บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 564

บทที่ 564 ก้าวขึ้นสู่ดอกบัวไปทีละก้าว

บทที่ 564 ก้าวขึ้นสู่ดอกบัวไปทีละก้าว

ณ ลานดอกบัวหมื่นยุทธ์ ภายในชั้นที่ห้าของแท่นดอกบัว ดินแดนแห่งทอง

ทันใดนั้น บรรยากาศภายในแท่นดอกบัวทั้งหมดก็เงียบสนิท และมีเพียงเสียงฝีเท้าของเฉินซีเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ ในขณะที่หัวใจของทุกคนก็เริ่มเต้นเร็วไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าเหล่านั้น

ในเวลาเดียวกันกับที่บรรยากาศในแท่นดอกบัวเงียบลง ชายชราที่อยู่ข้างนอกหอหมื่นคัมภีร์ดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างและหันศีรษะเล็กน้อย จากนั้นดวงตาที่ใสกระจ่างปราศจากสิ่งเจือปนของเขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ซึ่งมันเหมือนกับดวงดาวพันนับหมื่นที่ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ทำให้ดวงตาของเขาดูลึกล้ำจนทำหัวใจสั่นไหว

หลังจากนั้น มุมปากของเขาก็ขยับและดูจะประหลาดใจไม่น้อย

ตึก! ตึก!

เสียงฝีเท้าที่มั่นคง หนักแน่นและเป็นจังหวะดังขึ้นมาเบา ๆ จากแท่นดอกบัวอันเงียบสงบ ในขณะที่ร่างสูงโปร่งก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ช้าหรือเร็ว และยังคงเดินไปต่อภายใต้สายตามากมายที่แสดงท่าทีหลากหลาย

เขาใกล้จะผ่านดินแดนแห่งทอง เพื่อขึ้นสู่ชั้นที่หก ดินแดนแห่งหยิน!

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ในที่สุดข้าก็บรรลุทลายสวรรค์ทองสีชาด! ข้าล่ะอยากรู้นักว่าเฉินซีจะสู้กับข้าที่ครอบครองศาสตร์เต๋าได้อย่างไร!” ในขณะนี้ คลื่นเสียงหัวเราะก้องอยู่ในดินแดนแห่งทองที่เงียบสงัด และมันก็บาดหูอย่างมาก ทำให้ทุกคนประหลาดใจและเงยหน้าขึ้นมองไปยังผู้บ่มเพาะคนนั้น

ผู้บ่มเพาะคนนั้นสวมเสื้อคลุมขนนกและมงกุฎสีดำ เขามีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและรูปร่างสมส่วน แท้จริงแล้วเขาคือหมิงเหยียนที่เพิ่งเข้าร่วมนิกายกระบี่เก้าเรืองรองในวันเดียวกับเฉินซี!

หมิงเหยียนเคยเผชิญหน้ากับเฉินซีที่ยอดเขาสัประยุทธ์ แต่เนื่องจากการปรากฏตัวของท่านประมุขนิกาย ทำให้การต่อสู้ของทั้งสองคนจำต้องหยุดลงกลางคัน โดยไม่คาดคิด เขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ลานดอกบัวหมื่นยุทธ์ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ดูจากรูปการณ์ ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับศาสตร์เต๋าที่ทรงพลังในดินแดนแห่งทองแล้ว!

‘หึ นี่เขาคิดว่าข้าเป็นเป้าซ้อมมือของเขาหรือไร?’ เฉินซีหยุดเคลื่อนไหวและมองไปที่หมิงเหยียนด้วยความสนใจ แรงกดดันของเต๋ารู้แจ้งภายในดินแดนแห่งทองนั้นแข็งแกร่งมาก และมันแฝงไปด้วยความรู้สึกที่แหลมคมราวกับเจาะเข้าไปถึงจิตวิญญาณ แต่แรงกดดันเหล่านี้ก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งฝีเท้าของเขาได้เช่นกัน

อันจริง เฉินซีก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เพราะหมิงเหยียนกลับได้ศาสตร์เต๋าในเวลาไม่นาน ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของอีกฝ่ายนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มองเฉินซีเป็นศัตรู มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริง ๆ

“อืม? ดูเหมือนบรรยากาศจะไม่ค่อยดีนัก…” หมิงเหยียนตกตะลึงและเสียงหัวเราะของเขาก็หยุดลงทันที ในขณะที่ความตื่นเต้นที่เกิดจากการได้รับศาสตร์เต๋าก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับกระแสน้ำที่ลดลงอย่างฉับพลันก่อนที่จะเกิดคลื่นยักษ์

เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นว่าผู้คนจำนวนมากกำลังมองมาที่ตนด้วยสีหน้าแปลกพิกล ราวกับกำลังมองดูตัวประหลาดอยู่ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกและรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจอย่างมาก “บัดซบ สายตาพวกนั้นมันอะไรกัน? พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แม้ว่าพวกเจ้ารู้สึกอิจฉาที่ข้าได้รับศาสตร์เต๋าที่ทรงพลัง!?

