บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 617

บทที่ 617 เนตรทองคำขาวของจักรพรรดิพิสุทธ์

บทที่ 617 เนตรทองคำขาวของจักรพรรดิพิสุทธ์

เสื้อคลุมนักพรตเต๋าสีฟ้าน้ำทะเล ผมสีดำสนิทและหนา ถึงแม้จะมีใบหน้าที่หล่อเหลาและอบอุ่น แต่กลับมีร่องรอยความดุร้ายปรากฏอยู่ ทั่วร่างกายของเขาไม่มีเครื่องประดับแม้แต่ชิ้นเดียว และตัวคนก็ดูประณีตดั่งคุณชายผู้สง่างามแห่งภพมนุษย์

แต่ดวงตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยประกายทองคำขาวที่ส่องแสงวาววับราวกับใบมีด และมันให้ความรู้สึกที่คมกริบราวกับว่ามันสามารถตัดผ่านทุกสิ่งในโลก อีกทั้งยังทำลายความชั่วร้ายและอุปสรรคทั้งหมดได้

ดวงตาคู่นี้น่าสะพรึงเกินไปและเต็มไปด้วยปรากฏการณ์อันแปลกประหลาด ทำให้คนอื่นไม่กล้าสบตากับพวกมัน

นี่คืออวิ๋นเยี่ย ตัวตนที่น่าเกรงขามในหมู่ศิษย์ชั้นยอด ในวันที่เขาเกิดได้มีปรากฏการณ์อุบัติขึ้นจากฟากฟ้า ซึ่งดวงตาของเขาถูกเรียกว่า ‘เนตรทองคำขาวของจักรพรรดิพิสุทธ์’ และมันน่าเกรงขามยิ่งกว่า ‘ดวงตา’ ที่เฟิงเจี้ยนไป๋แห่งตระกูลเฟิงครอบครองอยู่เสียอีก

ตามข่าวลือ บุคคลที่ครอบครอง ‘เนตรทองคำขาวของจักรพรรดิพิสุทธิ์’ จะเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการควบคุมมหาเต๋าแห่งทอง ทำให้คนผู้นั้นสามารถตัดผ่านอุปสรรคทั้งหมด และความเร็วในการบ่มเพาะของมหาเต๋าแห่งทองของบุคคลนั้นจะมากถึงสิบเท่าหรือเร็วกว่าคนปกติถึงร้อยเท่า

แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเฉินซีมากที่สุดคือกระบี่ที่อวิ๋นเยี่ยสะพายอยู่บนหลัง มันมีความยาวยี่สิบสี่ชุ่น กว้างสามนิ้วและมีสีเขียวอมแดงตลอดตัวกระบี่ พื้นผิวของมันถูกปกคลุมด้วยอักขระยันต์ลึกล้ำมากมายนับไม่ถ้วน อีกทั้งมันยังเปล่งกลิ่นอายโบราณและรกร้างออกมา

กระบี่ยังอยู่ในฝักและดูเหมือนมังกรที่จำศีลอยู่ในหุบเหวลึก แต่แม้ว่ามันจะยังไม่ถูกชักออกมา ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากกระบี่ก็ทำให้เฉินซีสัมผัสได้ว่า นี่เป็นอาวุธยอดเยี่ยมซึ่งครอบครองพลังไม่ด้อยไปกว่าสมบัติกึ่งอมตะอย่างแน่นอน!

เนื่องจากเขากล้าปรากฏตัวพร้อมกับอาวุธวิเศษเช่นนี้ โดยไม่เกรงกลัวว่ามันจะกระตุ้นความโลภของผู้คนแต่อย่างใด จึงแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า อวิ๋นเยี่ยนั้นมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมากและเป็นคนที่แข็งแกร่ง หยิ่งยโส และทะนงตัวไปจนถึงกระดูกดำ!

“นี่มันศิษย์พี่อวิ๋นเยี่ยจริง ๆ หรือ? เขาไม่ได้มุ่งหน้าไปยังทะเลอสูรทมิฬเพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายหรอกหรือ?”

“ทะเลอสูรทมิฬนั้นกว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขตและเป็นสถานที่ที่นิกายอสูรทมิฬซึ่งเป็นหนึ่งในหกนิกายอสูรได้ยึดครองอยู่ ในดินแดนแห่งนี้มีอสูรร้ายกาจมากมายที่ออกอาละวาดตามอำเภอใจ และนำความหายนะมาสู่บริเวณโดยรอบ ศิษย์พี่อวิ๋นเยี่ยได้รับมอบหมายให้กำจัดสิบแปดโจรทมิฬ แต่เขากลับมาที่นิกายหลังจากที่ผ่านไปเพียงเดือนเศษ ๆ เท่านั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาได้ทำภารกิจสำเร็จแล้ว?”

“สิบแปดโจรทมิฬก่อกรรมทำเข็ญมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อสิบปีที่แล้ว พวกมันได้วางยาพิษและและทำร้ายศิษย์ชั้นยอดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเราไปมากมาย ทำให้พวกมันถูกนิกายนี้ไล่ล่าตลอดมา ทว่าก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จ ซึ่งในครั้งนี้ ศิษย์พี่อวิ๋นเยี่ยออกไปทำภารกิจด้วยตัวเองและได้ต่อสู้ในดินแดนที่มีอาณาเขตหลายแสนลี้ ดังนั้นการที่เขากลับมาอย่างปลอดภัย ย่อมหมายความว่าเขาทำภารกิจได้สำเร็จอย่างแน่นอน!”

