บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 632

บทที่ 632 เหล่าปรมาจารย์มาพบกัน

บทที่ 632 เหล่าปรมาจารย์มาพบกัน

การที่หม้อต้มใบจิ๋วซึ่งนิ่งเงียบมาเป็นเวลานาน จู่ ๆ พลันเอ่ยขึ้นและเปิดเผยที่มาของชิ้นส่วนไม้ที่ไหม้เกรียมให้เห็น ทำให้เฉินซีต้องหัวใจเต้นแรงเสียจนหายใจลำบาก

มันคือเรื่องจริง! ชิ้นส่วนไม้ที่ไหม้เกรียมนั้นก่อเกิดขึ้นจากวิญญาณของต้นเงาทมิฬศักดิ์ศิทธิ์!

เฉินซีนึกขึ้นได้ว่าอันเวยเคยกล่าวไว้ว่า เพื่อหลีกเลี่ยงมหันตภัยที่ส่งผลต่อทั้งสามภพในยุคบรรพกาล ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬที่เชื่อมต่อระหว่างภพมนุษย์และภพเซียนจึงจึงผนึกพลังกับสิ่งมีชีวิตสูงสุดเพื่อเอาชีวิตรอด และแม้ว่าร่างกายของมันจะสูญสลายไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ยังมีเศษเสี้ยวของวิญญาณที่ยังหลงเหลืออยู่

ซึ่งร่องรอยจิตวิญญาณที่ว่าได้ผ่านการชำระล้างมานานนับปีไม่ถ้วน และกลับกลายเป็นชิ้นไม้ไหม้เกรียมไปแล้วในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีต้นอ่อนขนาดจิ๋วเขียวชอุ่มงอกออกมาอีกด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณของการค่อย ๆ ฟื้นฟูร่องรอยแห่งชีวิตกลับมา!

“มีเงื่อนไขอันใด?” เฉินซีถามกลับหลังจากที่ได้สติหวนคืนจากความตกตะลึง

หากเป็นเมื่อก่อน เฉินซีคงรู้สึกไม่สบายใจหากหม้อต้มใบจิ๋วนี้พูดถึงเรื่องเงื่อนไขขึ้นมา แต่หลังจากที่ได้สัมผัสเหตุการณ์ในสมรภูมิบรรพกาล เขาก็เข้าใจในวิธีการจัดการสิ่งต่าง ๆ ของหม้อต้มใบจิ๋ว

มันใช้วิธีการนี้เพื่อรักษาสมดุลของทุกสรรพสิ่งเอาไว้ หากเฉินซีต้องการอะไรจากมัน เฉินซีก็จำเป็นต้องจ่ายราคาที่เหมาะสม ซึ่งการทำเช่นนี้ก็เป็นเรื่องดีสำหรับเฉินซีด้วยเช่นกัน เพราะมันจะป้องกันไม่ให้เฉินซีต้องเผชิญกับหายนะที่อาจมาจากหม้อต้มใบจิ๋ว!

“ช่วยข้าตามหาชิ้นส่วนผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหล” หม้อต้มใบจิ๋วตอบกลับมา

“ผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหลหรือ?” เฉินซีตะลึงงัน เขาไม่รู้จักสมบัติชนิดนั้นเลยสักนิด

“มันอยู่ในเหวเงาทมิฬ และข้าจะเป็นผู้นำทางเจ้าหลังจากที่เข้าไปเอง” หม้อจิ๋วกล่าวตอบ “ว่าอย่างไรเล่า? เจ้าอยากแลกเปลี่ยนหรือไม่?”

“ย่อมได้ ข้าตกลง” เฉินซีตอบตกลงโดยไม่ลังเล

เขาตั้งใจจะเข้าไปที่เหวเงาทมิฬเพื่อบ่มเพาะตัวเองอยู่แล้ว และหม้อจิ๋วก็บอกว่าจะเป็นผู้นำทางไปยังตำแหน่งของผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหล แล้วเขาจะไม่ตอบรับเงื่อนไขที่เรียบง่ายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

“รอเวลาอีกสามวัน ร่องรอยของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬนี้ยังแข็งแกร่งเกินไป เพื่อหลักเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น ข้าต้องรอให้มันค่อย ๆ จางหายไปอีกในสามวัน” ทันทีที่หม้อต้มใบจิ๋วพูดจบ มันก็หายวับไปจากบริเวณหน้าอกของเฉินซีโดยไม่ก่อเกิดกระแสห้วงมิติแปรปรวนแม้แต่น้อย

ซึ่งนอกจากเฉินซีแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดในห้องโถงนี้ที่รู้ว่าสมบัติลึกลับชิ้นนี้ได้เข้าไปในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬแล้ว!

