ฟู่!
เฉินซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อเขายืนยันได้ว่าตัวเองออกห่างจากระยะที่ญาณสัมผัสของทุกคนจะสามารถตรวจพบเขาได้ และตอนนี้เขารู้เพียงว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
อันที่จริงสถานการณ์เมื่อครู่นี้เฉินซีรู้สึกสิ้นหวังอย่างมากเมื่อเผชิญกับการถูกล้อมจากทั้งสองกลุ่ม ช่างโชคดีจริง ๆ ที่เขาสามารถหลบหนีมาได้อย่างปลอดภัย
มีเหตุผลสองประการสำหรับความสำเร็จเรื่องนี้
ประการแรก หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดในห้องโถงตำรา กลุ่มของไฉ่เล่อเทียนและซูเจียวก็อยู่ในสภาพที่อ่อนล้าไปแล้ว ในขณะที่เฉินซีสามารถฆ่าหลี่ไฮว่ซึ่งอยู่ในขอบเขตตำหนักอินทนิลได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะต้องหวาดกลัวอย่างยิ่ง
ประการที่สอง กลุ่มของไฉ่เล่อเทียนและกลุ่มของซูเจียวต่างก็สงสัยและหวาดระแวงซึ่งกันและกัน พวกเขากังวลว่าอีกกลุ่มหนึ่งจะฉวยโอกาสครองประโยชน์แต่เพียงผู้เดียวในตอนท้าย
แน่นอนว่ายังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายอย่าง แต่สองประเด็นนี้เป็นสาเหตุหลักที่เฉินซีสามารถจากมาได้อย่างง่ายดาย
เฉินซีไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วอีกต่อไป และเริ่มวิ่งเต็มฝีเท้าออกไปให้ห่างมากที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไป ความแข็งแกร่งของกลุ่มไฉ่เล่อเทียนและซูเจียวจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าเขาไม่ซ่อนตัวเองในที่ปลอดภัยได้ละก็ สถานการณ์จะกลายเป็นอันตรายต่อตัวเขา
ดินแดนรกร้างใต้พิภพถูกแยกออกจากส่วนอื่น ๆ ของโลกซึ่งพวกเขาต้องไปอีกสามปีจนกว่าจะออกไปได้
อาจกล่าวได้ว่าหากเฉินซีต้องการหลีกเลี่ยงการไล่ล่าของไฉ่เล่อเทียนและคนอื่น ๆ เป็นเวลาสามปี เขาจะต้องหาสถานที่ที่ไม่มีใครสามารถค้นพบได้
อย่างไรก็ตาม เฉินซีรู้สึกหมดหนทาง ไม่เพียงแต่เขาไม่สามารถหาที่ซ่อนตัวเองได้ แต่เขายังไม่มีทางที่จะออกจากที่พำนักของเซียนกระบี่แห่งนี้ด้วย
‘ตอนเข้ามาในที่พำนักของเซียนกระบี่ ข้าอาศัยตราคำสั่งใต้พิภพเปิดประตูเคลื่อนย้ายพาเข้ามาในที่แห่งนี้ แต่การจากไปล่ะ?’
‘ไม่มีช่องทางใดจากที่พำนักของเซียนกระบี่ที่นำไปสู่โลกภายนอก!’
