บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 622

บทที่ 622 อวดพลังที่โหดเหี้ยม

บทที่ 622 อวดพลังที่โหดเหี้ยม

“พวกเจ้าต้องการอันใด?” เฉินซีขมวดคิ้วพลางกวาดสายตาไปยังเหล่าศิษย์โดยรอบ และท้ายที่สุดก็จับจ้องไปยังชายหนุ่มในชุดคลุมนักพรตเต๋าสีม่วง ซึ่งมีท่าทางเย็นชาและหยิ่งยโส เขารับรู้ได้ว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นผู้นำของหมู่คนเหล่านั้น

“เจ้ากำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่กำลังคืบคลานเข้ามา ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ?” ศิษย์ชั้นยอดที่อยู่ด้านข้างตะโกนออกมาดังลั่น “ในฐานะศิษย์ใหม่ เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะครอบครองที่พำนักบนเส้นชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดสีชาด แต่เจ้ากลับบังอาจถามราวกับไม่รู้ไม่ชี้ นี่กำลังรนหาที่ตายหรือไร!?”

“รีบออกไปซะ! ในฐานะศิษย์ใหม่ เจ้าทำได้เพียงพักอาศัยอยู่บนเส้นชีพจรวิญญาณระดับต่ำเพื่อบ่มเพาะเท่านั้น สถานที่ล้ำค่าเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเจ้ามาเทียบเคียงได้ รีบออกไปจากที่นี่ซะ แล้วพวกเราจะให้อภัยในฐานะที่เจ้ายังเป็นศิษย์ใหม่!”

“ใช่ ที่นี่เป็นของยอดเขาจรัสตะวันออกของพวกข้า!”

ศิษย์กลุ่มนั้นกอดอกพลางมองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชา ขณะตะโกนเสียงดัง ซึ่งแสดงให้เห็นความเย่อหยิ่งราวกับกำลังไล่แมลงวันออกไป

ยอดเขาจรัสตะวันออก?

เฉินซีเข้าใจในทันที คนพวกนี้อาจเป็นหนึ่งในกลุ่มที่อวิ๋นเยี่ยอยู่ หรือบางที… มันอาจถึงเป็นตัวอวิ๋นเยี่ยนี่ล่ะที่สั่งให้มา!

เขายังจำได้ว่าเมื่อเพิ่งมาถึงตำหนักเมฆาครามในวันแรก เขาก็เกือบจะเข้าปะทะกับอวิ๋นเยี่ยแล้วหากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสมาห้ามไว้

‘การแข่งขันระหว่างศิษย์ชั้นยอดนั้นวุ่นวายแท้ หากมีโอกาส ข้าอาจจะเข้าครอบครองที่พำนักบางส่วนของพวกเขาไว้ ซึ่งหากใช้วิธีนี้ มันก็อาจยับยั้งไม่ให้คนอื่นกล้ามายั่วยุข้าได้…’ เฉินซีครุ่นคิด

“กำลังเหม่อลอยอะไรอยู่ตรงนั้น? ออกไปได้หรือยัง?” ศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงเงียบ เขาตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ

“อวิ๋นเยี่ยขอให้พวกเจ้ามาที่นี่ใช่หรือไม่?” ชายหนุ่มพลันถาม

“เหอะ! ไร้สาระสิ้นดี” ผู้นำหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา “เฉินซี ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังผูกมิตรกับลั่วเชี่ยนหรงแห่งยอดเขาจรัสเหนือยามที่มาถึงตำหนักเมฆาคราม แต่ทั้งหมดนี้ไร้ประโยชน์ แม้ว่าลั่วเชี่ยนหรงจะแข็งแกร่ง แต่นางก็ไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับยอดเขาจรัสตะวันออกของข้า ดังนั้นเจ้าควรทำตามคำสั่ง จงเดินออกไปเสีย อย่าฝันไปเลยว่าจะมีคนมาช่วยเจ้า”

“โอ้?” เฉินซีเลิกคิ้วขึ้น “หรือว่าผู้อาวุโสบนยอดเขาจรัสเทวะจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

“ฮ่า ๆ เจ้าโง่ อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสเลย แม้แต่ศิษย์พี่ที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษก็เพียงแค่เฝ้าดูการแข่งขันของศิษย์ชั้นยอดเท่านั้นเข้าใจหรือไม่?” บรรดาศิษย์ชั้นยอดรู้สึกเหมือนได้ฟังเรื่องขำขันเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด จึงหัวเราะดังลั่นในขณะที่น้ำเสียงก็เผยให้เห็นการเยาะเย้ยที่ไม่อาจอธิบายได้ ซ้ำยังมองไปที่เฉินซีราวกับว่ากำลังดูคนไร้สมอง

ชายหนุ่มเองก็เริ่มหัวเราะเช่นกัน เสียงหัวเราะของเขาทำให้ชวนคิดอย่างมาก และที่เขาจงใจถามก่อนหน้านี้มันก็เพื่อยืนยันสันนิษฐานของตนเองเท่านั้น เมื่อเขาได้ยินคำตอบแล้ว เฉินซีก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที เพราะเข้าใจแล้วว่าไม่ว่าวันนี้จะสร้างความวุ่นวายมากเพียงใด ตัวเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับผลที่ตามมาแม้แต่น้อย!