หม้อต้มใบจิ๋ว สามารถกำจัดผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งสี่ในสมรภูมิบรรพกาลได้ภายในพริบตา แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องใช้เวลาถึงสามวัน กว่าที่หม้อต้มใบนี้จะคว้าชิ้นไม้ไหม้เกรียมนั้นมาได้ เห็นได้ชัดว่าเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬนี้น่าอัศจรรย์ขนาดไหน… และเมื่อเฉินซีคิดว่าจะได้ครอบครองสมบัติเหนือธรรมชาติชิ้นนี้ในอีกสามวัน หัวใจของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง!

ผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเข้ามาข้างในห้องโถง ทำให้มันดูคึกคักยิ่งกว่าเก่า มีศิษย์จากนิกายเซียน นิกายอสูร และกระทั่งตัวตนที่น่าเกรงขามจากหลากหลายเผ่าพันธุ์มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้เยี่ยมยุทธ์จากเผ่าพันธุ์โบราณที่แยกตัวออกไปจากโลกอีกด้วย

ในตอนนี้ ผู้คนเหล่านี้มารวมตัวกันที่นี่ เพียงแค่รัศมีที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาก็เพียงพอที่จะทำให้คนอ่อนแอต้องสั่นสะท้านจนพลังชีวิตเข้าสู่สภาวะโกลาหลได้แล้ว

แน่นอนว่าบรรยากาศในที่แห่งนี้ไม่ได้น่าอภิรมย์อย่างที่เห็น อย่างไรแล้ว ผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านี้ก็มาจากหลากหลายกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ในแดนภวังค์ทมิฬ และบางส่วนกระทั่งมีความขัดแย้งกันด้วยซ้ำ ดังนั้นมันจึงถือว่าเป็นเรื่องโชคดีแล้วที่ยังไม่มีใครชักกระบี่ออกมาขณะที่อยู่ใต้หลังคาเดียวกัน

…โชคดีที่เหวเงาทมิฬยังไม่ปรากฏตัวขึ้น ไม่เช่นนั้น การต่อสู้นองเลือดจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้านี้ไปแล้ว

อย่างไรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู พวกเขาก็มาที่เมืองเหมันต์บรรพกาลเพื่อเหวเงาทมิฬในตำนานและจะไม่บุ่มบ่ามทำอะไรก่อนที่จะเข้าไปในเหวเงาทมิฬและได้ประโยชน์กลับมาอย่างแน่นอน

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเมื่อเข้าไปในเหวเงาทมิฬแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูกันมาก่อน พวกเขาต่างก็เป็นคู่แข่งกัน ในตอนนั้น บางทีพวกเขาอาจจะต่อสู้จนถึงชีวิตและทำให้เกิดแม่น้ำเลือดขึ้นเพื่อสมบัติหรือโชคลาภด้านในก็เป็นได้

เฉินซีนั่งแยกออกมานั่งที่โต๊ะคนเดียวขณะที่รอคอยหม้อต้มใบจิ๋วอย่าเงียบเชียบ และตรวจสอบทุกคนในห้องโถง เขาจึงไม่ได้รู้สึกเหงาหรือเบื่อแต่อย่างใด

ส่วนหลงเจิ้นเป่ยนั้น อีกฝ่ายได้ไปนั่งยังโต๊ะของนักพรตเต๋าสุริยันชาดตั้งนานแล้ว โดยทั้งสองกำลังดื่มและพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เห็นได้ชัดว่าในเมื่อเขาสามารถเป็นฝ่ายชวนหลงเจิ้นเป่ยพูดคุยได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานะหรือพละกำลังของนักพรตเต๋าสุริยันชาด มันก็ไม่น่าอ่อนแอไปกว่าหลงเจิ้นเป่ยเลย และอาจจะสูงกว่าเจ้าตัวเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ

ในขณะเดียวกัน อันเวยยังคงไม่กลับมาจากการเลือกซื้อสิ่งของบางอย่างบนท้องถนน

“ดูนั่น องค์หญิงเหลิงฉานเอ๋อร์มาแล้ว เหมือนว่านางจะเข้าร่วมนิกายวิถีกระแสสวรรค์และมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่คนรุ่นใหม่ นางนับเป็นหนึ่งในศิษย์ชั้นยอดที่โดดเด่นที่สุดในนิกายวิถีกระแสสวรรค์เลยเชียวนะ”

ในตอนนั้นเอง ใครบางก็เอ่ยขึ้นขณะที่มองไปด้วยสายตาเร่าร้อนในทันใด

ฟุ่บ!

หลังจากนั้น กลุ่มผู้คนก็เดินเข้าไปและดึงดูดความสนใจจากทุกคนในห้องโถงเข้ามาทันที

นิกายวิถีกระแสสวรรค์งั้นหรือ?

หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้านขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วเขาก็มองเห็นหญิงสาวผู้สง่างามคนหนึ่งในชุดคลุมหรูหราที่ปักทอรูปหงส์เพลิงเดินเข้ามาขณะที่ถูกห้อมล้อมโดยกลุ่มผู้คน ดูราวกับดวงดาวที่ห้อมล้อมไปด้วยดวงจันทร์สว่างไสวมากมาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]