บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 623

บทที่ 623 ธนูเบญจธาตุ

บทที่ 623 ธนูเบญจธาตุ

ในตอนนี้ เฉินพลันเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า บนยอดเขาจรัสเทวะแห่งนี้ ยิ่งใครแข็งแกร่ง คนอื่นก็จะยิ่งเกรงกลัว ในขณะที่พวกคนซึ่งอ่อนแอกว่าก็จะยิ่งถูกรังแกและถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม

การแข่งขันระหว่างศิษย์ชั้นยอดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองนั้นโหดร้ายมาก และมันก็เหมือนกับเปลวไฟแห่งการชำระล้าง ผู้แข็งแกร่งจะอยู่รอด ส่วนผู้อ่อนแอจะถูกลดขั้นจนกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น หากใครไม่สามารถทนได้ ก็สามารถเลือกที่จะจากไป แล้วมุ่งหน้าไปยังลานชั้นในหรือลานชั้นนอกเพื่อเป็นผู้อาวุโส ซึ่งสามารถบ่มเพาะและเข้าใจเต๋าได้ตามปกติ แต่ความสำเร็จของคนผู้นั้นจะหยุดลงอยู่เพียงแค่นี้ และสูญเสียวาสนาที่จะกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แท้จริง

ท้ายที่สุด การเติบโตของผู้เยี่ยมยุทธ์นั้นไม่อาจทำได้ หากปราศจากเลือดและไฟ เพราะหากคนผู้นั้นไม่สามารถอดทนต่อการแข่งขันในระดับนี้ได้ แล้วจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงสุดยอดอำนาจกับฟ้าดินหรือต่อสู้กับมหาเต๋าได้อย่างไร?

เช่นเดียวกับหั่วโม่เลยของยอดเขาจรัสตะวันตกและคนอื่น ๆ ถึงแม้การบ่มเพาะของพวกเขาจะสูงมาก แต่พวกเขากลับไม่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการปกป้องจากวิปลาสหลิ่วและการช่วยเหลือของเฉินซี พวกเขาคงถูกกำจัดออกจากสนามแข่งขันนี้ไปนานแล้ว

หลังจากไตร่ตรองทุกอย่างแล้ว หากใครต้องการเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ การบ่มเพาะก็คือรากฐาน และมันไม่สามารถทำได้หากปราศจากการแข่งขันและการขัดเกลา

เหตุผลที่การแข่งขันระหว่างศิษย์ชั้นยอดของยอดเขาจรัสเทวะนั้นโหดร้ายเป็นอย่างมาก ก็เพราะตัวตนระดับสูงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ เพื่อชำระทรายและขัดเกลาให้ได้อัจฉริยะที่แท้จริง เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถเป็นเสาหลักที่สามารถแบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ได้

“ศิษย์พี่ใหญ่หวังจ้งฮ่วน! โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิดขอรับ!” ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกที่ถูกเฉินซีกักขังด้วยแสงที่เหมือนกับโซ่นั้น ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่และพวกเขาก็ร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้

ครืนนน!

ในเวลานี้ เสมือนกับมีคนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ บรรยากาศเหนือท้องฟ้าต่างสั่นสะเทือนเป็นเสียงโครมคราม คล้ายดั่งเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้อง จากนั้นกลุ่มภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงกับเส้นชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดสีชาดก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

เฉินซีรู้สึกว่าร่างกายของเขาสั่นสะท้าน พร้อมสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่เหมือนกับเหวลึก ซึ่งถาโถมลงมาด้วยความตั้งใจที่จะบดขยี้ตนเองให้พินาศสิ้น และมันก็อหังการถึงขีดสุด!

ชายหนุ่มกวาดสายตามองขึ้นไปบนท้องนภา

เขาสังเกตเห็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองกำลังยืนอย่างภาคภูมิท่ามกลางท้องฟ้าอันไกลโพ้น รูปร่างของอีกฝ่ายผอมบาง มีใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ผมสีทองหนาดกของเจ้าตัวก็พลิ้วไหวตามสายลม ทำให้ตัวคนดูเหมือนกับบุตรแห่งอีกาทองคำที่หยิ่งยโสและกดขี่ มีลักษณะที่ดูแคลนสรรพสิ่งบนโลกใบนี้!

“คนผู้นี้คือหวังจ้งฮ่วนหรือ?”

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง เขารำลึกถึงคำพูดของลั่วเชี่ยนหรงก่อนหน้านี้

คนผู้นี้มีวาสนาชั้นยอด มีโชคลาภที่มหาศาล มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม และยังได้รับความเมตตาจากผู้อาวุโสอีกด้วย

อารมณ์ของเขาดุร้ายอย่างไม่มีใครเทียบได้ แม้ว่าจะเพิ่งเข้าสู่ยอดเขาจรัสเทวะเมื่อสิบสามปีก่อน แต่คนคนนี้ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในหมู่ศิษย์ชั้นยอด และมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!

แต่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ หวังจ้งฮ่วนนั้นครอบครองสมบัติอมตะที่แท้จริง!

ตามตรรกะแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของสมบัติอมตะออกมาได้ด้วยพลังบ่มเพาะในปัจจุบัน แต่ถ้าเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน มันก็นับเป็นอาวุธทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!

เดิมที เฉินซีคิดว่า ‘ศิษย์พี่เนี่ย’ และคนอื่น ๆ มายั่วยุเขาเพราะการยุยงของอวิ๋นเยี่ย แต่การปรากฏตัวของหวังจ้งฮ่วน ทำให้ชายหนุ่มตระหนักได้ทันทีว่า ตนประเมินศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกเหล่านี้ต่ำเกินไป!