“รีบไสหัวไปเสีย เคยมีศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันตกของพวกเจ้าคนใดบ้างที่ไม่ถูกใช้เยี่ยงทาสเมื่อมาถึงยอดเขาจรัสเทวะ? ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ไสหัวไปให้ไกล ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าพวกข้าใจร้าย!” ศิษย์ชั้นยอดอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว

‘บรรดาลูกศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันออกนั้นหยิ่งผยองจริง ๆ พวกเขาทำตัวหยิ่งยโส เอาแต่ใจและป่าเถื่อนอยู่บนยอดเขาจรัสเทวะ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าใครหนอเป็นคนมอบความกล้าหาญแก่พวกเขา…?’ เฉินซีไม่กล่าวสิ่งใด แต่ในใจเขาเริ่มสงสัยยิ่งขึ้น ชายหนุ่มต้องการทราบว่าใครเป็นตัวตนที่อยู่เบื้องหลังบรรดาศิษย์ชั้นยอดประจำยอดเขาจรัสตะวันออก อวิ๋นเยี่ย? หรือจะเป็นหวังจ้งฮ่วน?

“เจ้ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!” บรรดาศิษย์ชั้นยอดเริ่มหมดความอดทนเมื่อเห็นเฉินซีครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะขู่อย่างตรงไปตรงอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจะทำให้เจ้ารู้เอง ว่าพวกเรานั้นน่าเกรงขามเพียงใด! แม้จะไม่สามารถสังหารบนยอดเขาจรัสเทวะได้ แต่การเอาให้ตายไปข้างหนึ่งนั้นย่อมทำได้ จากนั้นก็จงทรมานและอยู่อย่างขายหน้าไปเถอะ!”

“มาระเบิดพลังขับไล่มันให้กระเด็นออกจากที่พำนักบนเส้นชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดสีชาดกันเถอะ เราจะทำให้ศิษย์ชั้นยอดทุกคนบนยอดเขาจรัสเทวะเห็นความอัปยศของเจ้าคนผู้นี้!” ชายหนุ่มในชุดคลุมนักพรตเต๋าสีม่วงพลันตะโกนออกมาพลางโจมตีซึ่ง ๆ หน้า

ตู้ม!

เมื่อเขายื่นมือออกไป ทำให้ห้วงมิติพังทลายลงทันที รอยแตกปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่งภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียว และนั่นคือศาสตร์เต๋าอันน่าเกรงขามที่มีเรียกว่า ‘หมัดทำลายล้างปีศาจโลหิต’!

นี่คือศาสตร์เต๋าระดับกลางของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง มันมีพลังอำนาจที่ไร้เทียมทาน เมื่อกวาดล้างพื้นที่โดยรอบ จะทำให้ภูเขาและแม่น้ำสั่นสะเทือน เป็นศาสตร์เต๋าที่โหดเหี้ยมราวกับฝ่ามือหมีโลหิตแยกนภาของตระกูลหมีแดง

หมัดนี้พุ่งตรงไปยังเฉินซีด้วยแรงคล้ายกระแสน้ำซึ่งแฝงพลังอันน่าตกตะลึง และเผยให้เห็นรัศมีแห่งการทำลายล้างผนวกกับความโกลาหล ลมสีเลือดโหมกระหน่ำไปพร้อมกับพลังดาราจักรที่ไหลเวียนไปพร้อมกับมัน!

“หมัดทำลายล้างปีศาจโลหิตของศิษย์พี่เนี่ยดูน่าเกรงขามขึ้นกว่าเดิมเสียอีก จากข่าวลือที่ได้ยินมา หมัดนี้อัดแน่นไปด้วยปราณดาราอันดุดัน มีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านความดุร้าย มันเป็นหนึ่งในศาสตร์เต๋าที่น่ายำเกรงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง!”

“บางทีพวกเจ้าอาจไม่รู้ แต่ศิษย์พี่เนี่ยได้รับคำแนะนำส่วนตัวและเคล็ดวิชาที่ถ่ายทอดจากเหล่าผู้อาวุโสที่เก็บตัวสันโดษ ดังนั้นพละกำลังของเขาจึงเพิ่มพูนโดยปริยาย ด้วยพลังนี้ ศิษย์พี่เนี่ยจึงใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีในการติดหนึ่งในอันดับต้น ๆ ของศิษย์ชั้นยอด และมีศักดิ์เทียบเท่ากับศิษย์พี่อวิ๋นเยี่ย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]