เฉินซีได้ดูแผนผังโครงสร้างที่พำนักของเซียนกระบี่ทั้งหมดแล้วจากห้องโถงหลักก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขามั่นใจว่าที่นี่ไม่มีทางออกเลย
เฉินซีครุ่นคิดและไตร่ตรอง และฝีเท้าของเขาก็นำไปที่ห้องโถงหลักโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่เขาถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาในที่พำนักของเซียนกระบี่ ห้องโถงหลักคือสถานที่ที่เขาปรากฏกาย เขาจึงคิดจะยึดเอาที่แห่งนี้เป็นที่ซ่อนของตนเอง
ไม่นานหลังจากนั้นเฉินซีก็กลับไปถึงห้องโถงหลักอีกครั้ง
ขณะที่เขาจ้องมองเตียงหยกและโต๊ะทำงานภายในห้องที่เรียบง่าย เฉินซีก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิบนเตียงและหลับตาลง
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวันนับตั้งแต่เข้ามายังที่พำนักของเซียนกระบี่ แต่สำหรับเฉินซีทุกช่วงเวลาช่างน่าทึ่งอย่างยิ่ง
แสวงหาสมบัติ ปลุกปั่นการต่อสู้ ฆ่าหลี่ไฮว่ เก็บผลดอกบัวดวงจิตทองคำ หลบหนีจากวงล้อมศัตรู… เหตุการณ์ต่อเหตุการณ์ แต่ละครั้งอันตรายยิ่งกว่าเดิม มันเหมือนกับการเต้นรำบนขอบเหวลึกซึ่งการเคลื่อนไหวผิดพลาดเพียงครั้งเดียวจะทำให้เขาตายอย่างน่าอนาถ
ค่อย ๆ…
ปราณวิญญาณที่ทั้งเย็นและสดชื่นหลั่งไหลออกมาจากเตียงหยกทำให้จิตใจของเฉินซีสงบลงและปราศจากความคิดที่ทำให้เสียสมาธิ
ภายในทะเลจิตสำนึกของเขา รูปปั้นฝูซีที่มีรัศมีอันเก่าแก่และยิ่งใหญ่เปล่งประกายด้วยแสงหลากสีสวยงามนับไม่ถ้วน และวิญญาณของเฉินซีกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ต่อหน้ารูปปั้นดวยท่าทางอันสงบนิ่ง
ประสาทสัมผัสที่ตึงเครียดของเฉินซีสงบลง จิตใจและความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นทีละน้อย ทว่าเขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีเงาสีดำที่เหมือนหมอกปรากฏขึ้นใต้ก้นของเขา
วูบ!
ร่างกายของเฉินซีแข็งค้าง เขารู้สึกราวกับว่ามีสิ่งแปลกปลอมล่วงล้ำเข้ามาในร่างกายของเขา ไอ้สิ่งแปลกปลอมนั้นพุ่งเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของเขาด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึงมาก!
เกิดอะไรขึ้น!?
เฉินซีรีบลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นจู่ ๆ มีเสียง ‘โอม’ ดังก้องอยู่ในใจของเขา จากนั้นเสียงที่แหลมคมและแหบแห้งก็ดังก้องขึ้นในหัว
“หึ ๆๆ… ข้ารอมาหมื่นปีแล้ว ในที่สุดข้าตงหมิงก็มีโอกาสได้ครอบครองร่างกายที่ยอดเยี่ยมที่สุดสักที! สวรรค์ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังเลย!”
พร้อมกับเสียง ร่างสีดำก็ปรากฏขึ้นภายในทะเลจิตสำนึกของเฉินซีอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของมันนั้นดำมืด เบ้าตาจมลึก แต่ดวงตาของมันกลับยาวและเรียวบางราวกับคมกระบี่อีกทั้งยังสว่างมาก
“ฮ่า ๆๆๆ! ตราบใดที่ข้ามีร่างกายนี้ข้าจะสามารถบ่มเพาะได้อีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีลูกปี่เซียะและผลดอกบัวดวงจิตทองคำอยู่ในความครอบครอง ข้าย่อมไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถผ่านทัณฑ์แห่งสวรรค์ที่เก้าได้อีกต่อไป!”
ภายในทะเลจิตสำนึก เฉินซีลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและจ้องมองที่ชายชุดดำซึ่งจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนจะตะโกนถามเสียงดัง “ตงหมิง?”
“แน่นอนไอ้เด็กเหลือขอ! ข้าคิดว่าเจ้าคงอยากได้สมบัติที่เก็บไว้ในบ้านของข้า ดังนั้นเจ้าจึงอาศัยตราคำสั่งใต้พิภพเพื่อเข้ามาใช่ไหม ฮ่า ๆๆ! เลวมาก! หลังจากนี้ข้าจะกลืนกินดวงวิญญาณของเจ้าและร่างกายของเจ้าจะกลายเป็นของข้า!”
อย่างที่คาดไว้ ร่างที่ดูคล้ายกับหมอกดำก็คือตงหมิงเจ้าแห่งที่พำนักเซียนกระบี่แห่งนี้
สีหน้าของเฉินซียังคงไม่สะทกสะท้านขณะที่เขาถามอย่างเย็นชา “ทั้งหมดนี้เป็นกับดักที่เจ้าคิดไว้ล่วงหน้าหรือไม่?”
“แน่นอน! เจ้าคิดว่าข้าทิ้งมรดกอมตะนี้ไว้เบื้องหลังและส่งตราคำสั่งใต้พิภพของข้าไปยังโลกภายนอกเพื่อเห็นแก่พวกเจ้าทุกคนให้มาแบ่งสมบัติของข้าหรือไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...