บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 633

บทที่ 633 เพียะ! เพียะ! เพียะ!

บทที่ 633 เพียะ! เพียะ! เพียะ!

ผู้คนเหล่านั้นที่จู่ ๆ เข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเผยความดุร้ายออกมา แม้ว่าจะไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาก็กลายร่างเป็นรูปร่างมนุษย์และปลดปล่อยไอปีศาจสีดำออกมาขณะที่เคลื่อนที่มาข้างหน้า

สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือพวกเขาต่างก็มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันจนเหมือนกับแฝดสี่เลยทีเดียว

“สี่พี่น้องฉลามมังกรแห่งทะเลปีศาจคลั่ง!” ใครบางคนจำพวกเขาได้ และอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจสี่พี่น้องเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตในทะเลลึก ฉลามมังกรฟ้า พวกมันกลายร่างเป็นมนุษย์และครอบครองพรสวรรค์ตามธรรมชาติที่โดดเด่น ด้วยหลังจากที่กลายร่างเป็นมนุษย์ ทุกสิ่งบนร่างกายของพวกเขาจะทรงพลังและไร้เทียมทานอย่างถึงที่สุด พวกเขาจึงนับเป็นผู้ทรงพลังที่โด่งดังในทะเลปีศาจคลั่ง!

เมื่อทะเลปีศาจคลั่งถูกเอ่ยถึง ทุกคนก็นึกถึงเกาะปีศาจฉลามมังกร เพราะผู้เยี่ยมยุทธ์ไร้เทียมทานผู้หนึ่งกำเนิดขึ้นที่นั่นในยุคบรรพกาล มหาปราชญ์คลื่นสมุทร เขาต่อสู้อย่างอาจหาญกับเทพเจ้าในสามภพ และเคยยืนอยู่เหนือผู้ยิ่งใหญ่ทั่วแดน ทำให้เขาได้รับฉายา ‘มหาปราชญ์’ ไปครอบครอง!

ตั้งแต่ยุคบรรพกาลมาจนถึงปัจจุบัน มีผู้คนเพียงหยิบมือในหมู่สิ่งมีชีวิตมากมายจากทั่วทั้งสามภพที่ถูกเรียกขานว่า ‘มหาปราชญ์’ …เรียกได้ว่าสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือด้วยซ้ำ!

“มิน่าล่ะ พวกเขาถึงกล้าหยิ่งหยองและเตะประตูเข้ามาเช่นนั้น กลายเป็นว่าพวกเขาคือผู้แข็งแกร่งทั้งสี่นั้นนั่นเอง” คนอื่น ๆ นึกถึงที่มาของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้และเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา

พวกเขาเคยได้ยินว่าอัจฉริยะที่ปรากฏตัวขึ้นบนเกาะปีศาจฉลามมังกรเมื่อไม่กี่ปีมานี้ตั้งนานแล้ว และสี่พี่น้องฉลามมังกรคือผู้ที่โด่งดังที่สุดในหมู่อัจฉริยะเหล่านั้น

ซึ่งสี่พี่น้องเหล่านี้ต่างก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมาเมื่อได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น เพราะพวกเขาเป็นที่รู้จักของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากหลากหลายกองกำลังระดับสูงสุดในตำหนักเมฆาเยือกแข็ง และมันก็น่าภาคภูมิใจยิ่งนัก

“สหาย หรือว่าเจ้าจะไม่ได้ยินที่ข้าพูด?” สีหน้าของพี่ใหญ่ ซาถ่ง ผู้เดินนำเข้ามาเป็นคนแรกเริ่มเคร่งขรึมเมื่อเห็นว่าเฉินซีไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย

แน่นอนว่าเฉินซีได้ยินที่ซาถ่งกล่าว และกระทั่งได้ยินบทสนทนาของทุกคนโดยรอบ แต่เขาจะให้ที่นั่งอย่างเชื่อฟังอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง!

ตั้งแต่มองเห็นเขาในตอนที่เข้ามาในห้องโถง คนพวกนั้นก็สัมผัสได้ว่าเฉินซีเป็นผู้อ่อนแอที่สุดที่นี่อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแล้ว หากชายหนุ่มยอมให้ในตอนนี้ นอกจากจะเสียชื่อเสียงแล้ว แม้แต่นิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขาก็คงจะพลอยอับอายไปด้วยเช่นกัน

“สหายเต๋าหลง นั่นศิษย์จากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเจ้าไม่ใช่หรือ? แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างสี่พี่น้องฉลามมังกรยังคิดมารังแกนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเจ้าเลยนะ เจ้าจะไม่เข้าไปห้ามสักหน่อยหรือ?” ห่างไกลออกไป นักพรตเต๋าสุริยันชาดหันไปมองหลงเจิ้นเป่ยและกล่าวผ่านกระแสปราณ