มีศิษย์ชั้นยอดเข้ามาในตำหนักเมฆาครามไม่หยุด และหลังจากได้เห็นอวิ๋นเยี่ยปรากฏตัวอยู่ที่นี่ พวกเขาทั้งหมดต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงเริ่มสนทนาด้วยเสียงแผ่วเบา

ตำหนักเมฆาครามเป็นตำหนักที่ตั้งอยู่บนยอดเขาจรัสเทวะ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเหล่าศิษย์ชั้นยอด นอกจากนี้ พวกเขาไม่เพียงจัดหาสถานที่บ่มเพาะและสิ่งอำนวยความสะดวกประจำวันให้แก่ศิษย์ชั้นยอดคนใหม่เท่านั้น แต่ยังแจกจ่ายภารกิจให้กับศิษย์ชั้นยอดในเวลาเดียวกัน

ผู้อาวุโสเก่าแก่บางคนที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษบนยอดเขาจรัสเทวะ และเป็นผู้อาวุโสที่เก่งกล้าจนน่าตกตะลึง บางทีพวกเขาก็อาจจะเลือกตำหนักเมฆาครามเป็นสถานที่เพื่อคลายข้อสงสัยและถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่ลึกล้ำให้แก่เหล่าศิษย์

“อวิ๋นเยี่ย? ในเมื่อเจ้ากลับมาเร็วเช่นนี้ เช่นนั้นก็สังหารสิบแปดโจรทมิฬได้แล้วหรือ?” เมื่อเห็นชายหนุ่มปรากฏตัว ผู้อาวุโสของตำหนักเมฆาครามก็ทยอยเดินออกมาทีละคน และดวงตาพวกเขาก็มีปรากฏความรู้สึกปีติยินดี

“เราจะกล่าวถึงเรื่องนี้ในภายหลัง ข้าแค่อยากรู้ว่าใครทำร้ายศิษย์น้องสยงก่อนหน้านี้?” อวิ๋นเยี่ยพยักหน้าให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นด้วยท่าทางเย่อหยิ่งยิ่ง

แต่ผู้อาวุโสเหล่านั้นกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะศิษย์ชั้นยอดเช่นอวิ๋นเยี่ยมีสถานะและตัวตนที่น่านับถือมาก อีกทั้งยังได้รับการชื่นชมจากผู้อาวุโสบางคนเป็นอย่างสูง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้อาวุโส แต่ก็ไม่มีใครกล้าปฏิบัติกับอวิ๋นเยี่ยในฐานะผู้น้อย

พรึ่บ!

ชั่วพริบตาต่อมา สายตาส่วนใหญ่ในตำหนักต่างจดจ้องไปทางเฉินซี และสีหน้าของพวกเขาต่างก็แสดงท่าทีแปลกพิกลระคนเยาะเย้ยออกมา

พวกเขาส่วนใหญ่ได้ชมฉากที่เฉินซีบดขยี้ ‘ศิษย์พี่สยง’ และเมื่อเห็นอวิ๋นเยี่ยต้องการที่จะประณามความผิดของใครบางคนและยืนหยัดเพื่อ ‘ศิษย์พี่ใหญ่สยง’ พวกเขาก็มีความสุขมากที่ได้ชมการแสดงนี้

“เป็นเจ้าหรือ?” อวิ๋นเยี่ยกะพริบตาอันงดงามราวกับทองคำขาวสองดวงที่ส่องประกายเจิดจรัส ในขณะที่มองไปยังชายหนุ่ม

ตู้ม!

พื้นที่โดยรอบพลันแตกเป็นเสี่ยง ขณะเดียวกันเฉินซีก็รู้สึกได้ถึงกระแสลมที่รุนแรงและน่ากลัวซึ่งปิดล้อมตัวเขาไว้ ทั้งยังสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่คล้ายดั่งกระบี่คมกริบมากมายกำลังชี้มาที่เขา ทำให้ผิวหนังทั่วร่างรู้สึกเหมือนถูกเฉือนด้วยใบกระบี่คมกริบ

‘เพียงแค่จ้องมองแต่กลับมีพลังถึงขนาดนี้แล้ว!’

‘นี่คือพลังของผู้ครอบครองเนตรทองคำขาวของจักรพรรดิพิสุทธ์หรือ? มันทรงพลังอย่างแท้จริง อีกทั้งเขายังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหลิ่งชิว ผางโจว และคนอื่น ๆ เสียด้วยซ้ำ…’

แดนฮุ่นตุ้นภายในร่างกายของเฉินซีกำลังโคจรอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดกระแสลมมหาศาลไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขา และมันก็สลายความรู้สึกที่ร่างกายถูกเฉือนในทันที ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มกลับมานิ่งสงบเหมือนเช่นเคย

การแสดงของอีกฝ่ายทำให้เขาตระหนักได้ว่า ความแข็งแกร่งของศิษย์ชั้นยอดนั้นเป็นสิ่งที่ศิษย์ชั้นสูงซึ่งเขาเคยพบในอดีตไม่อาจเทียบได้ เพราะศิษย์ชั้นยอดนั้นแข็งแกร่งกว่าและน่าสะพรึงกว่ามาก ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นหากต้องการตั้งหลักอยู่ที่นี่

“หืม?” เมื่อเห็นเฉินซีสามารถลบล้างพลังของตนได้อย่างง่ายดาย อวิ๋นเยี่ยก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาหรือ? เจ้าชื่ออะไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]