บทที่ 559 ดื้อรั้น
บทที่ 559 ดื้อรั้น
ณ ยอดเขาจรัสตะวันตก ริมสระชำระกระบี่
หลังจากที่เหล่าศิษย์จากยอดเขาอื่น ๆ จากไป บรรยากาศในที่แห่งนี้ก็หวนคืนสู่ความสงบสุขอย่างเคย
เฉินซีก้าวเดินไปข้างหน้า จากนั้นจึงประสานมือและกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์น้องเฉินซี ขอคารวะเหล่าศิษย์พี่”
ในขณะที่เขาพูด เฉินซีก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังเหล่าศิษย์พี่ของเขา
หั่วโม่เลย ซึ่งเป็นศิษย์พี่ใหญ่ มีรูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายท่อนบนของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามสีทองแดงที่เปลือยเปล่า เขามีผมสีแดงเข้มดุจเปลวเพลิง จึงทำให้ตัวคนดูหยาบกระด้างเป็นอย่างมาก
ศิษย์พี่รองหลูเซิงนั้นสวมชุดขนนก มีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลา ดวงตาของเขาก็ดูไม่ธรรมดาและมีชีวิตชีวา ยิ่งไปกว่านั้น มีขลุ่ยสีเขียวเหน็บอยู่ที่เอว มันก็ทำให้เขาดูอิสระยากจะผูกมัดกับสิ่งใด
ศิษย์พี่สามอี้เฉินจื่อ สวมมงกุฎทรงสูงสีดำ สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวเหมือนพระจันทร์ มีใบหน้าที่ผอมตอบ และเขาดูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
ศิษย์พี่สี่ต้วนอี้ ดูเหมือนบัณฑิตซึ่งมีท่าทางที่สง่าไร้การผูกมัด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่อธิบายไม่ได้ ซึ่งทำให้เจ้าตัวดูพิเศษเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะอสูร แต่เขาก็พูดจาอย่างเข้มงวด เขากำเนิดจากแก่นแท้ของหยกตามธรรมชาติ และเป็นการดำรงอยู่ที่หายากมาก
ส่วนศิษย์พี่คนที่ห้าคือศิษย์พี่หญิงอาจิ่ว นางเป็นเหมือนกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสา ผมของนางถูกมัดเป็นมวยสองข้าง รูปลักษณ์ของนางดูอ่อนเยาว์และบริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีลักยิ้มที่มากไปด้วยความงาม ทุกการเคลื่อนไหวของนางเผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้จึงสรุปได้ว่า ไม่ว่าศิษย์พี่คนใดก็ตาม พวกเขาต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตนเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่พวกเขาจะสร้างความประทับใจลึก ๆ ให้กับผู้คน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาไม่มีกลิ่นอายของการฆ่าฟันอยู่บนตัวของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย จะมีก็เพียงกลิ่นอายที่เป็นธรรมชาติ จึงบันดาลให้ผู้คนประทับใจในตัวพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
“ศิษย์น้องเล็ก ไม่จำเป็นต้องมากมารยาท ยอดเขาจรัสตะวันตกของเรานั้นไม่มีกฎใด ๆ” หั่วโม่เลยหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “มาเถิด เราจะไปดื่มฉลองให้กับศิษย์น้องเล็กอย่างเต็มที่กัน”
“ใช่แล้วศิษย์พี่ใหญ่! ศิษย์น้องเล็กเพิ่งมาถึงวันนี้ แต่กลับแก้ปัญหาของเราได้อย่างหมดจด เขาเป็นดาวนำโชคที่ฟ้าประทานมาให้เสียจริง ๆ และเราจะต้องเฉลิมฉลองให้แก่เขา!!” ศิษย์พี่คนอื่น ๆ ต่างทยอยพยักหน้าเห็นด้วยทีละคน และกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ดังนั้นม่านงานเลี้ยงแห่งการเริ่มต้นใหม่จึงถูกรูดขึ้นที่ริมสระชำระกระบี่
ศิษย์ทั้งเจ็ดของยอดเขาจรัสตะวันตกต่างนั่งบนพื้น พวกเขาดื่มสุราและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นฉากที่เต็มไปด้วยความสุขความยินดี
