บทที่ 618 เส้นชีพจรวิญญาณจรัสทมิฬ
บทที่ 618 เส้นชีพจรวิญญาณจรัสทมิฬ
ทันทีที่กล่าวจบ อวิ๋นเยี่ยก็เหลือบมองเฉินซีด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ก่อนจะเดินจากไป
“แปลกจริง ๆ เหตุใดสาวน้อยอันเคอถึงได้ดีกับศิษย์ชายคนนี้นัก? หรือว่าสาวน้อยคนนี้กำลังมีความรัก…?” อย่างไรก็ตาม ในตอนที่อวิ๋นเยี่ยยังไม่ทันได้ก้าวออกจากตำหนักเมฆาคราม จู่ ๆ เสียงอันเกียจคร้านก็ดังออกมาจากด้านนอกตำหนัก มันเป็นเสียงที่ไพเราะราวกับเสียงของไข่มุกที่ตกลงบนถาดหยก เผยให้เห็นถึงความเกียจคร้านราวกับว่ามันเป็นเสียงพึมพำของคนที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหล
พร้อมกับเสียงนี้คือ ร่างของสตรีที่มีผมกระเซอะกระเซิง สวมเสื้อคลุมนักพรตเต๋าลวดลายพระจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ ร่างกายดูคล้ายไร้เรี่ยวแรง นางเดินเข้าไปในตำหนักพร้อมกับขยี้ตาง่วงซึมคู่นั้นไปมา
สตรีนางนี้มีผมสีดำสนิทนุ่มสลวย แต่กลับมีสภาพที่ยุ่งเหยิงเหมือนกองฟาง และเสื้อผ้าของนางก็ใหญ่โคร่งเกินไป ทำให้ไม่เข้ากับรูปร่างที่เพรียวบางและสง่างาม ยิ่งกว่านั้น นางยังเดินตุปัดตุเป๋ไปมา ทำให้ดูไม่เรียบร้อยและบ้า ๆ บอ ๆ คล้ายกับวิปลาสหลิ่ว
แต่แม้ว่าจะดูรุงรัง แต่นางก็สะอาดหมดจดซึ่งแตกต่างจากวิปลาสหลิ่ว ผิวของนางที่เผยออกมานั้นอ่อนนุ่มและขาวราวกับหยกเนื้อดี ทำให้นางสร้างความประทับใจแรกให้แก่ผู้คนมากมายได้ไม่ยาก
“เชี่ยนหรง เจ้ามาทำไม?” ฝีเท้าของอวิ๋นเยี่ยหยุดลงเมื่อเขาเห็นสตรีคนนี้ที่ขยี้ตาคล้ายเพิ่งตื่นนอนปรากฏตัวที่ทางเข้าของตำหนักเมฆาคราม และประกายวาววับที่น่ากลัวในดวงตาของเขาก็ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเจ้าตัวดูจะค่อนข้างกลัวสตรีนางนี้
เมื่อศิษย์คนอื่น ๆ ในตำหนักเห็นสตรี ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างและประหลาดใจยิ่ง ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าสตรีคนนี้จะปรากฏตัวที่นี่จริง ๆ
“นั่น… ใช่นางหรือไม่?”
“ใช่แล้ว คือนางเอง”
“นี่มัน… ไม่มีทาง! นางไม่ได้ก้าวเข้าสู่ตำหนักเมฆาครามตั้งกี่ปีแล้ว”
“ชู่ว! อย่าได้กล่าวเสียงดังไป!”
ศิษย์บางคนอดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบ ท่าทางที่ระมัดระวังมากเกินไปนี้ ทำให้พวกเขาดูเหมือนหนูเห็นแมว และมันถึงขั้นที่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อของนางด้วยซ้ำ
ในทางกลับกัน สายตาของเฉินซีก็จับจ้องไปที่สตรีนางนี้เช่นกัน และจากมุมมองของเขา นางดูสะอาดสะอ้าน มีผิวที่เนียนละเอียด และทุกอิริยาบถของนางก็แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ มันเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย ทั้งยังแผ่กลิ่นอายลึกล้ำ ซึ่งสวยงามเป็นธรรมชาติออกมาตลอดเวลา!
