บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 625

บทที่ 625 ถูกฟาดจนลอยละลิ่ว

บทที่ 625 ถูกฟาดจนลอยละลิ่ว

ปีกคู่หนึ่งที่อาบไปด้วยประกายสีเทามัว ขอบปีกคมกริบ และส่วนโค้งของมันก็เหมือนกับเครื่องหมายของสวรรค์หรือตราของมหาเต๋า มันเหมือนกับผลงานชิ้นเอกของสวรรค์ซึ่งไร้ที่ติที่สุด อีกทั้งยังเผยให้เห็นถึงความรู้สึกลี้ลับที่ไม่มีใครเทียบได้

อักขระยันต์ที่หนาแน่น ลึกซึ้ง และมิอาจหยั่งถึงต่างวูบวาบออกมา และดูเหมือนว่ามันจะบรรยายถึงความลึกซึ้งของโลกา

ฟิ้ว!

ก่อนที่ทุกคนจะล่วงรู้ความลึกล้ำที่แท้จริงของปีกคู่นั้น พวกเขาต่างรู้สึกว่ามีบางอย่างวูบไหวขึ้นมาต่อหน้าต่อตา ในชั่วพริบตาต่อมา ปีกสีเทาก็กระพืออย่างรุนแรงทันทีที่กางออก และมันก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายยิ่งใหญ่ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่อันไร้ขอบเขตปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดิน

เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของเฉินซีก็หายไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน!

“นี่มัน…”

บนท้องฟ้าอันไกลโพ้น หัวใจของหวังจ้งฮ่วนพลันกระตุกวูบ ในขณะที่เขาค้นพบว่าตนเองไม่สามารถระบุร่องรอยของเฉินซีได้ ราวกับเจ้าเด็กนี้หายวับไปในอากาศ!

เหตุการณ์ที่เกิดอย่างฉับพลันนี้ทำให้เขาไม่มีเวลาได้คิดถึงเรื่องอื่น จึงพลันตะโกนออกมาตามสัญชาตญาณ ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นจึงง้างคันธนูเบญจธาตุ และทำให้สายธนูสั่นไหวซ้ำ ๆ

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ลูกธนูแสงแพรวพราวจำนวนมากพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับสายรุ้งที่ทอดยาว พวกมันพุ่งออกไปราวกับพายุที่ปกคลุมฟ้าดินและห่อหุ้มโลกเอาไว้

มันไม่ใช่แค่การโจมตีที่รุนแรงและดุร้ายเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน เนื่องจากมันสามารถป้องกันจุดบอดรอบตัวเขาได้อย่างแน่นหนาและไม่มีช่องโหว่

“เฉินซี เจ้ามีดีแค่นี้หรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ไปตายซะ!” ผมสีทองดกหนาของหวังจ้งฮ่วนพลิ้วไหวในอากาศ ในขณะที่เขาตะโกนออกมา และทั่วทั้งร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายคุกคามและดุร้าย

ฟิ้ว!

ทันใดนั้น ประกายกระบี่ดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบพลันปรากฏขึ้นขึ้นที่ข้างหูของหวังจ้งฮ่วนอย่างไม่ตั้งตัว

ประกายกระบี่สายนี้ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันเสมือนการเคลื่อนย้ายมิติ ทำให้หวังจ้งฮ่วนไม่อาจตอบสนองต่อมันได้อย่างเต็มที่ ก่อนจะเฉือนหนังศีรษะของเขาออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ โดยตรง ทำให้ผมสีทองร่วงหล่นสู่พื้น ในขณะที่เลือดก็สาดกระเซ็นราวกับน้ำพุ ซึ่งยิ่งขับเน้นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาให้ดูดุร้ายและโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม

“บัดซบ เจ้าทำให้ข้าหลั่งเลือด!” หวังจ้งฮ่วนลูบศีรษะของเขา ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาก็บิดเบี้ยวไม่น่าดู คล้ายว่าเขาจะไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บเข้าจริง ๆ!

ในขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นร่องรอยของเฉินซีแล้ว และอีกฝ่ายก็ยืนห่างออกไปบนท้องฟ้า ร่างของชายหนุ่มเป็นเหมือนกระสวยที่ถูกปกคลุมด้วยปีกสีเทาคู่หนึ่ง ซึ่งดูพร่ามัวและคลุมเครือจนแทบจะหลอมรวมกับมิติ และหากจิตสัมผัสเทพของหวังจ้งฮ่วนไม่แข็งแกร่งพอ …เขาก็คงจะไม่สามารถตรวจจับอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน

ตู้ม!