“บรรยากาศดูจะไม่ค่อยดีนักใช่หรือไม่?” เสียงที่ไม่แยแสได้ดังขึ้นจากทางด้านหลังในขณะนี้ ทำให้ร่างกายของหมิงเหยียนแข็งทื่อทันที และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมา

เพราะเขาคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก ดังนั้นเมื่อนึกถึงตอนที่ตนเองโห่ร้องอย่างตื่นเต้นที่ได้รับศาสตร์เต๋าและกล่าววาจาโอ้อวดว่าจะเอาชนะคนคนนั้น มันก็ทำให้เขารู้สึกว่าใบหน้าของตนเองกำลังไหม้ด้วยความอับอาย

“มารดามันเถอะ! ไอ้สารเลวนี่ มาตั้งแต่มาเมื่อใดกัน?”

หมิงเหยียนหันหน้ากลับมาและเห็นร่างที่คุ้นเคย ทำให้สีหน้าของเขากลายเป็นเศร้าโศก แม้แต่ใจของเขาก็รู้สึกกังวลและหวาดกลัวแทน

“ไอ้สารเลวนี่ตบน้องชายของตู้เซวียนจนหมดสติในวันนั้น และตอนนี้ตัวข้าก็ยังไม่เชี่ยวชาญศาสตร์เต๋านี้ ดังนั้นข้ามิอาจต่อกรมันได้ ถ้ามันพุ่งเข้ามาทุบตีข้าต่อหน้าทุกคนในตอนนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วละก็… มันคงน่าอัปยศอดสูเป็นอย่างมาก!”

“ศิษย์น้องหมิงเหยียน หากเจ้าเลือกเป้าหมายผิด บางครั้งมันก็จะนำไปสู่โศกนาฏกรรม” เฉินซียิ้มบางและไม่สนใจคนผู้นี้อีกต่อไป จากนั้นเขาก็หันหลังกลับมาและเดินจากไป

เมื่อเห็นเฉินซีจากไปและไม่ทำให้ตนเองอับอาย หมิงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นสีหน้าของเขาก็พลันกลายเป็นเคร่งขรึม ในขณะที่สายตาซึ่งฉายชัดถึงความเกลียดชังจ้องมองไปยังร่างที่ค่อย ๆ หายไปในระยะไกล

“ศิษย์น้องหมิงเหยียน? ข้ากลายเป็นศิษย์น้องเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน? มันมากเกินไปแล้ว! แล้วยังมีหน้ามากล่าวว่าให้ข้าระวังโศกนาฏกรรมอีก โศกนาฏกรรมมารดามันสิ!?!”

“เมื่อบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้สำเร็จ ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสความรู้สึกของการคร่ำครวญถึงบิดามารดาเจ้า!” หมิงเหยียนกัดฟันและสาปแช่งอย่างดุเดือดในใจ ก่อนจะหันหลังและเดินจากไป

เขาหมดอารมณ์ที่จะบ่มเพาะศาสตร์เต๋าที่ได้รับมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อก้าวไปได้เพียงสองก้าว เจ้าตัวก็ต้องหยุดอย่างกะทันหัน จากนั้นก็หันไปยังทิศทางที่เฉินซีหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ม่านตาของเขาขยายออกอย่างช้า ๆ “หรือว่ามันก็ต้องการศาสตร์เต๋าเช่นกัน?!”

หัวใจของหมิงเหยียนพลันกระตุนอย่างรุนแรง เพราะตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าแท่นดอกบัวนั้นมีเก้าชั้น ซึ่งคุณภาพและความแข็งแกร่งของศาสตร์เต๋าที่จะได้รับ ก็จะเพิ่มขึ้นไปตามความสูงของชั้น แต่เฉินซีกลับกำลังเดินไปข้างหน้าทีละก้าวอยู่ตอนนี้ ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าเขากำลังตามหาศาสตร์เต๋าที่ทรงพลังที่สุดหรอกหรือ?

“ความปรารถนาของไอ้สารเลวนี้มากมายมหาศาลเสียจริง ข้าหวังว่ามันจะคว้าน้ำเหลว!”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หมิงเหยียนก็หายจากอาการตกใจ และรอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เพราะเขาไม่เชื่อว่าเฉินซีจะสามารถขึ้นไปยังระดับที่สูงได้ และไม่เชื่อว่าเฉินซีจะได้รับศาสตร์เต๋าที่ทรงพลังยิ่งกว่าตนเอง!

แม้กระทั่งตู้เซวียนกับผางโจวซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูง แต่พวกเขากลับได้รับศาสตร์เต๋าจากชั้นที่หกเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าพรสวรรค์ของเฉินซีจะยอดเยี่ยมถึงเพียงใด ทว่าชายหนุ่มจะเทียบกับสองคนนี้ได้อย่างไร?

แม้ว่าเฉินซีจะสามารถขึ้นไปถึงดินแดนแห่งหยินได้ แล้วจะเป็นอย่างไร? มันจะไร้ประโยชน์หากเขาไม่สามารถได้รับศาสตร์เต๋าได้จากที่นั่น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]