บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 576

บทที่ 576 แสงแห่งการทำลายล้าง

บทที่ 576 แสงแห่งการทำลายล้าง

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

เนื่องจากเฉินซีได้เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง เงาร่างของเขาจึงหลงเหลือภาพติดตาเอาไว้อยู่ในท้องฟ้า และทุกย่างก้าวที่ทะยาน ทำให้เขาสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีที่โถมเข้ามาด้วยความแม่นยำสูงสุด

ด้ายปราณกระบี่ที่เร็วกว่าความเร็วเสียงถึงสิบเท่า กลับไม่อาจสัมผัสแม้แต่ชายเสื้อของเขาได้ นับประสาอะไรที่จะทำร้ายเขาได้กัน?

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน่าตกตะลึงเกินไป ซึ่งดูเหมือนเฉินซีจะได้คำนวณล่วงหน้าไว้แล้วว่า ด้ายปราณกระบี่จะปรากฏขึ้นที่ใด ทำให้ชายหนุ่มสามารถหลบหลีกได้เร็วกว่าหนึ่งก้าวเสมอ และเสมือนกับกำลังเดินอย่างเกียจคร้านท่ามกลางสายฝนปราณกระบี่ที่โปรยปรายอย่างหนาแน่น

“นี่มัน… เกิดอันใดขึ้นกับเขากันแน่? เหตุใดการหลับตาของเขาจึงทำให้รอดพ้นจากอันตรายและสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดายแทน”

“ช่างน่ากลัวเหลือเกิน! ด้ายปราณกระบี่เหล่านั้นเป็นศาสตร์เต๋าที่โคจรพลังของฟ้าดินอย่างไร้ร่องรอย ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วของมันยังเร็วสุดขั้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาสามารถหลบพวกมันได้อย่างง่ายดาย!”

“ดูนั่นสิ! แม้ว่าดวงตาของเขาจะปิดอยู่ แต่ก็มีดวงตาแนวตั้งอยู่ที่หว่างคิ้ว บางทีทั้งหมดนี้อาจเกี่ยวข้องกับดวงตานั่น!”

“ดวงตาแนวตั้งหรือ? มันดูเหมือนจะเป็นพลังอิทธิฤทธิ์ใช่หรือไม่?”

“ความสามารถนี้ทำให้เขาสามารถพลิกสถานการณ์และเกิดใหม่จากสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ผู้ใดจะไปคิดก่อนหน้านี้ว่าเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้!”

เมื่อเห็นว่าเฉินซีที่กำลังจะถูกบดขยี้ จู่ ๆ ก็ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าทวยเทพ และเขาก็ยังหลีกเลี่ยงด้ายปราณกระบี่ที่ถาโถมใส่อย่างซ้ำแล้วซ้ำ โดยไม่มีทีท่าที่จะเจ็บปวดหรือบาดเจ็บใด ๆ แม้แต่น้อย อีกทั้งยังสงบมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนที่อยู่รอบข้างจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง จากนั้นก็ระเบิดความโกลาหลออกมาและความรู้สึกยากเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของพวกเขา

เช่นเดียวกับที่ศิษย์คนหนึ่งกล่าว ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่า เฉินซีจะสามารถกลับมามีอำนาจอีกครั้งและสามารถพลิกสถานการณ์ที่สิ้นหวังเช่นนี้ได้

เป็นเพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อน จึงทำให้ทุกคนตกตะลึงจนแทบอ้าปากค้าง

“ดูเหมือนว่า…” อารมณ์อันซับซ้อนปรากฏขึ้นในใจของผางโจว เขาทั้งรู้สึกตกตะลึง สะเทือนใจ ประหลาดใจและงุนงง ซึ่งเขาไม่อาจรักษาท่าทีที่สงบได้อีกต่อไป ดวงตาแนวตั้งที่หว่างคิ้วของเฉินซี ทำให้เขาคาดเดาบางอย่างได้อย่างคลุมเครือ แต่เนื่องจากคำตอบนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป จึงทำให้เจ้าตัวไม่กล้าเชื่อ

“ใช่แล้ว มันน่าจะเป็นพลังอิทธิฤทธิ์!” ดวงตาของเหลิ่งชิวนั้นส่องประกายด้วยแสงอันเยียบเย็น ในขณะที่จ้องไปยังร่างของเฉินซีอย่างแน่วแน่ และริมฝีปากที่เหมือนกับใบมีดบาง ๆ ก็พ่นคำสองสามคำออกมา ซึ่งน้ำเสียงของเขาก็มีร่องรอยความตกใจแฝงไว้

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?” เมื่อได้ยินคำตอบที่หนักแน่นของเหลิ่งชิว สีหน้าของผางโจวก็เปลี่ยนไปในที่สุด และฉากหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งในฉากนั้น เทพอสูรโบราณกำลังคำรามอย่างภาคภูมิและต่อสู้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ของทั้งสามภพอยู่ในฟ้าดิน จากนั้นดวงตาที่หว่างคิ้วของมันก็เบิกโพลง ก่อนที่ลำแสงสีดำมากมายจะพุ่งออกมาเพื่อทำลายล้างทุกสิ่งที่ตรงหน้าด้วยอานุภาพอันทรงพลัง!