ก่อนหน้านี้ ลั่วเชี่ยนหรงตั้งใจจะจัดที่พำนักของเขาให้อยู่บนเส้นชีพจรวิญญาณจรัสทมิฬ แต่มันก็จบลงด้วยความล้มเหลว เหตุผลก็คือที่พำนักว่างเปล่าทั้งสามแห่งบนเส้นชีพจรวิญญาณจรัสทมิฬถูกหวังจ้งฮ่วนยึดครองเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังได้กระจายข่าวออกไปว่าเขาจะสงวนมันไว้ให้แก่เหลิ่งชิว ผางโจว และตู้เซวียน

ทว่าตอนนี้เหลิ่งชิวและคนอื่น ๆ ได้พ่ายแพ้ให้กับเฉินซีในระหว่างการทดสอบแห่งยอดเขาจรัส ทำให้พวกเขาหมดสิ้นวาสนาต่อการเป็นศิษย์ชั้นยอด หากว่ากันตามเหตุผล เรื่องนี้ก็ควรจะปล่อยผ่านไปเช่นนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหวังจ้งฮ่วนจะรู้สึกว่าเฉินซีทำให้แผนการของเขาเสียไป และไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป แม้ว่าชายหนุ่มจะย้ายไปที่เส้นชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดสีชาดแล้วก็ตาม ถึงขนาดที่ว่าเขายังคงไล่ตามเฉินซีต่อไป และการกระทำที่ว่านี้มันก็เกินไปจริง ๆ!

“เฉินซี! ศิษย์ใหม่อย่างเจ้ากลับกล้าขัดความประสงค์ของข้าและฉีกหน้าศิษย์น้องที่ข้าส่งมาเช่นนี้หรือ? นี่เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่ากำลังท้าทายศักดิ์ศรีของข้าด้วยการกระทำเช่นนี้!?” เสียงของหวังจ้งฮ่วนที่สวมชุดคลุมสีทองดังขึ้นจากฟากฟ้า แม้เสียงของเขาจะยังดังไม่พอที่จะกระจายไปทั่วบริเวณนี้ แต่มันก็แฝงไปด้วยความรู้สึกถึงศักดิ์ศรี ความเย่อหยิ่ง และความจองหอง ราวกับผู้สืบทอดของเทพเจ้าที่จุติลงมายังโลก

“ความประสงค์ของเจ้า? หรือเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นเทพเซียนหรือไร?” เฉินซีกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นเพียงแค่ศิษย์ชั้นยอดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง แต่กลับกล้ากล่าวอย่างเย่อหยิ่งและบงการให้ทุกอย่างเป็นดั่งที่เจ้าต้องการ หรือว่าเจ้าคิดจะยึดสถานที่แห่งนี้ให้เป็นบ้านของตัวเอง?”

“บังอาจ! เจ้าทำให้ศิษย์ยอดเขาจรัสตะวันออกของข้าต้องอับอายขายหน้า แต่กลับไม่รู้จักสำนึกและยังกล้ากล่าววาจายอกย้อน ดูเหมือนวันนี้ข้าจะต้องลงโทษเจ้าเสียแล้ว!” ถึงแม้เสียงของหวังจ้งฮ่วนจะไม่ดัง แต่กลับให้ความรู้สึกที่เย็นชาและน่าสะพรึงกลัว

“นี่เจ้ากำลังโยนความผิดให้ข้าหรือ? เจ้าควรรู้ว่าเป็นพวกเขาที่ยั่วยุข้าก่อน” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมย แต่กลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย และท่าทีของชายหนุ่มก็ยังคงสงบนิ่ง

“หึ แล้วอย่างไร? ไม่ว่าเจ้าจะมีเหตุผลอะไร ศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันออกอย่างข้าเท่านั้นที่สามารถจัดการกับยอดเขาจรัสตะวันออกของข้าได้ แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” หวังจ้งฮ่วนกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ทุกคำพูดของเขากลับเผยให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งและการดูถูกเหยียดหยาม

“โอ้? เช่นนั้นหรือ?” เฉินซีเพียงยิ้มออกมา ก่อนที่จะเงื้อมือขึ้นและกดลงไป ทำให้ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกเหล่านั้นส่งเสียงร้องโหยหวนทันที ในขณะที่ร่างกายของพวกเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นอย่างควบคุมไม่ได้ และท่าทางของคนกลุ่มนี้ก็น่าสังเวชยิ่ง

นี่เทียบเท่ากับการใช้การกระทำเพื่อบอกเป็นนัยแก่หวังจ้งฮ่วนว่า ‘ต่อให้พวกมันเป็นศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกของเจ้า แล้วจะทำไม? เพราะพวกมันกล้ารุกรานข้าเฉินซี พวกมันจึงต้องคุกเข่าลงกับพื้นและทนทุกข์กับการถูกลงโทษเช่นเดียวกัน!’

“นี่เจ้า… ช่างรนหาที่ตายนัก!” หวังจ้งฮ่วนตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ระเบิดความเดือดดาลและดึงคันธนูหลากสีขนาดใหญ่ออกมา ทันทีที่มันปรากฏขึ้น กลิ่นอายที่อธิบายไม่ได้พลันปรากฏขึ้นในฟ้าดิน จากนั้นวิญญาณของสัตว์ร้ายห้าตัวที่อาบไปด้วยสีของธาตุทั้งห้า ก็พากันส่งเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์!

“ฟู่!” เสียงหายใจดังก้องออกไปในระยะไกล โดยไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด ภายในบริเวณใกล้เคียงของเส้นชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดสีชาด จึงเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่กำลังเฝ้าดูอยู่ และพวกเขาต่างก็แสดงความตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหวังจ้งฮ่วนดึงคันธนูนี้ออกมา

“สมบัติกึ่งอมตะ… ธนูเบญจธาตุ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]