บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 531

บทที่ 531 ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ

บทที่ 531 ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ

เจ็ดขั้นแห่งขอบเขตจุติคือวัฏจักรชีวิต ทุกความก้าวหน้าทำให้คุณภาพของพลังภายในร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลง

เจ็ดขั้นนี้แทนด้วยหัวใจ ตับ ปอด ม้าม ไต จิตใจ และจิตวิญญาณ

เฉินซีอยู่ขอบเขตจุติระดับที่สองแล้ว ทำให้เคลื่อนจากธาตุไฟมาไม้ซึ่งอยู่ภายในตับ กงล้อสังสารวัฏเผยแสงสีฟ้าดูโปร่งแสงเหมือนหยก มันลอยอยู่กลางท้องทะเลแห่งลมปราณ ปลดปล่อยแสงสีเขียวหยกออกมา ทำให้ดูล้ำลึกยิ่งนัก

ปัจจุบัน หลังจากกลืนกินพลังเทวะจากทหารม้าเพลิงนรกและทหารม้ามรณะเกราะทองคำไป สีของกงล้อสังสารวัฏก็เจือไปด้วยสีทอง เห็นได้ชัดว่ากำลังจะก้าวขึ้นสู่ขอบเขตจุติระดับสามจากธาตุไม้ไปเป็นโลหะ

อีกทั้งการขัดเกลากายาของเขายังได้รับประโยชน์มากมายเช่นกัน จุดชีพจรขนาดเล็กทั่วร่างได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก่อกำเนิดขึ้นเป็นโลกหนึ่งที่ภายในมีแก่นวิญญาณ นอกจากนั้นปราณจ้าววิญญาณที่พลุ่งพล่านก็ยังเต็มไปด้วยผลึกแวววาวโปร่งแสง ซึ่งเป็นลักษณะแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ ทำให้ร่างกายเขายิ่งแกร่งขึ้น

เป็นสิ่งที่จินตนาการได้ยากว่าความศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างวิญญาณเหล่านี้จะมหัศจรรย์ได้มากเช่นนั้น เทียบได้กับโอสถวิญญาณอันล้ำค่าที่สุดและยาวิเศษทั้งหลายในใต้หล้าได้ทีเดียว

หากไม่ได้เห็นเองด้วยสองตาตน ก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

หลังจากตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงในพละกำลังของตนเองแล้ว เฉินซีก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจที่มุมปาก ก่อนจะหันไปและเห็นผู้บ่มเพาะเหล่านั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขาจึงส่ายหน้าให้ “รีบไปเสีย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าสามารถอยู่ได้นาน”

ซึ่งก็เป็นความจริง ที่ตรงนี้อยู่ห่างจากประตูเมืองถึงพันลี้ อีกทั้งยังมีทหารม้าเพลิงนรกอยู่มาก ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไร ศัตรูก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่สถานที่ที่คนธรรมดาสามารถรั้งอยู่ได้

“สหายเต๋าเฉินซี ขอบพระคุณที่ช่วยชีวิต หากต่อไปมีสิ่งใดให้พวกเราช่วยเหลือ พวกเราพร้อมถวายชีวิต!” ทุกคนยืนอึ้งอยู่สักครู่ ก่อนจะหลุดออกจากภวังค์ตกใจ ป้องมือเอ่ยคำขึ้นพร้อมกัน

“หากชะตาต้องกัน ไว้วันอื่นพวกเราคงได้ไปดื่มคุยเล่นกัน” เฉินซียิ้มและป้องมือให้เช่นกัน

จากนั้นพวกเขาก็หันกลับ ถอยหลังกลับเมืองไปทันที ศัสตราแห่งทวยเทพคอยปกปักรักษาที่นั่นอยู่ จึงมีแค่ทหารม้าวิญญาณธรรมดาเท่านั้น นับเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยกว่ามาก

กลับกันแล้ว เฉินซียิ่งฝ่าเข้าไปในกองทัพศัตรูลึกขึ้นเรื่อย ๆ

เขาคำนวณแล้วว่าพลังเทวะที่มีอยู่ในทหารม้าวิญญาณธรรมดามีอยู่เพียงน้อยนิด ฆ่าพวกมันร้อยตัวเท่ากับได้พลังจากทหารม้าเพลิงนรกเพียงหนึ่งตัวเท่านั้น ในขณะที่ทหารม้ามรณะเกราะทองคำแข็งแกร่งกว่า พลังเทวะที่ได้เทียบได้เท่ากับทหารม้าเพลิงนรกห้าสิบตัวทีเดียว!

เขามีเป้าหมายที่เรียบง่ายนัก นั่นคือทำทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถทะลวงขอบเขตได้ในระหว่างการทดสอบรอบสุดท้ายของสมรภูมิบรรพกาล

ตึก! ตึก! ตึก!

