บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 534

บทที่ 534 ทะลวงสู่สวรรค์ทั้งเก้า

บทที่ 534 ทะลวงสู่สวรรค์ทั้งเก้า

ตราบใดที่ชีวิตยังคงอยู่ การต่อสู้ก็จะไม่มีวันสิ้นสุด!

มนุษย์ต่างต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในขณะที่สรรพสัตว์ต่างต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด การสืบพันธุ์ของสรรพสัตว์ก็เพื่อต่อสู้กับธรรมชาติ และผู้บ่มเพาะที่แสวงหาเต๋าก็คือการต่อสู้กับเต๋าแห่งสวรรค์

สวรรค์และโลก ในหมู่สิ่งมีชีวิต มีแห่งหนใดบ้างที่ไม่มีการต่อสู้?

เฉินซีหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้ที่บริสุทธิ์นี้ เลือดอันร้อนระอุในกายของเขาเดือดพล่าน ชั่วเวลานี้… ชายหนุ่มลืมเลือนทุกอย่างไปเสียสิ้น!

ในใจของเขามีเพียงความคิดเดียว นั่นคือ …จงสู้!

ในขณะที่ต่อสู้ภายใต้สภาวะที่แปลกประหลาดนี้ เฉินซีไม่ได้สังเกตเลยว่าการบ่มเพาะ จิตวิญญาณหรือแม้แต่ร่างกายของเขา ได้ระเบิดพลังที่ทรงอำนาจและพลังแฝงอันไร้ขอบเขตที่คำรามอยู่ภายในร่างกายออกมา

กงล้อสังสารวัฏของเฉินซีกำลังหมุนและโคจรเป็นจังหวะที่สอดคล้องกับฟ้าดิน จากนั้นจึงเปล่งแสงจากสวรรค์ออกมา ในขณะที่ปราณแท้ของเขาพวยพุ่งออกมาราวกับหินหลอมเหลวในภูเขาไฟที่หนาแน่นยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

จุดชีพจรทั่วร่างกายของเฉินซีก็เปล่งประกายด้วยรัศมีของพระอาทิตย์และพระจันทร์ จากนั้นลำแสงเจิดจ้าก็พุ่งออกมาจากภายในจุดชีพจรเหล่านั้น ซึ่งพวกมันก็ค่อย ๆ เสริมความแข็งแกร่งให้กับเนื้อหนัง เส้นเอ็นและกระดูกของเขา ทำให้เขาสามารถระเบิดพลังแฝงที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น การขัดเกลากายาและการบ่มเพาะปราณแท้ของชายหนุ่มก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแรงผลักดันมหาศาล!

แต่ดูเหมือนว่าเฉินซีจะไม่รับรู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย

เพราะเสียงของหม้อใบจิ๋วยังคงดังก้องอยู่ในหูของเฉินซี ราวกับเป็นท่วงทำนองที่กระตุ้นให้เขาต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายและดึงพลังออกมาจนถึงขีดสุด

ในขณะนี้ พายุสายฟ้ายังคงคำรามก้องอยู่รอบตัวเฉินซี ขณะที่ประกายสายฟ้ายังเคลื่อนไปมาภายในดวงตาของเขา เต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธาตุทั้งห้า หยิน หยาง สายฟ้า ดวงดาว การฆ่าฟัน การลบล้าง ปารมิตา การให้อภัย การกลืนกิน และอื่น ๆ ถูกนำมาใช้อย่างชำนาญตามที่เขาต้องการ ทุกกระบวนท่าล้วนมีเจตจำนงอันยิ่งใหญ่และพลังที่จะกวาดล้างไปทั้งโลกา

ยิ่งกว่านั้น เหล่ากองทัพมรณะที่ล้มตายด้วยน้ำมือของเฉินซีก็เหมือนกับข้าวเปลือกในทุ่งนาที่เขาเก็บเกี่ยวชุดแล้วชุดเล่า และความเร็วในการทำลายล้างศัตรูของเขาก็น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง

แน่นอนว่าเหตุผลส่วนใหญ่ก็เกิดจากการที่เฉินซีได้ลอบจู่โจมพวกมันจากทางด้านหลัง ซึ่งกองทัพมรณะเหล่านั้นกำลังจดจ่ออยู่กับการโจมตีเมืองบรรพกาล ดังนั้นพวกมันจะรู้ได้อย่างไรว่า มีมนุษย์กำลังสังหารพวกมันอยู่ทางด้านหลัง?

ถึงแม้ว่าจะสังเกตเห็นชายหนุ่ม แต่มันก็สายเกินไป เนื่องจากความเร็วของเฉินซีนั้นเร็วเกินไปและเขาไม่เปิดโอกาสให้พวกมันได้ทันตอบโต้ ดังนั้นพวกมันจึงถูกทำลายทั้งหมด

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การต่อสู้เยี่ยงนี้เป็นเพียงการสังหารหมู่แต่ฝ่ายเดียว

หากมีใครมองลงมาจากท้องฟ้า จะเห็นร่างที่เปล่งประกายด้วยแสงของสายฟ้า ซึ่งดูเหมือนเคียวที่กำลังเก็บเกี่ยวชีวิตจากทางด้านหลังของกองทัพกองทัพมรณะ อีกทั้งยังทำลายล้างจนเกิดรอยแยกขนาดใหญ่อันน่ากลัว

น่าเสียดายที่ฉากนี้ไม่มีใครสังเกตเห็น

เนื่องจากปิงซื่อเทียนกำลังต่อสู้กับสี่ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างภพอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าอย่างดุเดือด ในขณะที่เหล่าทูตของแดนภวังค์ทมิฬก็นำเหล่าศิษย์ของราชวงศ์ต่าง ๆ เข้าต่อสู้กับกองทัพกองทัพมรณะบนอากาศ

การต่อสู้อันน่าสยดสยองเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง และเพื่อความอยู่รอด ทุกคนต่างตั้งสมาธิอย่างหนักแน่นในทุกเสี้ยวลมหายใจ

หลังจากต่อสู้และเข่นฆ่าอย่างไม่จักจบจักสิ้น

ทันใดนั้น เสียงของหม้อใบจิ๋วก็ดังขึ้นที่หูของเฉินซี “พอแล้ว พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรวบรวมพลังเทวะอีกต่อไปแล้ว!”

