บทที่ 563 ดินแดนแห่งดอกบัว
บทที่ 563 ดินแดนแห่งดอกบัว
หลังจากที่วิปลาสหลิ่วจากไป ชายชราก็หลับตาลงอีกครั้ง
มือหยาบกร้านและเหี่ยวย่นของเขาที่ยังคงลูบแมวดำที่หัวเข่าเบา ๆ สั่นเล็กน้อย คล้ายจะกระสับกระส่ายและไม่ค่อยสบายใจ
หลังจากผ่านไปนาน เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้น “เมื่อหลายปีก่อน ไม่ใช่แค่เจ้าที่เป็นหนี้บุญคุณคนผู้นั้นหรอก”
…
ณ ลานดอกบัวหมื่นยุทธ์
เฉินซีเดินไปที่แท่นดอกบัวที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัสออกมาอย่างท่วมท้น ฝีเท้าของเขานั้นมั่นคง และมันก็เหมือนกับความรู้สึกของชายหนุ่มในตอนนี้ ที่มีแต่ความสงบและหนักแน่นดุจเหล็กกล้า
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้กล่าวคำอำลากัน แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าวิปลาสหลิ่วได้จากไปยังภพเซียนแล้ว ซึ่งสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ ก็มีเพียงการทุ่มเทบ่มเพาะเพื่อพัฒนาฝีมือของตน และปกป้องยอดเขาจรัสตะวันตกให้ปลอดภัย
ลำแสงที่เจิดจรัสนั้นเป็นเหมือนกับสายฝนที่โปรยปรายไปทั่วฟ้าดิน และในขณะที่เฉินซีได้เข้าใกล้ คลื่นความผันผวนที่อธิบายไม่ได้ก็แผ่ขยายออกมาจากแท่นดอกบัว เมื่อรู้สึกถึงคลื่นความผันผวนนี้ จิตวิญญาณของเขาก็สั่นสะท้านและรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
เฉินซีรู้สึกราวกับอยู่ท่ามกลางดินแดนโกลาหลที่เก่าแก่ มันไม่มีท้องฟ้า ไม่มีแผ่นดิน ไม่มีภูเขา ไม่มีแม่น้ำ และไม่มีสิ่งมีชีวิตในทุกที่ที่มองเห็น
มีเพียงแท่นรูปดอกบัวที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างไร้ขอบเขต ซึ่งปลดปล่อยเต๋ารู้แจ้งออกมามากมายนับไม่ถ้วนและกลายเป็นแสงหลากสีที่เจิดจรัส ซึ่งเติมเต็มและหลั่งไหลไปยังทุกหนทุกแห่งของดินแดนโกลาหลนี้
เมื่อเดินมาถึงที่นี่ จู่ ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับว่าได้เห็นร่องรอยของมหาเต๋า ซึ่งซับซ้อนและกว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร อีกทั้งยังมีความรู้สึกว่า ถ้าเขานั่งบ่มเพาะอยู่ที่นี่ เพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยปี เขาจะสามารถบรรลุมหาเต๋าที่เขาครอบครองทั้งหมดได้อย่างถ่องแท้!
“มีเต๋ารู้แจ้งที่เต็มเปี่ยมอยู่ทุกหนทุกแห่ง… สถานที่แห่งนี้อาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์อย่างไม่มีใครเทียบได้” เฉินซีพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและเดินหน้าต่อไป
สถานที่แห่งนี้คือลานดอกบัวหมื่นยุทธ์ที่ถูกสร้างขึ้นจากคัมภีร์เก้าเรืองรองและมีโลกของมันเอง ไม่ใช่แค่เต๋ารู้แจ้งที่มีอยู่มากมาย แต่ศาสตร์เต๋าก็มีอยู่มากมายเช่นกัน ซึ่งเป้าหมายของเฉินซีในครั้งนี้ ก็คือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์เต๋าจากมัน
มีศิษย์มากมายกำลังนั่งบ่มเพาะอยู่บริเวณโดยรอบของแท่นดอกบัว ซึ่งหลายคนก็ได้หันมามองเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้า หลังจากนั้นร่อยรองแปลก ๆ ก็แวบผ่านดวงตาของคนเหล่านั้น เพราะพวกเขาจดจำเฉินซีได้อย่างได้ชัดเจน
ทว่าชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจกับการจ้องมองเหล่านี้ และก้าวตรงไปข้างหน้า ซึ่งเมื่อเขามองดูแท่นดอกบัวนี้จากระยะใกล้ จึงเพิ่งสังเกตได้ว่า แท่นนี้มีความเก่าแก่และโบราณเพียงใด ด้วยมีร่องรอยมากมายถูกทิ้งไว้ตามกาลเวลา และพวกมันก็ดูเหมือนกับร่องรอยของมหาเต๋าที่แผ่พลังอำนาจซึ่งทำให้หัวใจของทุกคนต้องสั่นสะท้านออกมา!
