บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 584

บทที่ 584 หยั่งรู้กระบวนท่าล้ำลึก

บทที่ 584 หยั่งรู้กระบวนท่าล้ำลึก

ขอบเขตจุตินั้นมีอยู่เจ็ดระดับ ซึ่งมาจากอารมณ์ทั้งเจ็ดของมนุษย์ โดยการข้ามผ่านแต่ละอารมณ์เสมือนหนึ่งการถือกำเนิดใหม่ ทุก ๆ ขั้นที่พัฒนาขึ้นไป ความแข็งแกร่งในเชิงคุณภาพของคนผู้นั้นก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลง

การบ่มเพาะปราณแท้ของเฉินซีในตอนนี้อยู่ที่ระดับเจ็ดของขอบเขตจุติแล้ว อวัยวะภายในของเขาเหมือนดั่งกงล้อศักดิ์สิทธิ์ที่อัดแน่นไปด้วยธาตุทั้งห้า ซึ่งหลอมรวมกับพลังหยินและหยาง ยิ่งกว่านั้น กงล้อสังสารวัฏซึ่งลอยอยู่ในจุดตันเถียนได้เปล่งประกายจรัสอันประกอบด้วยสีทั้งห้า และแผ่รัศมีแสงมงคลออกมาขณะที่ห้อมล้อมด้วยความสุกสว่างราวดวงแก้วในแดนนิทรา

นอกจากนี้ พลังปราณทั้งสีดำและขาวก็เริ่มโคจรไหลเวียนอยู่ภายในกงล้อสังสารวัฏพร้อมกับสอดประสานกันและกันจากที่ห่างไกล พวกมันเป็นดั่งพลังปราณที่บริสุทธ์และมืดดำของฟ้าดิน ซึ่งเวียนวนเป็นวัฏจักรอันลึกซึ้ง

ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณของขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์

ไม่เพียงเท่านี้ การขัดเกลากายาของเขาก็บรรลุถึงขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์เช่นเดียวกัน ส่งผลให้กระแสโลหิตภายในร่างกายไหลพล่านดังคลื่นทะเลซัด ในขณะที่ช่องลมปราณ เส้นเอ็น และกระดูกทั่วทั้งเรือนกายก่อผลึกเช่นหยกเนื้อเงา ทุกย่างก้าวของการเคลื่อนไหว รัศมีแห่งเต๋าก็จะโคจรและเปล่งเสียงอันกึกก้องตามจังหวะ

ในตอนนี้ การไหลเวียนอากาศซึ่งเคลื่อนจากการหายใจเข้าออกนั้นไหลวนดังมังกรยักษ์ร้องคำราม ซึ่งกอปรไปด้วยพลังอันมหาศาลรุนแรง แม้แต่เส้นผมที่สยายยาวยังถูกปกคลุมด้วยแสงนวลสลัวราง ไร้ซึ่งผู้ใดจะตัดหรือทำลายได้

หากกล่าวว่าเส้นผมของเขาเป็นวัตถุดิบชั้นยอดสำหรับปรับปรุงสมบัติระดับสวรรค์ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเกินจริงแม้แต่น้อย ด้วยมันแข็งแกร่งเกินกว่าใบมีดใดจะสร้างความเสียดายได้

ทว่าบัดนี้เขายังไม่อาจบรรลุไปถึงขอบเขตสถิตกายาได้ ไม่ว่าจะในด้านกายภาพหรือการบ่มเพาะปราณแท้

เหตุผลนั้นไม่ได้ซับซ้อน การบรรลุข้ามขอบเขตไม่เพียงอาศัยการบ่มเพาะและฐานพลังอันมั่นคงล้ำลึก แต่ยังต้องพึ่งพาโชคอำนวยอีกด้วย

คนในยุคบรรพกาลมีคำกล่าวหนึ่งว่า ‘รู้แจ้งเพียงหนึ่งครั้ง ร้อยทิวาวารโบกบิน หากผู้บ่มเพาะต้องการก้าวข้ามขอบเขตของตน สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือการ ‘รู้แจ้ง’

‘การรู้แจ้ง’ เหล่านี้อาจเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจที่มาอย่างฉับพลันขณะหนึ่ง โดยอาศัยจังหวะของโชคชะตาซึ่งไม่ต้องใช้ความพยายามใด ในบางครั้งก็อาจเกิดขึ้นขณะกำลังต่อสู้ หรือแม้แต่รู้แจ้งอย่างทันทีทันใดเมื่อได้รับการชี้แนะจากผู้อาวุโสอย่างเหมาะสม

การบ่มเพาะของเฉินซีในปัจจุบันมาไกลถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว และรากฐานแห่งเต๋าของเขาก็มั่นคงเพียงพอ สิ่งที่ขาดไปมีเพียง ‘ความรู้แจ้ง’ เท่านั้น

บางครั้ง แม้จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่อาจเข้าใจถึงการ ‘รู้แจ้ง’ เพื่อบรรลุได้ กระนั้น เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรสำหรับเฉินซีนัก

ตลอดเส้นทางการบ่มเพาะของเฉินซี เขาพึ่งพาเพียงตัวเองในการคลำหาเส้นทางและบรรลุสู่ขอบเขตพลังเท่านั้น หากมองในเรื่องประสบการณ์ของการ ‘รู้แจ้ง’ แล้ว เขาก็นับว่าเหนือกว่าทุกคน

