บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 609

บทที่ 609 สะท้านโลกาด้วยเพียงหนึ่งก้าว

บทที่ 609 สะท้านโลกาด้วยเพียงหนึ่งก้าว

ยอดเขาสัประยุทธ์ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงันโดยสิ้นเชิง มีเพียงเสียงหัวเราะเย็นชาของจู้ตงเท่านั้นที่ยังคงดังก้องอยู่ในอากาศและสั่นสะเทือนบริเวณโดยรอบ

ทันใดนั้น บรรยากาศก็ตกอยู่ในสภาวะแปลกประหลาด ถึงแม้อันเวย เหลิ่งชิว เซี่ยอี้ และผางโจวจะครอบครองสนามประลองแล้ว แต่กลับไม่มีใครกล้าออกมาท้าประลองพวกเขาสักคน ในขณะที่ศิษย์เกือบครึ่งต่างต่อแถวเพื่อท้าประลองกับเฉินซี ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนของยอดเขาจรัสตะวันออก และจุดประสงค์ของพวกเขาก็โจ่งแจ้งยิ่ง เพราะพวกเขาตั้งใจจะสยบและขัดขวางเฉินซีด้วยจำนวนคน

ศิษย์ทุกคนที่สามารถเข้าร่วมในการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสได้นั้น ล้วนมีฐานการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์ และความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นน่าเกรงขามอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุนี้ หากพวกเขาต่อแถวและท้าประลองกับเฉินซีทีละคนไม่หยุด แม้ว่าร่างกายของชายหนุ่มจะทำด้วยเหล็กกล้า แต่เขาก็อาจจะไม่สามารถทนได้

“ไร้ยางอาย นี่มันช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกต้องการล้างแค้นให้กับตู้เซวียน!”

“ข้าได้ยินมานานแล้วว่า การชิงความเป็นหนึ่งระหว่างศิษย์ชั้นสูงของสี่ยอดเขานั้นรุนแรงมาก แต่ข้าคิดว่ามันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะโหดร้ายยิ่งกว่าข่าวลือเสียอีก”

“เฉินซีจบสิ้นแล้ว ยอดเขาจรัสตะวันตกนั้นอ่อนแอและยังขาดแคลนผู้เข้าร่วม ดังนั้นเขาอาจจะไม่สามารถต้านทานกลยุทธ์คลื่นมนุษย์ด้วยตัวคนเดียวได้”

ทุกคนลอบถอนหายใจเบา ๆ หลังจากมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงแวบเดียวก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า เฉินซีนั้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน!

ตุบ!

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน จู่ ๆ เฉินซีก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า เผยท่าทีคล้ายวานรอสูรโบราณที่กำลังกระทืบพื้น ทำให้สนามประลองทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในขณะที่อักขระยันต์นับไม่ถ้วนที่สามารถสังเกตเห็นได้ ก็ยืดออกไปจากใต้เท้าของชายหนุ่ม

ทันใดนั้น กลิ่นอายที่น่าประทับใจของเฉินซีก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การจ้องมองของเขาเหมือนสายฟ้าฟาด กลิ่นอายของชายหนุ่มเหมือนดั่งตัวตนที่ผุดมาจากเหวนรก ดวงดาว ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ต่างลอยเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือเขา ในขณะที่เสียงคำรามลั่นของเต๋าก็ดังก้องไปทั่วร่างกาย และเขาก็เปล่งรัศมีอันองอาจของจ้าวเหนือหัวออกมา

“พวกเจ้าทุกคน…” ดวงตาของเฉินซีกวาดผ่านจู้ตง ก่อนจะหยุดลงที่ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกทุกคนที่ยืนอยู่ที่หน้าแท่น น้ำเสียงของเขาราบเรียบและไม่แยแส อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้ “เข้ามาพร้อมกันซะ!”

“เข้ามาพร้อมกัน!”

“เข้ามาพร้อมกัน!!!”

เสียงที่ไม่แยแสของเขาดังก้องไปทั่วทั้งยอดเขาสัประยุทธ์ และมันดังก้องไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้า มันเป็นดั่งบัญชาของกษัตริย์ผู้สูงส่ง ซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นตกตะลึงจนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ดวงตาของพวกเขาต่างเผยให้เห็นถึงความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อออกมา

เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าเฉินซีจะพูดแบบนี้ในเวลานี้ มันหยิ่งผยองและจองหองมาก เพราะอีกฝ่ายต้องการที่จะต่อสู้กับศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกที่เข้าร่วมทั้งหมดด้วยตัวเขาเอง!

หลังจากพวกเขาหายตกตะลึง เหล่าศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกก็เย้ยหยันอย่างเย็นชาและแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยามออกมา

“ช่างเป็นความรู้สึกที่ฟังดูสูงส่ง เจ้าไม่กลัวว่าการข่มขู่ของเจ้าจะถูกเปิดโปงหรอกหรือ!?”