“พอแล้วหรือ?” เฉินซีหยุดเคลื่อนไหว และดวงตาของเขายังคงมีร่องรอยความผิดหวัง

แต่เขายังคงอดกลั้นและถามด้วยเสียงที่แหบแห้ง “มันเพียงพอแล้วจริง ๆ หรือ?”

“ข้าต่อสู้อย่างสุดกำลังได้เพียงครั้งเดียว” หม้อใบจิ๋วตอบอย่างใจเย็น

“ดีมาก” เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เขาเพิ่งรู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้าอย่างสุดจะพรรณนา กล้ามเนื้อของเขาเจ็บปวดเหลือทน และรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่เกิดจากความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เขาไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากการนอนหลับพักผ่อน

“ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าเข่นฆ่าจนทะลวงสู่สวรรค์ทั้งเก้า!!”

แต่ถ้อยคำเพียงประโยคเดียวของหม้อใบจิ๋ว กลับทำให้จิตวิญญาณของเฉินซีรู้สึกสดชื่นขึ้น และความเหนื่อยล้าของเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง

“ฮ่า ๆๆ… ไอ้หนู ในตอนนั้นข้าสามารถต่อกรกับเหล่าทวยเทพได้ แม้ว่าตอนนี้ข้าจะเหลือเพียงเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณ แต่เซียนสวรรค์ที่ฝีมืออ่อนด้อยเช่นเจ้าจะต่อต้านข้าได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะศัสตราของเหล่าทวยเทพคอยคุ้มครองอยู่ เจ้าคงสิ้นชีพไปนานแล้ว!”

เสียงหัวเราะดังลั่นจากสวรรค์ทั้งเก้า ร่างของหลีหวงอาบไปด้วยเปลวเพลิงสีม่วงที่ลุกโชติช่วง และเพียงแค่พลิกฝ่ามือ เปลวเพลิงสีม่วงก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นจึงเผาผลาญทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในระยะนับพันลี้ ซึ่งเผยให้เห็นพลังที่ครอบงำและรุนแรงของมัน

“เจ้าประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปจริง ๆ ความโกลาหลของทั้งสามภพนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อมและเมืองบรรพกาลจะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก การกระทำของเจ้านั้นไร้ประโยชน์ มาดูกันว่าเจ้าจะดิ้นรนต่อไปได้อีกนานแค่ไหนกัน!”หลูกังกล่าวอย่างเย็นชาและเฉยเมย ดวงตาสีเขียวหยกของเขาก็เปล่งประกายเย็นชา ในขณะที่เจตนาฆ่าของเขาก็สั่นสะเทือนไปโดยรอบ

ตู้ม!

ฝนเลือดสีทองได้โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าขนานใหญ่ ในขณะที่ปิงซื่อเทียนก็โซเซไปทางด้านหลังและกระอักเลือดคำโตออกมา เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บ

เขาประเมินความแข็งแกร่งของจักรพรรดิภูตผีหลีหวงต่ำไป เพราะเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จิตวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งยังมีชีวิตรอดจะสามารถสะสมความแข็งแกร่งจนเทียบได้กับเซียนสวรรค์ เมื่อรวมกับความช่วยเหลือจากผู้เยี่ยมยุทธ์ของจากต่างภพทั้งสามคนแล้ว พวกมันกลับทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตทันที

ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีศัสตราทั้งแปดของเหล่าทวยเทพคุ้มครองอยู่ เขาคงไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้จนถึงตอนนี้

“เหตุใดเจ้าจึงกล่าววาจาผายลมมากมาย!? ถ้าอยากจะสู้ ก็จงสู้ให้สาแก่ใจ นับตั้งแต่ที่เริ่มบ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ ข้าปิงซื่อเทียนได้ผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน แล้วข้าจะเคยเกรงกลัวผู้ใดมาก่อนได้อย่างไร?”

มือขวาของชายหนุ่มสั่นขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง ง้าวสีเงินตวัดขึ้นสู่ท้องฟ้าและฟาดฟันลงมาอย่างดุดัน ทำให้บรรยากาศบิดเบี้ยวทันทีที่มันระเบิดพลังออกมา และเขาต่อสู้อย่างเต็มที่โดยปราศจากความกลัว

แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนต่อสู้อย่างไร เขาก็ไม่อาจหลุดพ้นจากการถูกกลุ่มของหลีหวงรุมล้อม และยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อไปนานมากเท่าใด อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาก็เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

‘บัดซบ! ถ้าร่างที่แท้จริงของข้าอยู่ที่นี่ แล้วข้าจะถูกกดดันมาจนถึงจุดนี้ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ศัสตราของเหล่าทวยเทพเหล่านี้กลับไม่เชื่อฟังข้า ทำให้ข้าดึงพลังออกมาได้น้อยกว่าสามส่วนเท่านั้น… หรือว่าร่างจำลองของข้าปิงซื่อเทียนจะต้องสูญสิ้นในวันนี้’ ดวงตาของปิงซื่อเทียนลุกโชนด้วยเปลวไฟ ในขณะที่หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]