แต่ที่น่าแปลกใจสำหรับเฉินซีนั้นคือ เขาไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสตรีคนนี้ได้บ่มเพาะมามากแค่ไหนแล้ว!
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ทะเลอสูรทมิฬ เพื่อกำจัดโจรทั้งสิบแปดคน และข้าต้องการดูว่าการบ่มเพาะของเจ้าไปถึงระดับใดแล้ว อะไรกัน? …ข้าทำไม่ได้หรือไร?” นางชำเลืองมองอวิ๋นเยี่ยด้วยดวงตาสีดำสนิทที่เหมือนกับดวงดาวลึกล้ำ พวกมันทั้งลึกและชัดเจน และแม้เสียงของนางจะยังคงเกียจคร้าน หากแต่ก็ไพเราะเสนาะหูราวกับเสียงของธรรมชาติ!
ขณะที่กล่าว นางก็ได้กวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะมาหยุดตรงเฉินซีในที่สุด จากนั้นนางก็พลันโบกไม้โบกมือทันที “เฮ้ เจ้าคือศิษย์ใหม่คนนั้นใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว” ชายหนุ่มตกตะลึง จากนั้นเขาก็พยักหน้าและตอบกลับ
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ท่านอาจารย์หลิ่วพากลับมาหรือ? แม้ว่าเหลิ่งชิว ผางโจว ตู้เซวียนและคนอื่น ๆ จะร่วมมือกันก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชด้วยน้ำมือของเจ้าสินะ?” หญิงสาวจ้องมองเฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า ในขณะที่นางแสดงความประหลาดใจออกมาอย่างเปิดเผย
“อะไรนะ!? ศิษย์น้องจากยอดเขาจรัสตะวันออกของข้า ต่างพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเจ้า?” อวิ๋นเยี่ยที่อยู่ใกล้เคียงอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และเขาก็พลันมองไปที่เฉินซีด้วยสายตาแปลกพิกล
“ก็แค่บังเอิญโชคดี” เฉินซีตอบอย่างใจเย็น จนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มยังไม่สามารถระบุได้ว่าสตรีลึกลับคนนี้เป็นใคร แต่เขาแน่ใจได้ว่านางไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อตนเอง
“เจ้ากำลังกล่าวถึงเรื่องอันใด? ชนะก็คือชนะ ศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันออกเหล่านั้นควรถูกใครสักคนทุบตี มิฉะนั้น หากพวกเขาหยิ่งยโสเกินไป คงตายเร็วกว่านี้” หญิงสาวกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย และทัศนคติของนางก็ขวานผ่าซากยิ่ง ทำให้ศิษย์ส่วนหนึ่งในตำหนักที่ล้วนมาจากยอดเขาจรัสตะวันออก พากันหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวตอบโต้อะไรรุนแรงกลับมา
เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้รู้ถึงนิสัยและความแข็งแกร่งของสตรีนางนี้เป็นอย่างดี และพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้านาง
“เชี่ยนหรง เจ้ากำลังหมายความว่าอย่างไรกันแน่?” อวิ๋นเยี่ยขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ในบรรดาศิษย์ชั้นยอดทั้งหนึ่งร้อยเก้าคน คนจากยอดเขาจรัสตะวันออกของข้ามีถึงสามสิบสองคน และนี่คือความแข็งแกร่งที่เจ้าไม่สามารถปฏิเสธได้!”
สตรีที่มีนามเชี่ยนหรงเงยหน้าขึ้นทันควัน นางมองอวิ๋นเยี่ยอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะกล่าวว่า “ต่อให้มีเยอะแล้วจะมีประโยชน์อันใด? ถ้าเจ้าไม่พอใจ เช่นนั้นเรามาสู้กันดีหรือไม่?”
“ฮึ่ม! ยังก่อน! สักวันหนึ่งเราจะต้องสู้เพื่อตัดสินผู้ชนะระหว่างเราอย่างแน่นอน …แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้!” ชายหนุ่มส่งเสียงเย็นชาก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไป
“หึ หนีจากการต่อสู้อีกแล้ว? อีกทั้งยังมีข้อแก้ตัวเสียมากมาย ข้าสิที่ควรไม่พอใจ!” มุมปากของเชี่ยนหรงยกยิ้มขณะที่นางกล่าวด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...