เหลิ่งชิวกับผางโจวต่างเหลือบมองกันและกัน ก่อนจะส่ายศีรษะ ด้วยพวกเขารู้สึกว่าการกระทำของเฉินซีนั้นน่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง

“เด็กคนนี้ยังอ่อนฝีมือเกินไปที่จะยืนหยัดต่อสู้กับการท้าประลองเช่นนี้” เยว่ฉือส่ายศีรษะไปมา ในขณะที่เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม เผยท่าทีมีความสุข เพราะเขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งอยู่ในใจ ด้วยตัวเขาก็ไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากให้ศิษย์ของตนต่อสู้กับเฉินซีไปทีละคนและเหยียบย่ำอีกฝ่ายอย่างดุเดือด

“มันค่อนข้างจะบุ่มบ่ามไปหน่อย” เลี่ยเผิงกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกกดดันเฉินซี แล้วชายหนุ่มจะบุ่มบ่ามเช่นนี้ได้อย่างไร? และถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเยว่ฉือสั่งให้พวกเขาทำเช่นนั้น ศิษย์ยอดเขาจรัสตะวันออกเหล่านั้นจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

แต่เขาไม่สามารถพูดถึงเรื่องนี้ทั้งหมดได้ เพราะนี่คือการทดสอบแห่งยอดเขาจรัส และมันมีกฎที่ต้องปฏิบัติตาม ตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎ ถ้าอย่างนั้นคงไม่เป็นการดีหากเขาก้าวก่ายมากเกินไป!

“วิเศษมาก! ในเมื่อศิษย์น้องเฉินซีมีความกล้าหาญดั่งพยัคฆ์ แล้วเราจะปฏิเสธได้อย่างไร?” จู้ตงกลอกตาไปมา ก่อนที่เขาจะกล่าวและหัวเราะเบา ๆ ด้วยรู้อย่างชัดเจนว่า แม้แต่ตู้เซวียนก็พ่ายแพ้ให้กับเฉินซีในกระบวนท่าเดียว ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ตนจะเทียบเคียงกับอีกฝ่ายได้

แต่ถ้าทุกคนขึ้นไปบนสนามประลองพร้อมกัน ผลลัพธ์มันก็จะแตกต่างออกไป

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ในช่วงเวลาถัดมา เหล่าศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกได้พุ่งออกมาและก้าวขึ้นไปบนสนามประลอง

“แม้ว่าความแข็งแกร่งของศิษย์น้องเฉินซีจะไม่ธรรมดา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเราทุกคน เจ้าคงไม่มีโอกาสได้รับชัยชนะ เหตุใดเจ้าถึงไม่หยุดและออกจากสนามประลองด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาว่าพวกข้ารังแกเจ้าด้วยจำนวนคน”

“ใช่แล้ว ศิษย์น้องเฉินซี แค่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเชื่อฟัง ไม่มีอะไรต้องละอายใจ”

“ฮึ่ม! หรือว่าพวกเจ้าทุกคนยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ที่ศิษย์น้องเฉินซีกล่าวเช่นนี้ เพียงเพราะเขาต้องการพ่ายแพ้อย่างมีเกียรติ ถึงอย่างไรเขาต้องต่อสู้กับพวกเราหลายคนเพียงลำพัง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องน่าอาย แม้ว่าเขาจะแพ้ก็ตาม”

ทันทีที่เหล่าศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกขึ้นไปบนสนามประลอง พวกเขาเริ่มเยาะเย้ยและถากถางเฉินซีอย่างพร้อมเพรียงกัน และสายตาที่มองไปยังเฉินซีก็เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ความสงสาร และการเยาะเย้ย

“ไอ้สารเลวพวกนี้ไม่มีความละอายใจเลยจริง ๆ การรังแกคนด้วยจำนวนเป็นสิ่งที่น่าละอายยิ่งนัก แต่พวกมันกลับวางท่าอยู่บนสนามประลองอย่างพึงพอใจ พวกมันช่างน่ารังเกียจอย่างแท้จริง” ในระยะไกล หลิงไป๋กัดฟันด้วยความเกลียดชังเมื่อเห็นฉากนี้ และเขาไม่ต้องการสิ่งใด นอกจากกระโจนขึ้นสนามประลองและสังหารตัวตลกเหล่านี้ให้หมดสิ้น!

ทว่าสีหน้าของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง และยังคงปฏิบัติต่อกลุ่มคนตรงหน้าด้วยความเฉยเมย ก่อนที่สายตาของเขาจะมองไปทางเหลิ่งชิวกับผางโจวที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นชายหนุ่มก็กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “พวกเจ้าสองคนก็เข้ามาพร้อมกันซะ!”

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนี้ บริเวณโดยรอบก็ระเบิดความโกลาหลทันที โดยจับจ้องไปยังผู้พูดราวกับพวกเขากำลังดูสัตว์ประหลาด เพราะพวกเขาไม่อยากเชื่อว่า เฉินซีจะกล้าสร้างสถานการณ์ต่อสู้ให้บานปลายในเวลานี้ อีกทั้งยังคิดแพร่เปลวไฟแห่งการต่อสู้ไปยังเหลิ่งชิวกับผางโจวด้วย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]