ยิ่งกว่านั้น ทักษะการสร้างจินตภาพของเขาก็เยี่ยมยอดยิ่ง มีรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีสถิตอยู่ภายในร่างกาย ในขณะที่สัตว์มงคลปี่เซียะผู้สามารถสั่งสมโชคชะตาแห่งฟ้าดินก็อยู่ฝั่งเดียวกับเขา ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องแสวงโชคเพื่อ ‘รู้แจ้ง’ เขาแค่ทำสมาธิและบ่มเพาะอย่างราบรื่นก็เพียงพอแล้ว

อย่างไรก็ตาม เฉินซีหาได้พัฒนาการบ่มเพาะไปอย่างไร้ความอดทนไม่ เขาศึกษาทักษะของตนด้วยความแน่วแน่ที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งในการต่อสู้

นับตั้งแต่ที่ต่อสู้กับตู้เซวียนและได้เห็นความน่าเกรงขามของศาสตร์เต๋า ชายหนุ่มก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการอาศัยแต่เพียงทักษะการต่อสู้ที่เขามีในเวลานี้ มันไม่เพียงพอที่จะสร้างความน่าสะพรึงกลัวในระดับนั้นได้ และแม้ว่าขอบเขตของเขาจะขยับขยายออกไป ทักษะการต่อสู้ก็ยังเป็นสิ่งที่ขัดขวางความสามารถที่แท้จริง

ในทางกลับกัน ศาสตร์เต๋านั้นแตกต่างออกไป มันเหนือกว่ากระบวนท่าอื่น ๆ และมีพลังที่รุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อีกทั้งตู้เซวียนยังสามารถจัดการกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตสถิตกายา เนื่องด้วยเขามีศาสตร์เต๋าที่เรียกว่าเคล็ดสังหารฉับพลัน!

ตามที่วิปลาสหลิ่วเคยพูดไว้ กระบวนยุทธ์เป็นรากฐานแห่งศาสตร์เต๋าทั้งปวง ในขณะที่ศาสตร์เต๋าเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งสำหรับหนทางสู่ความเป็นเซียน เพราะว่าพลังที่เซียนสวรรค์ครอบครองนั้นก่อตัวขึ้นจากศาสตร์เต๋าและกฎเกณฑ์

นอกจากนี้ หากเขาสามารถควบคุมแก่นแท้มหาเต๋าได้อย่างสมบูรณ์หลังจากที่บรรลุขอบเขตสถิตกายาแล้วตามคำกล่าวของเต๋าบงกช ชายหนุ่มจะสามารถใช้พลังแห่งศาสตร์เต๋าได้มากขึ้นถึงสองเท่า

และหากเขาสามารถควบคุมแก่นแท้มหาเต๋าได้ครบสองส่วน เขาก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นถึงสามเท่า ยิ่งควบคุมได้สมบูรณ์มากขึ้นเท่าไร ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปเท่านั้น

สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากวิปลาสหลิ่วหรือเต๋าบงกช ก็ล้วนแต่ชี้ชัดว่าหากเฉินซีต้องการแข็งแกร่งขึ้น การบ่มเพาะศาสตร์เต๋าถือว่าสำคัญที่สุด

แม้จะเป็นแดนภวังค์ทมิฬก็ตาม ทว่าการมีอยู่ของศาสตร์เต๋านั้นค่อนข้างเร้นลับและหายาก ส่วนใหญ่แล้วคนที่จะเชี่ยวชาญด้านศาสตร์เต๋าได้มักจะเป็นศิษย์ของผู้มีพลังแกร่งกล้าเหล่านั้น

ส่วนนิกายอื่น ๆ ที่ไม่ได้โด่งดังนักอาจจะมีศาสตร์เต๋าสืบต่อกันอยู่บ้าง แต่ก็หายากไม่ต่างจากเขากิเลนหรือขนของวิหคเพลิง

ตัวอย่างเช่น นิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่แม้จะเป็นหนึ่งในสิบของนิกายเซียนชื่อก้องแห่งแดนภวังค์ทมิฬ ซึ่งครอบครองศาสตร์เต๋าระดับทั่วไปอยู่จำนวนมาก แต่ก็ยังมีสุดยอดศาสตร์เต๋าอยู่ในครอบครองเพียงไม่กี่สิบประเภทเท่านั้น

ไม่เพียงเท่านั้น หากต้องการเรียนรู้ศาสตร์เต๋าเหล่านั้น ก็ต้องนั่งศึกษาบนแท่นดอกบัว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ จะอยากมีก็มีได้

หากพูดให้เห็นภาพ ศิษย์ชั้นสูงที่เฉินซีเคยพบบนแท่นดอกบัวเมื่อก่อนนั้นมีอยู่มากมาย ทว่าคนที่สามารถรู้แจ้งและเชี่ยวชาญศาสตร์เต๋านั้นมีนับคนได้

อย่างเช่นตู้เซวียนซึ่งเรียนรู้ศาสตร์เต๋าได้เพียงอย่างเดียวก็คือเคล็ดสังหารฉับพลัน โดยได้รับมันมาจากแท่นดอกบัว แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูง

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ชัดว่าการจะศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์เต๋านั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง และพลังของศาสตร์เต๋านั้นน่าเกรงขามเพียงใดเมื่อได้มาครอบครอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]