว่าคำพูดเฉินซีได้จี้จุดอ่อนของอีกฝ่าย และมันก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายกังวลมากที่สุด เหตุผลที่รุดฝีเท้าเข้ามาก็เพราะต้องการคว้าโอกาสในการเป็นอันดับหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้อื่นสร้างปัญหาให้กับแผนการของตน

บัดนี้ เฉินซีได้ชี้ประเด็นอย่างโจ่งแจ้ง ดังนั้นไม่ว่าเฟิงเจี้ยนไป๋จะเก็บอาการเพียงใด สีหน้าของเขาก็ได้เผยความเย็นชาออกมาในที่สุด “เฉินซี เจ้าไร้สาระมาพอแล้ว หากยังคิดจะปฏิเสธอย่างลืมหูลืมตา มันจะไม่ใช่แค่เจ้าหรอกที่จะเจ็บตัว เพราะความปลอดภัยของสหายของเจ้าก็กำลังตกอยู่ในกำมือของเจ้าเช่นเดียวกัน”

“ขู่กันอย่างนั้นรึ?” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง แสงเย็นชาปรากฏขึ้นภายในดวงตาคู่นั้น เจตจำนงสังหารที่หนาแน่นผุดขึ้นมาภายในหัวใจ เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มเกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นมาขู่เขาด้วยสหายและคนที่เขารัก ผู้คนเหล่านี้เป็นเหมือน ‘สิ่งห้วงห้าม’ ของเขา ดังนั้นจะปล่อยให้ผู้ใดแตะต้องได้อย่างไร!?

“ใช่ มันคือคำขู่!” เนื่องจากถูกปลอกเปลือกจนหมดแล้ว เฟิงเจี้ยนไป๋จึงหยุดแสดงท่าทีแสร้งสุภาพและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเป็นเพียงมดปลวกจากราชวงศ์ระดับกลาง คิดว่าเจ้าจะสามารถวิ่งพล่านไปทั่วได้เพียงเพราะเจ้าประสบความสำเร็จในบางสิ่งอย่างนั้นหรือ? ข้าแนะนำให้เจ้าไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น ทุกคนในราชวงศ์ซ่งของเจ้าจะถูกกำจัดเสียวันนี้!” น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นการดูถูกเหยียดหยามและเจตจำนงสังหารที่เยือกเย็น ทำให้หัวใจของผู้คนที่อยู่ห่างไกลกระตุกอย่างไม่อาจควบคุม ด้วยมันจริงอย่างที่เฉินซีกล่าว… เฟิงเจี้ยนไป๋ผู้นี้มีจุดประสงค์แอบแฝง!

“ถ้าเจ้ากล้าพอ ข้ารับประกันว่าทุกคนในตระกูลเฟิงของเจ้าจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป!” เฉินซีโกรธถึงที่สุด ทว่าท่าทางของเขาก็สงบและไม่แยแส และหลังจากกล่าวจบ เขาก็หันกลับมา กลิ่นอายรอบ ๆ ตัวปะทุขึ้น ก่อนจะเดินไปหาซางเชวี่ยและคนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]