“ฮึ่ม! ไอ้สุนัขเฒ่า คิดจะหลบหนีหลังจากที่ส่งคนลอบไปรวบรวมแผ่นหยกอันล้ำค่าหรือ? อย่าได้คิดขยับเชียว!”
ฉางปินตะโกนเสียงดังลั่น ก่อนจะฟันกระบี่วิญญาณโลหิตบงกชสีชาดในมือ จากนั้นปราณกระบี่สีโลหิตขนาดมหึมาก็ผ่าตรงไปยังฟู่เหิง
ระยำเอ๊ย! ข้าก็ตกหลุมพรางกลอุบายนี้เช่นกัน เจ้าไม่เข้าใจหรือ?
ฟู่เหิงโกรธจนถึงขั้นที่ใบหน้าซูบตอบของเขาสั่นไหว จากนั้นเขาก็ดึงโล่ที่ทำมาจากขนนกออกมาเพื่อป้องกันปราณกระบี่สีเลือดขนาดมหึมาที่พุ่งทะยานเข้าหาเขา
เขาหาได้รู้จักเฉินซี แต่การที่อีกฝ่ายกล่าวถึงนิกายหงสาเมฆาชาดก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขากลายเป็นศัตรูกับทุกคนและถูกไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายทันที ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของซูเจียวหรือไฉ่เล่อเทียนต่างมองว่ากลุ่มของเขาเป็นคนน่าชิงชังที่คิดขโมยแผ่นหยกอันล้ำค่าและจู่โจมเขาอย่างโหดเหี้ยม ทั้งยังบีบบังคับให้เขาไม่อาจอดกลั้นต่อการถูกโจมตีอีกต่อไป
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
กระบี่วิญญาณโลหิตบงกชสีชาดเป็นดั่งค้อนยักษ์ที่ทุบกระแทกเข้าใส่โล่ขนนกซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลังอันน่าสะพรึงกลัวจากกระบี่พุ่งเข้าใส่ฟู่เหิง จนร่างกายของเขาสั่นสะท้านไม่หยุด สีหน้าของเขาซีดเผือดลง เขาไม่อาจสกัดกั้นมันได้อีกต่อไปและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์! ผู้บริสุทธิ์น่ะเข้าใจไหม!
ฟู่เหิงกู่ร้องอยู่ภายในใจ แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบกับเฉินซีมาก่อน แต่ยามนี้เขาเกลียดอีกฝ่ายเข้ากระดูกดำเสียแล้ว
ไม่ใช่แค่เพียงฟู่เหิง ทุกคนในกลุ่มของชายชราต่างก็ทุกข์ทรมานเช่นเดียวกัน พวกเขาถูกกลุ่มของซูเจียวและไฉ่เล่อเทียนไล่ล่าด้วยเจตนาฆ่า แต่เมื่อพวกเขาคิดจะโต้กลับ พวกเขากลับสังเกตเห็นว่ากลุ่มของซูเจียวและไฉ่เล่อเทียนต่างก็รบกันเองเช่นกัน สถานการณ์ที่วุ่นวายเยี่ยงนี้ทำให้พวกเขาไม่อาจระบุได้ว่าใครคือศัตรู!
เป็นไปได้ไหมว่าเราต้องอยู่นิ่งเสียก่อนและคอยรับการโจมตีของพวกมัน ก่อนที่จะโต้ตอบกลับไป?
น้ำตาได้ไหลอาบบนใบหน้าของพวกฟู่เหิงที่ไม่ควรประสบภัยพิบัติเยี่ยงนี้
…
ภายนอกห้องโถงตำรา
หลังจากตะโกนออกไปก่อนหน้านี้ เฉินซีก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและรีบทะยานไปตามทางเดินลับที่ซ่อนอยู่ ร่องรอยความรู้สึกผิดที่ไม่อาจลบล้างกลับเพิ่มขึ้นในใจของเขา ขณะที่เขาได้ยินเสียงการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวสะท้อนก้องออกมาจากภายในห้องโถง เขารู้สึกว่าได้กระทำสิ่งที่ผิดมหันต์ต่อตู้ชิงซี ต้วนมู่เจ๋อและซ่งหลินลงไปเสียแล้ว
ตั้งแต่เข้าสู่ดินแดนรกร้างใต้พิภพจนถึงจุดที่พวกเขาก้าวเข้าสู่เทือกเขาเปลวเพลิงสีชาด คนทั้งสามได้ดูแลเฉินซีเป็นอย่างดีและถือว่าเขาเป็นสหายผู้หนึ่ง แต่สิ่งที่เขากล่าวออกไปเมื่อครู่ได้ผลักทั้งสามเข้าสู่การรบราอันวุ่นวาย จนถึงตอนนี้เฉินซีก็เริ่มรู้สึกผิดต่อพวกเขามากขึ้น
เป็นภัยพิบัติที่ไม่สมควรจะได้รับ!