หวังจ้งฮ่วนเคลื่อนไหวไปตามรูปแบบที่ลึกล้ำ ซึ่งดูเหมือนกับวิถีโคจรของดวงดาว และทะยานออกไปราวกับเสียงฟ้าร้อง ซึ่งอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่พร่างพราว จากนั้นเจ้าตัวก็ง้างคันธนูจนสุดแรง ก่อนจะควบแน่นลูกธนูแสงที่งดงามดั่งผลึกแก้วและน่าใจหายออกมา

เขาโกรธเกรี้ยวอย่างแท้จริง เพราะตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะมาจนถึงบัดนี้ เขาได้พึ่งพาวาสนาอันยิ่งใหญ่ โชคลาภมหาศาล และพรสวรรค์ที่สูงส่ง จนแทบไม่เคยพบกับคนที่สามารถเทียบเคียงกับตนเองได้เลย และเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องขายหน้าเช่นนี้ด้วยน้ำมือของศิษย์ใหม่อย่างเฉินซี!

นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างมาก สำหรับหวังจ้งฮ่วนที่หยิ่งผยองและยโสโอหัง!

ถึงอย่างไร ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์อย่างเขานั้นเป็นคนที่ใส่ใจเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเองมากที่สุด แม้แต่เศษหนังศีรษะของเขาที่ถูกเฉือนออก ก็เป็นเรื่องน่าละอายเกินกว่าจะเผยแพร่ออกไปได้!

“ไปตายซะ!” หวังจ้งฮ่วนตะโกนออกมาอย่างดุเดือด ในขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีก็ปรากฏขึ้นที่ข้างหลัง ราวกับธาตุทั้งห้ากำลังหมุนเวียนอยู่ภายในนั้น ทำให้เขามีกลิ่นอายที่ดุดันมากขึ้น

ผึง!

ในเวลาเดียวกัน เจ้าตัวก็ปล่อยสายธนูที่ง้างสุดสายและสะสมพลังมานาน จากนั้นลูกธนูแสงที่งดงามราวกับผลึกแก้ว พลันพุ่งออกไปดั่งสายรุ้งที่ทะลุผ่านเก้าชั้นฟ้า ทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ตามมาด้วยคลื่นเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว!

กลิ่นอายที่ดุดันของลูกธนูนี้ทำให้ทุกคนบนยอดเขาจรัสเทวะตกใจจนหยุดสนทนา พวกเขาทั้งหมดต่างรับรู้ได้ว่า หวังจ้งฮ่วนโกรธมากในครั้งนี้ ดังนั้นคนที่มีการบ่มเพาะเพียงขอบเขตสถิตกายาจะสามารถต้านทานลูกธนูที่สะท้านไปทั้งจักรวาลและทำให้เทพเจ้าตกตะลึงได้อย่างไร?

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับลูกธนูนี้ เฉินซีกลับไม่หลบอีกต่อไป

แม้ว่าการโจมตีของเขาก่อนหน้านี้จะเฉือนหนังศีรษะของหวังจ้งฮ่วนได้เพียงชิ้นเดียว แต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจความเร็วของปีกกำราบผกผันได้ลึกซึ้งขึ้น

ความเร็วของเคล็ดวิชาสุดยอดแห่งเผ่าวิหคเพลิงนภานั้นไม่ได้ด้อยกว่าปีกนภาดารกะเลย และมันก็มีความสามารถเทียบเท่ากับการเคลื่อนย้ายมิติอย่างแท้จริง

ส่วนที่วิเศษที่สุดก็คือ ปีกกำราบผกผันนั้นเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบราวกับเงาตามตัว และมันเป็นสุดยอดศัสตราสำหรับการลอบสังหารและการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวที่ประสบความสำเร็จตลอดกาล!

เวลานี้เขาได้ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ ในขณะที่ปีกกำราบผกผันที่อยู่ข้างหลังก็ดูเหมือนจะปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความโกลาหลออกมา แผ่ปราณสีเทาขุ่นมัว ซึ่งปกคลุมร่างกายของเขาไว้อย่างสมบูรณ์!

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? เขาจะไม่หลบจริง ๆ หรือ?”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขารู้ตัวว่าไม่สามารถหลบเลี่ยงมันได้ ดังนั้นจึงตั้งใจที่จะยอมจำนนและยอมรับความพ่ายแพ้?”

“เป็นไปได้! ลูกธนูนี้น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน และเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของหวังจ้งฮ่วน อีกทั้งยังแฝงด้วยเจตนาฆ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งไม่ว่าใครก็คงเป็นต้องรู้สึกหมดสิ้นหนทางและทำได้เพียงแต่รอความตายเท่านั้น”

“เฮ้อ ศิษย์ใหม่อีกคนกำลังจะถูกสยบ เดิมทีข้าคิดว่าสหายคนนี้จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้…”

จิตใจของทุกคนปั่นป่วนด้วยความคิด และต่างแสดงท่าทางที่ไม่อาจทนดูต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถึงขนาดที่บางคนหลับตาลงเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นเฉินซีถูกทุบตีเหมือนกระสอบทรายที่มีชีวิต

ความคิดทั้งหมดเหล่านี้ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา และก่อนที่ทุกคนจะยับยั้งความคิดได้ ลูกธนูแสงที่งดงามอย่างน่าตกตะลึงก็พุ่งออกไปอย่างดุเดือดและมาถึงตรงหน้าเฉินซีแล้ว!

ตู้ม!!!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]