บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 565

บทที่ 565 ดินแดนแห่งอัสนี

บทที่ 565 ดินแดนแห่งอัสนี

ภายในห้วงสำนึกของเขา ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่มักจะลอยอย่างเงียบงันกลับปล่อยความผันผวนที่แปลกประหลาดออกมา ซึ่งก็ได้ขยายตัวออกไปเพื่อสลายแรงกดดันของเต๋ารู้แจ้งทั้งหมดที่มีอยู่ในดินแดนแห่งวายุ!

เมื่อเฉินซีเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากความรู้สึกประหลาดใจแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดี

แม้เขาจะรวบรวมแผนภาพวารีหลากมาได้สามชิ้นแล้ว แต่สิ่งนี้ก็ยังลึกลับเกินไป ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไรจนกระทั่งทุกวันนี้

ยิ่งไปกว่านั้น มีแค่ในช่วงระหว่างการชุมนุมดาวรุ่งเท่านั้นที่แผนภาพวารีหลากดูจะมีจิตวิญญาณขึ้นมาและมันได้ถ่ายทอดพลังอิทธิฤทธิ์ที่สามารถติดอันดับหนึ่งในร้อยอันดับแรกของเทียบพลังอิทธิฤทธิ์ทองคำของภพทั้งสาม ซึ่งคือ เนตรเทวะแห่งความจริง!

แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แผนภาพวารีหลากก็ตกอยู่ในความเงียบและไม่เคยแสดงถึงจิตวิญญาณออกมาอีกเลย

จนกระทั่งตอนนี้ ภายใต้แรงกดดันของเต๋ารู้แจ้งที่อยู่ในดินแดนแห่งวายุ ซึ่งคือชั้นที่แปดของแท่นดอกบัว

ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากได้แสดงพลังอีกครั้ง และปลดปล่อยความผันผวนที่ทำลายล้างแรงกดดันทั้งหมด จึงทำให้เฉินซีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

หึ่ง!

หลังจากที่แรงกดดันซึ่งมีผลต่อวิญญาณของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าของเฉินซีก็ปรากฏรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเดินต่อไปโดยไม่ลังเล ซึ่งอยู่ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคน

“นี่เขาไม่เป็นอะไรเลยหรือ…?”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!? แรงกดดันของเต๋ารู้แจ้งที่มีอยู่ในดินแดนแห่งวายุนั้น เพียงพอที่จะทำลายวิญญาณของศิษย์ชั้นสูงทั่วไป แล้วเขาจะผ่อนคลายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?!”

“โอ้สวรรค์! นี่เขากำลังพุ่งเข้าสู่ชั้นที่เก้าและทำลายสถิติที่เหลิ่งชิวทำไว้!”

ในระหว่างที่มองท่าทางที่ผ่อนคลายของเฉินซี ซึ่งกำลังก้าวเท้ายาว ๆ ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เสียงอุทานก็ระเบิดไปทั่วในทันที ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจและไม่กล้าเชื่อสายตาว่าอีกฝ่ายจะสามารถต้านทานแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของเต๋ารู้แจ้งได้…

ที่ด้านนอกของหอหมื่นคัมภีร์

ชายชราลุกขึ้นจากเก้าอี้โยกแล้วจ้องมองหอหมื่นคัมภีร์ที่อยู่ข้างหลังเขาอย่างเงียบ ๆ สายตาของคนผู้นี้ลึกซึ้งและดูจะสามารถทะลุทะลวงผ่านมิติอันไร้ขอบเขตได้

ในขณะนั้นก็มีศิษย์หลายคนที่เพิ่งออกจากหอหมื่นคัมภีร์ เมื่อเห็นชายชรายืนขึ้น พวกเขาล้วนประหลาดใจเป็นอย่างมาก จากนั้นคนทั้งหมดก็มองไปยังทิศทางที่ชายชราจ้องมอง แต่พวกเขาก็ไม่พบกับสิ่งใด ทำให้คนกลุ่มนั้นอดไม่ได้ที่จะงุนงงสงสัย

“หรือว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในหอหมื่นคัมภีร์?”