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงฝีเท้าที่ดังดั่งฟ้าลั่นก็ดังสะท้อนมาจากที่ห่างไกล ราวกับเสียงกองทัพในสนามรบที่เมื่อเคลื่อนไปที่ใดก็ส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่น ฟ้าดินสั่นสะเทือน หมอกคล้ำลอยตัวสูงกว่าร้อยจั้ง

“อะไรกัน?” เฉินซีหรี่ตาลง

ทหารม้าเพลิงนรกกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าทะยานออกมาจากหมอกดำ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ปลดปล่อยกลิ่นอายดุร้ายออกมา ดูเหมือนเพิ่งเดินออกมาจากประตูนรก

พวกมันพุ่งออกมาเป็นแถวหลายแถว แต่ละแถวมีมากกว่าร้อยตัว เปลวไฟซ้อนทับกันจนส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่พวกมันพุ่งร่างเข้ามา เผยกลิ่นอายขู่ขวัญราวกับสามารถย่ำทำลายแผ่นดินทั้งหมดได้ หมายกวาดล้างทุกสิ่งเบื้องหน้า

ด้านหลังพวกมันยังมีทหารม้ามรณะเกราะทองคำนับไม่ถ้วน ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าเกรงขามออกมาเช่นกัน

วิญญาณเหล่านี้เกิดขึ้นจากความแค้นของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ ทำให้มีจิตใจต่ำช้า และแม้จะมีพละกำลังสูง แต่ก็ไม่รู้จักยุทธวิธี เป็นเหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่ง ดังนั้นการสังหารพวกมัน…จึงง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ! เฉินซีหรี่ตาลง รู้สึกตื่นเต้นแทนที่จะกลัว จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พลุ่งพล่านขึ้นมา

ฟิ้ว!

เขาใช้ปีกนภาดารกะพุ่งเข้าใส่พวกมันราวกับสายฟ้าฟาด

ตอนนี้ร่างของเขาใหญ่ดั่งขุนเขา มีสามเศียรหกกร ทั่วร่างเต็มไปด้วยสายฟ้าม้วนตัววนเวียน ทำให้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษเมื่ออยู่บนท้องฟ้า ชั่วพริบตาที่พุ่งเข้าไป พวกวิญญาณก็สังเกตเห็นเขาแล้ว

ครืน!

อึดใจต่อมา ม้าที่พวกมันขี่อยู่ก็สับขาพุ่งเข้ามาจนพื้นดินสะเทือน ทหารม้าเพลิงนรกพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มดั่งคลื่นยักษ์ที่นำพาพลังท่วมท้นมาด้วยความเร็วสูงจนน่าตกใจ พริบตาเดี๋ยวก็พุ่งมาถึงหน้าเฉินซีแล้ว

“ตายซะ!” เฉินซีเป็นดั่งพยัคฆ์ร้ายกระโจนลงจากขุนเขา กลิ่นอายอันน่าเกรงขามดูดุดันยิ่งนัก รอบตัวปกคลุมด้วยกระแสสายฟ้านับไม่ถ้วน ในขณะที่เขาพุ่งเข้าใส่ทหารม้าเพลิงนรก

กระแสพายุสายฟ้าทั้งหมดอยู่ภายในมหาเต๋าแห่งการกลืนกิน กลืนกินได้ทั้งฟ้าและดิน ช่วงชิงทุกอย่างในใต้หล้า ก่อกำเนิดขึ้นจากพลังอิทธิฤทธิ์อันน่าสะพรึงที่เกิดจากโครงกระดูกของคุนเผิง มีอำนาจสูงถึงขีดสุด

ทหารม้าเพลิงนรกสิบกว่าตัวคือด่านแรกที่ปะทะ พวกมันยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกกำจัดและกลืนกินกระแสพายุสายฟ้าเข้าไป และบดขยี้จนเหลือแต่ปราณชั่วร้าย จากนั้นก็สลายหายไป ก่อนที่พลังเทวะภายในร่างของมันจะถูกเฉินซีดูดเข้าไปจนหมด เปลี่ยนเป็นธารพลังให้ความอบอุ่นที่ช่วยเสริมพลังบ่มเพาะให้เขา

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ในจังหวะนั้น เฉินซีเข่นฆ่าจนหนำใจ ออกอาละวาดไปทั่วทุกทิศ ไม่ว่าย่างกรายไปที่ใดก็จะเกิดเสียงระเบิดดั่งสะเทือน ปราณชั่วร้ายที่พลุ่งพล่านพลันหายไป หากศัตรูเข้าใกล้พื้นที่ระยะหกร้อยลี้รอบกาย ก็จะถูกกระแสพายุสายฟ้าทำลายจนสิ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]