“ใช่แล้ว เขาคือศิษย์ชั้นยอดคนใหม่ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของข้า แต่เจ้าก็รู้ คนหนุ่มสาวน่ะ ทั้งหยิ่งทะนงและถือดี ปล่อยให้เขาทรมานสักหน่อยคงจะดี และมันจะช่วยเรื่องการฝึกฝนของเขาในอนาคตด้วย” หลงเจิ้นเป่ยชำเลืองมองเฉินซีที่อยู่ไกลออกไปและส่ายหน้า ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายพร้อมรอยยิ้ม

“โอ้อ งั้นสหายเต๋าหลงก็วางแผนเอาไว้แล้วสินะ” นักพรตเต๋าสุริยันชาดยิ้มและไม่พูดอะไรอีก

สำหรับเขาแล้ว การกระทำเหล่านี้ของหลงเจิ้นเป่ยคือเรื่องปกติ เพราะความใจร้อนของคนหนุ่มสาวนั้นเป็นเรื่องธรรมดาและผู้ที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ที่ยังหยิ่งทะนงรวมทั้งถือดีเพราะคิดว่ามีสถานะศิษย์จากสิบนิกายเซียน พวกเขาก็สามารถทำให้ผู้อื่นโกรธและต้องเสียชีวิตได้อย่างง่ายดาย ความทรมานสักเล็กน้อยจึงเหมาะสมที่จะบ่มเพาะบุคลิกของพวกเขา ซึ่งส่งผลต่อการฝึกฝนด้วยเช่นกัน

“ถ้าเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะปล่อยให้เรื่องที่ผ่านไปแล้วผ่านไป ไม่อย่างนั้นก็จงรับผลของการกระทำเสีย” เฉินซีชำเลืองมองสี่พี่น้องก่อนจะดึงสายตากลับมา แล้วเขาก็ดื่มสุราต่อไปโดยไม่แยแส

ทุกคนต่างก็ประหลาดใจกับพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะชายหนุ่มคนนี้นั่งอยู่เพียงคนเดียว แต่กลับกล้าพูดจาห้วนยิ่งนัก และตั้งแต่ต้นจนจบ ระหว่างที่เผชิญหน้ากับสี่พี่น้องฉลามมังกร เขาก็ไม่เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ซึ่งความใจเย็นและท่าทีอดทนเช่นกันก็เหมือนการดูถูกสี่พี่น้องฉลามมังกรไม่ใช่หรือไรกัน?

แม้กระทั่งหลงเจิ้นเป่ยก็ตะลึงงันไปเล็กน้อย แล้วเขาก็ส่ายหน้าไปมาและหัวเราะเบา ๆ ด้วยหากเป็นเพียงแค่หนึ่งในสี่พี่น้อง เฉินซีก็อาจเอาชนะได้อย่างง่ายดาย

แต่หากเผชิญหน้ากับทั้งสี่คนพร้อมกัน… ความโกลาหลก็จะเกิดขึ้น แล้วหลังจากนั้นเขาก็คงต้องขอให้ข้าไปช่วยใช่หรือไม่?

หลงเจิ้นเป่ยมีสีหน้าสงบนิ่งขณะที่มองดูจากด้านข้างด้วยสายตาอันเยือกเย็น และภายในใจ เขาก็กระทั่งคิดอยากที่จะให้เกิดการต่อสู้ขึ้น ด้วยนั่นจะทำให้เฉินซีร้องขอความช่วยเหลือจากตน หลังพ่ายแพ้ให้กับสัตว์ประหลาดจากทะเลปีศาจคลั่งเหล่านี้ในที่สุด

“เจ้า… อวดดียิ่งนัก!” ทั้งสี่พี่น้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พวกเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

ที่นั่งทั้งหมดในห้องโถงมีเจ้าของแล้ว เหลือแค่เพียงเฉินซีที่นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว พวกเขาคิดว่าด้วยชื่อเสียงของพวกตน ชายหนุ่มคนนี้จะต้องหวาดกลัวและหนีไปเป็นแน่ แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดเลย ว่านอกจากชายหนุ่มคนนี้จะไม่ขยับเขยื้อนแล้ว เขายังกล้าข่มขู่พวกเขาด้วยงั้นหรือ?

เฉินซีไม่คิดที่จะสนใจคนเหล่านี้อีกต่อไป เขายังคงดื่มเหล้าต่อไปขณะที่สายตามองไกลไปยังหลงเจิ้นเป่ยผู้หัวเราะเยาะอยู่ในใจ

จากท่าทีของหลงเจิ้นเป่ยแล้ว เฉินซีรู้ว่าชายคนนี้คิดจะรับชมการแสดงที่เกิดขึ้น และหลงเจิ้นเป่ยก็คงไม่คิดที่จะเข้ามาห้าม แม้ว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างเขากับสี่พี่น้องฉลามมังกรก็ตาม

บางที เขาอาจจะกำลังรอให้ข้าร้องขอความช่วยเหลือก็เป็นได้

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!” พี่ใหญ่ซาถ่ง อดทนไม่ไหวอีกต่อไป และคว้าไหลของเฉินซีเอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]