“แสงแห่งการทำลายล้าง! พลังอิทธิฤทธิ์ที่เล่าขานอยู่ในตำนานนั้นกลับมีอยู่จริง…” ดวงตาของเซี่ยอี้ลุกเป็นไฟ ในขณะที่ใบหน้าอันมั่นคงของเขาเผยให้เห็นความเร่าร้อนที่หาได้ยาก เพราะในฐานะที่เป็นผู้ขัดเกลากายาที่มีเจตจำนงมั่นคงดั่งหินผา มีเพียงเผชิญหน้ากับพลังอิทธิฤทธิ์ในตำนานเท่านั้นที่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้!!

“ท่านพี่ พลังอิทธิฤทธิ์นี้คือสิ่งใดหรือ?” เมื่อเห็นว่าใบหน้าของศิษย์ชั้นสูงผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้ากลายเป็นเคร่งขรึม อันเคอยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น จนนางไม่อาจทนได้อีกต่อไป จึงดึงชายเสื้อของอันเวยและถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“ถ้าข้าจำไม่ผิด มันควรจะเป็น… เนตรเทวะแห่งความจริง” อันเวยกล่าวขณะที่จ้องมองอย่างว่างเปล่า ใบหน้าที่งดงามของนางเผยให้เห็นคลื่นอารมณ์เบาบางวูบไหวไปมา

สิ่งที่เฉินซีได้กระทำนั้น ทำให้นางตกใจมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่เมื่อนางเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ …โดยเฉพาะดวงตาแนวตั้งที่ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้ว หัวใจหญิงสาวก็พลันสั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้!

เนื่องจากในสมัยโบราณ พลังอิทธิฤทธิ์นี้เป็นสิ่งที่คล้ายกับสิ่งต้องห้าม และมันถูกทำลายไปนานแสนนาน จนสุดท้ายได้กลายเป็นตำนานที่เล่าขานกัน

ทว่าตอนนี้มันได้ปรากฏขึ้นในโลกอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้น มันยังอยู่ในความครอบครองของชายหนุ่มจากโลกใบเล็ก หากข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไป คงจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่!

เหนือขึ้นไปด้านบน…

สีหน้าของตู้เซวียนค่อย ๆ บิดเบี้ยวจนดูอัปลักษณ์ เพราะเขาจะจินตนาการได้อย่างไรว่า ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าในนิกายได้ไม่นานจะเป็นดั่งแมลงสาบที่ไม่อาจถูกตีให้ตายได้ อีกทั้งความกล้าหาญของอีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มขึ้น หลังจากการต่อสู้ยิ่งยืดเยื้อ ซึ่งตอนนี้เฉินซีเริ่มพลิกสถานการณ์ได้แล้ว!

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!?”

หัวใจของตู้เซวียนเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เต็มใจ จากนั้นเปลวไฟแห่งโทสะก็ระเบิดออกมาจากภายในหัวใจ ทำให้การจ้องมองของเขาดูน่ากลัวและโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น

“ในฐานะหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูง ทั้งที่ข้าใช้ศาสตร์เต๋าอันเลื่องลือของตัวเองแล้ว แต่กลับไม่สามารถปราบศิษย์คนใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมนิกายได้ หากข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป ข้าจะยังยืนหยัดอยู่ในนิกายได้อย่างไร? แล้วข้าจะยืนหยัดอยู่ในแดนภวังค์ทมิฬได้อยู่อีกหรือ?”

“ข้าไม่มีวันยอมให้มันพลิกสถานการณ์ได้เป็นอันขาด! มิฉะนั้น วันนี้ชื่อเสียงของข้าคงย่อยยับป่นปี้…!”

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ตู้เซวียนสูดลมหายใจเข้าลึก และสีหน้าที่เคร่งขรึมของเขาก็เผยให้เห็นความบ้าคลั่งออกมา ในขณะที่ความเร็วในการสร้างผนึกของเขาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ด้ายปราณกระบี่ก็เติบโตและแข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกัน

ด้ายปราณกระบี่ที่ละเอียดดุจเส้นผมและมีจำนวนนับไม่ถ้วน ได้ระเบิดออกไปยังบริเวณโดยรอบราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ พวกมันส่งเสียงครานครืนราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ซึ่งนนำพากระแสลมและมวลเมฆโดยรอบให้ปั่นป่วน อีกทั้งพื้นดินก็ยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หรือแม้แต่เหล่าสัตว์ร้ายที่อยู่ในระยะนับหมื่นลี้ก็ยังร่วงหล่นลงสู่พื้นพร้อมกับร้องโหยหวนอย่างต่อเนื่อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]