เมื่อเขามาถึงที่ด้านหน้าบันไดหินของแท่นดอกบัว เฉินซีก็พลันหยุดเดินและยืนนิ่งราวกับครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
มีขั้นบันไดรูปร่างกลีบดอกบัวอยู่เก้าชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็มีพื้นที่ครอบคลุมราวหกลี้และมีคนมากมายยืนอยู่บนนั้น แต่ที่แปลกก็คือ ชั้นแรกกลับมีคนมากที่สุด และยิ่งขึ้นสูงไปเท่าใด คนก็ยิ่งน้อยลงไปตามลำดับ ซึ่งชั้นที่เก้าก็มีคนเพียงคนเดียวที่กำลังนั่งบ่มเพาะอยู่ และคนผู้นั้นก็ดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
‘ดูเหมือนจะเป็นตามที่ท่านอาจารย์กล่าวไว้จริง ๆ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถก้าวขึ้นไปยังชั้นที่สูงกว่าได้ มีเพียงผู้มีความแข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นเท่านั้น จึงจะสามารถก้าวขึ้นไปสู่ชั้นที่สูงกว่าได้’ เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเขาก็ก้าวขึ้นไปบนขั้นบันไดหินโดยไม่ลังเล
โอม!
ในทันทีที่เท้าได้ก้าวขึ้นไปบนขั้นบันได ชายหนุ่มพลันรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาสั่นไหวราวกับได้เข้าสู่โลกแห่งอัคคีทันที ทุกที่ที่ดวงตาของเขาสามารถมองเห็นได้คือ เปลวเพลิงที่พวยพุ่งและทะเลเพลิงที่พลุ่งพล่าน ซึ่งมีทั้งสีแดงเข้ม สีน้ำเงิน สีขาว สีดำ… เปลวเพลิงต่าง ๆ ปกคลุมทุกหนทุกแห่งของพื้นที่นี้!
ยิ่งไปกว่านั้น เปลวเพลิงเหล่านี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์มากมายที่ลอยล่องและส่งเสียงหวีดหวิวไปทั่วทั้งฟ้าดิน รวมทั้งเฉินซียังเห็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หลายตัวที่อาบไปด้วยเปลวเพลิง
กระทิงเพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังพุ่งเข้าใส่คลื่นเพลิงที่ถาโถมอย่างดุเดือด หงส์แดงกระพือปีกที่ปกคลุมด้วยเปลวเพลิงของมัน กิเลนเพลิงพลันกู่ร้องขึ้นสู่ท้องฟ้า… สัตว์ร้ายแห่งอัคคีทั้งหลายล้วนท่องไปมาอย่างอิสระอยู่ในมิติแห่งนี้ และเมื่อกวาดสายตามองไปทั่ว ฉากนั้นก็น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก
“โลกแห่งอัคคีนี้คงจะก่อตัวขึ้นจากมหาเต๋าแห่งอัคคี…” สายตาของเฉินซีกวาดออกไป และเขาสังเกตเห็นศิษย์คนอื่น ๆ กำลังนั่งบ่มเพาะอยู่ในเปลวเพลิงต่าง ๆ
“สายฟ้าเปลวสุริยัน! นี่มันผ่านไปกี่ปีแล้ว ในที่สุด ข้าก็เข้าใจศาสตร์เต๋าเสียที!” ทันใดนั้น มีศิษย์คนหนึ่งยืนขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้น ราวกับเขาได้รับสมบัติอันล้ำค่าและร้องโวยวายเสียงดัง
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
เพราะการได้รับศาสตร์เต๋าจากลานดอกบัวหมื่นยุทธ์แห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะนอกจากจะต้องการพรสวรรค์แล้ว ที่แห่งนี้ยังต้องบรรลุเต๋ารู้แจ้งในขอบเขตขั้นสูง!
ซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า สี่ขอบเขตสิบสองระดับแห่งเต๋ารู้แจ้งนั้น ถูกแบ่งออกเป็น ขอบเขตแรกรู้ ขอบเขตเริ่มต้น ขอบเขตขั้นสูงและขอบเขตสมบูรณ์ ทุกขอบเขตจะถูกแบ่งออกเป็นสามระดับ ดังนั้น หากใครต้องการบรรลุเต๋ารู้แจ้งถึงขอบเขตขั้นสูง อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็จำเป็นต้องบรรลุเต๋ารู้แจ้งในระดับเก้า ด้วยเหตุนี้เอง ความยากในการบรรลุจึงชัดเจนเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น การบรรลุเต๋ารู้แจ้งถึงขอบเขตขั้นสูงนั้น แม้จะถือได้ว่ามีคุณสมบัติที่จะได้รับศาสตร์เต๋าที่อยู่ในลานดอกบัวหมื่นยุทธ์ แต่ก็ยังต้องพึ่งพาพรสวรรค์และโชคลาภเพื่อให้ได้ศาสตร์เต๋ามาอยู่ดี
“ฮึ่ม! มีอะไรให้น่าภูมิใจกัน? แท่นดอกบัวนั้นมีขั้นบันไดอยู่เก้าชั้น ซึ่งศาสตร์เต๋าที่อยู่ในชั้นแรกก็เป็นแค่กระบวนยุทธ์ธรรมดาเท่านั้น แล้วต่อให้เจ้าได้รับมัน มันก็แข็งแกร่งกว่ากระบวนยุทธ์ที่สมบูรณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” มีคนบ่นพึมพำด้วยความอิจฉา
“หึ… มีศิษย์ชั้นสูงเกือบสามพันคนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเรา แต่มีเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้นที่ได้รับศาสตร์เต๋า ข้าพอใจที่ได้รับเคล็ดวิชาสายฟ้าเปลวสุริยันนี้แล้ว ทุกคน ข้าขอตัวก่อน” คนผู้นั้นยังคงไม่แยแส เขาโบกมือด้วยความตื่นเต้นขณะที่หันหลังและจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...