ข้าแค่หวังว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอด ได้โปรดอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาเลย…
เฉินซีส่ายศีรษะหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเขาก็ละทิ้งความคิดในใจ ก่อนที่จะวิ่งไปตามทางเดินเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ซึ่งมุ่งหน้าไปยังห้องโถงสมุนไพรร้อยแปด
จากการคาดคะเนของเขา การต่อสู้ภายในห้องโถงตำราจะดำเนินต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินผู้แพ้ชนะ ดังนั้นระหว่างที่ทั้งสามกลุ่มต่อสู้กันอยู่ เขาย่อมใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวของล้ำค่าทั้งหมดในห้องโถงสมุนไพรร้อยแปด
ผ่านไปราวครึ่งก้านธูปไหม้ เฉินซีก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถงสมุนไพรร้อยแปด
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปข้างใน ปราณวิญญาณหนาแน่นที่ลอยอยู่ในอากาศได้รวมตัวกลายเป็นม่านหมอก และเมื่อสูดหายใจเข้า ปราณวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้ก็ไหลผ่านไปทั่วร่างกายของเฉินซี ทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความสดชื่น
ช่างเป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมมาก!
สิ่งก่อสร้างนี้คงอยู่มาเนิ่นนานนับหนึ่งหมื่นปี แต่ปราณวิญญาณของที่นี่ยังคงหนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ! ภายใต้การหล่อเลี้ยงปราณวิญญาณที่หนาแน่นเช่นนี้ คุณภาพของพันธุ์พืชและสมุนไพรล้ำค่าก็ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
เฉินซีไม่ลังเลและเริ่มค้นหาไปทั่วทั้งห้องโถงสมุนไพรร้อยแปด
ห้องโถงสมุนไพรร้อยแปดครอบคลุมพื้นที่ประมาณสองร้อยห้าสิบลี้ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องโถงสมบัติและห้องโถงตำราถึงหนึ่งร้อยเท่า หลังจากใช้เวลาเกือบสี่ชั่วยาม ในที่สุดเฉินซีก็พบที่ตั้งของทุ่งเพาะปลูกวิญญาณ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทุ่งเพาะปลูกวิญญาณมีพื้นที่ทั้งหมดราวสามสิบห้าลี้ เมฆหมอกลอยละล่องอยู่เหนือทุ่ง เมฆหมอกนี้เป็นดั่งปุยฝ้ายและเปล่งประกายระยิบระยับ เฉินซีตกตะลึงเมื่อเห็นมันขยายตัว ราวกับพวกมันถูกควบแน่นด้วยปราณวิญญาณทั้งหมด! อย่างไรก็ตาม เมื่อจ้องมองลงมายังพื้นที่เพาะปลูกวิญญาณ เขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง
สมุนไพรวิญญาณถูกปลูกอยู่ในดินที่มีสีดำสนิทและมันวาว แต่เขากลับเห็นมันได้เพียงหร็อมแหร็ม เนื่องจากสมุนไพรทุกต้นล้วนเหี่ยวเฉาและแห้งตายไปแล้ว
ที่แห่งนี้ไม่มีสมุนไพรวิญญาณที่เหลือรอดเลยสักต้น!
แปลกนัก… ปราณวิญญาณที่นี่มีมากมายล้นเหลือ เหตุใดพืชวิญญาณเหล่านี้ถึงเหี่ยวแห้งและตายไป?
เฉินซีขมวดคิ้วและเดินเข้าไปในทุ่งเพาะปลูกวิญญาณ
หลังจากเดินลึกไปเกือบยี่สิบลี้ เฉินซีก็ได้ยินเสียงน้ำไหลเบา ๆ และสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ยิ่งเขาเดินลึกเข้าไปมากเท่าไร ปราณวิญญาณที่อยู่รอบกายก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...