นอกจากนี้ ในที่สุด เฉินซีก็ได้ยลทักษะขั้นสุดยอดของเหล่าศิษย์พี่ของเขา
ตัวอย่างเช่น ศิษย์พี่รองมีความเชี่ยวชาญด้านดนตรี เขาได้เด็ดใบไม้ออกมาหนึ่งใบ จากนั้นก็แต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมราวกับเสียงของธรรมชาติ ท่วงทำนองนั้นแผ่วเบา แต่กลับรวดเร็วและว่องไว ซึ่งช่วยชำระวิญญาณของผู้ได้รับฟัง ทำให้จิตใจสงบและรู้สึกเบิกบานจากเป็นอิสระ
เป็นดั่งท่วงทำนองของเซียนที่ก้องกังวานไปทั่วทั้งฟ้าดิน ซึ่งจังหวะเหล่านั้นก็กลายเป็นกระแสของอักขระยันต์เฉกเช่นเดียวกับธารน้ำที่ไหลริน แม้จะแผ่วเบาและวุ่นวาย แต่ในขณะเดียวกันก็ดูโปร่งแสงเสมือนผลึก
บนทุ่งหญ้าที่ริมสระชำระกระบี่ มีหญ้าอ่อนเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ ดอกไม้ผลิบานขึ้นอย่างเงียบ ๆ และดูเหมือนว่าพวกมันจะได้ยินท่วงทำนองมหาเต๋า ทำให้พลังชีวิตของมันเอ่อล้นและดูจะมีจิตวิญญาณขึ้นมา
นอกจากนี้ ผีเสื้อหลากสีมากมายก็บินว่อนมาจากป่าอันไกลโพ้น และพวกมันกระพือปีกอยู่รอบ ๆ ของศิษย์พี่รอง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเหล่าสัตว์ที่ถูกขับกล่อมด้วยท่วงทำนอง ทำให้พวกมันนอนอยู่บนพื้นอย่างเงียบ ๆ และเผยให้เห็นท่าทางที่เคลิบเคลิ้ม
ในขณะนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การกระทำที่ลึกซึ้งของมนุษย์นั้นส่งผลต่อวิถีของโลก อีกทั้งยังส่งผลต่อเต๋าและเต๋าก็ยังส่งผลต่อธรรมชาติอีกเช่นกัน
เฉินซีรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็น และเขารู้สึกโดยสัญชาตญาณว่า ท่วงทำนองนี้ควรจะมีอยู่ในสวรรค์เท่านั้น ความสามารถที่บรรลุเต๋าแห่งเสียงในระดับดังกล่าวของศิษย์พี่รองนั้น ช่างน่าทึ่งและคู่ควรแก่การยกย่องอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าคิดอย่างไรกับภาพวาดของข้า” อาจิ่วผู้เป็นศิษย์พี่ห้าเดินเข้ามาหาเขาด้วยจิตใจที่เบิกบาน โดยถือภาพวาดในมือ ก่อนที่จะแสดงให้เฉินซีดูราวกับว่านางกำลังนำเสนอสมบัติล้ำค่า
ภาพวาดนั้นถูกวาดด้วยน้ำหมึกที่สาดกระเซ็น มันเป็นรูปของทิวทัศน์ซึ่งมีกลุ่มคนกำลังดื่มสุราอย่างมีชีวิตชีวาและเสมือนจริง โดยภาพวาดนั้นตรงกับพวกเขาทั้งเจ็ดคน!
เฉินซีรู้สึกประหลาดใจกับภาพวาดนี้ เพราะเมื่อเขาจ้องมองมัน เมฆดูเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ น้ำในแม่น้ำก็ดูจะไหลเชี่ยว ผู้คนในภาพวาดดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ และทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ดูคล้ายกับพวกตนทั้งหมด!
แม้กระทั่งตอนที่เฉินซีจ้องมองตัวเองที่อยู่ในภาพวาด เขาก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่ากำลังจ้องตากับ ‘เฉินซี’ อีกคน และมันทำให้เขามึนงงเป็นอย่างมาก
จึงทำให้เขารู้สึกสงสัยในใจว่า ‘คนในรูปคือข้าหรือข้านั้นกำลังอยู่ในรูป?’
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับภาพวาดของข้า?”
“ศิษย์น้องเล็ก มาเล่นหมากล้อมกันเถอะ”
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าขาดสมบัติวิเศษอะไรหรือไม่? ให้ข้าขัดเกลาสมบัติป้องกันสักชุดดีหรือไม่?”
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าไม่ต้องการเห็นว่าข้าจัดขบวนทัพอย่างไรในการสู้รบหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...