ทุกคนต่างอยากรู้อยากเห็น แต่พวกเขาก็เพิ่งออกจากหอหมื่นคัมภีร์ และไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใด ดังนั้นพวกเขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับเข้าไปในหอหมื่นคัมภีร์อย่างแน่วแน่

ความอาวุโสของชายชราที่เฝ้าหอนั้นสูงมาก เพราะแม้แต่ผู้อาวุโสของนิกายก็ยังต้องโค้งคำนับด้วยความเคารพและนอบน้อมเมื่อพบเห็น ซึ่งโดยปกติแล้ว อีกฝ่ายมักจะนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกและหลับตาพริ้ม ซึ่งมันก็เป็นกิจวัตร จึงทำให้ชายชราดูเหมือนกับก้อนหินที่มีชีวิตและไม่มีวี่แววว่าจะเคลื่อนไหว ดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกับการที่ชายชราเป็นแบบนี้มานานแล้ว

ทว่าตอนนี้เขากลับลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นผิดปกติเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นภายในหอหมื่นคัมภีร์ เหตุใดจึงสามารถดึงดูดความสนใจของชายชราได้?

“กลับมาซะ” ทว่าเมื่อเหล่าศิษย์หันหลังกลับไปด้วยความตั้งใจที่จะกลับเข้าไป ชายชราก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจอันยากจะโต้แย้งได้

ทุกคนล้วนตกตะลึงทันที จากนั้นพวกเขาถอยหลังกลับโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่สามารถหยุดความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาได้ และทำให้ทุกคนอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นแทนว่าเกิดอะไรขึ้นภายในหอหมื่นคัมภีร์กันแน่?

โอม!

ความผันผวนที่แปลกประหลาดซึ่งแผ่ขยายออกมาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากได้สลายแรงกดดันของเต๋ารู้แจ้งทั้งหมด ภายใต้สภาวะเหล่านี้ เฉินซีดูเหมือนกับกำลังเดินอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบ และเขาได้เดินเข้าไปภายในดินแดนแห่งวายุในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่อึดใจ ก่อนที่จะขึ้นไปบนชั้นที่เก้าของแท่นดอกบัว!

สถานที่แห่งนี้คือดินแดนแห่งอัสนี

มันเป็นชั้นสุดท้ายของแท่นดอกบัว และเหนือขึ้นไปนั้นคือแท่นแบนราบที่กว้างใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ที่ใจกลางของแท่นนั้นมีลำแสงที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้าและเปล่งแสงเจิดจรัสที่เฉินซีได้เห็นเมื่อครั้งที่เขาได้เข้ามายังยอดเขา!

ดินแดนแห่งอัสนีในขณะนี้เต็มไปด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าที่เกรี้ยวกราด และพวกมันได้พัฒนาเป็นสัญลักษณ์โบราณมากมายที่เป็นตัวแทนของสายฟ้า ที่แห่งนี้มีทะเลสายฟ้าที่กำลังถาโถม พายุฝนฟ้าคะนองที่โหมกระหน่ำ และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากมายที่กำเนิดจากสายฟ้า ซึ่งทุกที่ที่สายตาสามารถมองเห็น ฟ้าดินทั้งหมดก็ดูเหมือนกับถูกปกคลุมด้วยสายฟ้าที่ส่องประกายแวววาว

นอกจากนี้ท่ามกลางโลกนี้ที่เต็มไปด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าที่ไร้ขอบเขต มันก็มีร่างที่สง่างามกำลังนั่งบ่มเพาะอยู่ที่นั่น ผมสีดำขลับของนางหนาแน่นราวกับน้ำตกที่ไหลลงมาตามไหล่ และมันขับแผ่นหลังของนางให้เด่นเป็นสง่า ในขณะเอวที่คอดก็เผยให้เห็นเสน่ห์อันน่าตกตะลึง

เฉินซีมองเห็นรูปร่างหน้าตาของนางไม่ชัดเจน เพราะนางหันหลังให้แก่เขา แต่เมื่อเขามองหน้าจากทางด้านหลัง เฉินก็รู้สึกว่าเขาแทบลืมหายใจ

เผ้าผมที่งดงามดุจน้ำตกที่ปกคลุมด้วยเงาหมอก แผ่นหลังที่เรียบเนียนของนางราวกับถูกแกะสลักและขัดเกลาอย่างพิถีพิถันจากสวรรค์ นางงดงาม เปล่งปลั่งและเผยกลิ่นอายแห่งความเย้ายวนอย่างสุดจะพรรณนา

หากเป็นผู้บ่มเพาะที่จิตใจไม่มั่นคงพอเมื่อเห็นฉากนี้ จิตวิญญาณของผู้บ่มเพาะก็คงจะหวั่นไหวและลุ่มหลงในทันที

แม้แต่เฉินซีก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อยเช่นกัน ก่อนจะกลับมามีสติ และอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชมในใจ ในอดีตนั้น เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า เพียงแค่ได้เห็นแผ่นหลังของใครบางคน กลับสามารถทำให้เขาแทบหยุดหายใจได้เช่นนี้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]