บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 643

บทที่ 643 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เก้าหอคอย

บทที่ 643 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เก้าหอคอย

คลื่นความผันผวนที่แผ่ซ่านออกมาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำแข็งนั้น มีพลังที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง มันเหมือนกับพายุที่แผ่ออกไปนับพันนับหมื่นลี้ และแผ่ขยายไปทั่วเมืองเหมันต์บรรพกาลทั้งหมด

เพียงชั่วพริบตาเดียว ไม่ว่าทุกซอกทุกมุมของท้องถนนหรือตรอกซอกซอย หัวใจของทุกคนพลันรู้สึกถึงร่องรอยของความสยดสยองอย่างที่อธิบายไม่ได้ และการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็เฉื่อยชาลงเล็กน้อย

เวลาดูเหมือนจะหยุดลงในบัดดล ทำให้เสียงอึกทึกครึกโครมต่างสลายหายไปอย่างฉับพลัน และแม้แต่ทั้งเมืองก็เงียบอย่างน่าประหลาดไปสักระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ความผันผวนนี้ปรากฏขึ้น มันก็หายไปในพริบตา ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อและไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง

“เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น?”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ความประหลาดใจก็ผุดขึ้นในใจของทุกคนอย่างช่วยไม่ได้ และพวกเขาก็รู้สึกงุนงงสงสัยเป็นอย่างมาก

คลื่นความผันผวนนี้ทะลุทะลวงเกินไป มันเหมือนกับเจตจำนงของเทพเจ้าได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของพวกเขา ทำให้แม้แต่จิตวิญญาณของพวกเขายังรู้สึกถึงร่องรอยของความสยองขวัญและสั่นสะท้าน ซึ่งไม่ว่าพวกเขาจะบ่มเพาะจนมีฝีมือสูงล้ำหรือต่ำต้อยสักเพียงใด ก็ไม่มีใครสักคนที่เป็นข้อยกเว้น!

“ช่างเป็นคลื่นความผันผวนที่น่ากลัวเสียนี่กระไร มันน่ากลัวยิ่งกว่าญาณมหาเทวะอมตะที่เซียนสวรรค์ครอบครองเสียอีก!” มีคนพูดด้วยความประหลาดใจและงุนงง

“อันที่จริง ก่อนหน้านั้น ข้าคิดว่าเซียนสวรรค์กำลังจะจุติลงมา มันน่าสะพรึงกลัวเสียเหลือเกิน!”

“หรือว่าเหวเงาทมิฬกำลังจะปรากฏตัว?” ดูเหมือนว่าใครบางคนจะเดาอะไรบางอย่างได้ และอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ซึ่งมันก็ดึงความสนใจของผู้คนที่อยู่รอบข้างในทันที

“ใช่แล้ว นี่คงเป็นสัญญาณว่าเหวเงาทมิฬกำลังจะปรากฏตัวมิใช่หรือ?”

ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นในใจ เพราะพวกเขารอคอยอย่างขมขื่นในเมืองเหมันต์บรรพกาลมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ ทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นความผันผวนและกลิ่นอายที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน พวกเขาก็ตระหนักได้โดยไม่รู้ตัว ว่าคลื่นความผันผวนนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเหวเงาทมิฬมากที่สุด

มีเพียงกลุ่มคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีจิตสัมผัสเทพเฉียบแหลมมากเท่านั้น ที่สังเกตเห็นอย่างแผ่วเบา ว่าคลื่นความผันผวนนี้ดูเหมือนจะแผ่ขยายออกมาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำแข็ง แต่เมื่อพวกเขาค้นหาอย่างละเอียด พวกเขากลับไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ

“ช่างแปลกยิ่งนัก ข้ารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าคลื่นความผันผวนก่อนหน้านี้ ได้แผ่ขยายออกมาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำแข็ง ทว่าเหตุใดมันจึงหายไปในทันที?” ภายในชั้นสูงสุดของตำหนักเมฆาเยือกแข็ง ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับสูงของขุมพลังต่าง ๆ ได้ทยอยเข้ามาจนเนื่องแน่นไปตั้งนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่นี้ยังอยู่ห่างจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำแข็งเพียงไม่กี่ก้าว ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงสังเกตเห็นคลื่นความผันผวนได้ในทันทีที่มันแผ่ซ่านออกมา

“ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำแข็งเปล่งเสียงของมหาเต๋าเมื่อสองสามวันก่อน และมันทำให้พวกเราทุกคนได้ทราบว่า เหวเงาทมิฬกำลังจะปรากฎตัวในไม่ช้า ซึ่งตอนนี้ จู่ ๆ ก็มีคลื่นความผันผวนแปลก ๆ เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้หรือไม่ ว่านี่คือสัญญาณปรากฏตัวของเหวเงาทมิฬจริง ๆ?”

“หากเป็นเช่น เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม”

“หึ! เตรียมตัวหรือ? มันคงไร้ประโยชน์หากเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ!”

ทุกคนในชั้นสูงสุดของตำหนักเมฆาเยือกแข็งต่างหยุดสนทนา เนื่องจากพวกเขามีลางสังหรณ์ ว่าเหวเงาทมิฬกำลังจะปรากฏออกมาในไม่ช้า ในขณะที่สายตาของพวกเขาก็กลายเป็นไม่เป็นมิตรและยังมีร่องรอยของความดุร้าย

พวกเขาต่างรู้อย่างชัดเจน ว่าแม้ว่าพวกเขาจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ในตอนนี้ แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปในเหวเงาทมิฬ พวกเขาทั้งหมดจะกลายเป็นศัตรูของกันและกัน ซึ่งอาจต่อสู้หรือฆ่าฟันเพื่อให้โชคลาภที่อยู่ภายใน

ในทางกลับกัน ณ ขณะนี้ เฉินซีกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง จิตใจทั้งหมดถูกบังคับให้มีสมาธิอยู่กับร่างกายของเขา และชายหนุ่มไม่มีเวลาที่จะกังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่น

กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็สามารถฆ่าเขาได้ในขณะนี้!

เหตุผลที่มันเป็นเช่นนี้ ก็เพราะคลื่นความผันผวนที่แปลกประหลาดที่เล็ดลอดออกมาก่อนหน้า…

ในทันใดที่คลื่นความผันผวนหายไป ท่อนไม้ที่ไหม้เกรียมขนาดเท่าฝ่ามือ ซึ่งมีสีดำสนิทและปกคลุมด้วยรอยแตกจาง ๆ พลันปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันภายในแดนฮุ่นตุ้นในร่างกายของเขา อีกทั้งมันยังหยั่งรากไปที่ใจกลางโลก

และเพียงชั่วพริบตา แดนฮุ่นตุ้นของเขาก็ปล่อยคลื่นสั่นสะเทือนออกมา ดูเหมือนว่ามันได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนที่รุนแรงมาก

ภายใต้ผลกระทบของความผันผวนนี้ แดนฮุ่นตุ้นของเขาเริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง และขนาดของมันก็ขยายขึ้นมากกว่าสองเท่าในทันที ทำให้มันกลายเป็นรูปธรรมและกว้างใหญ่ยิ่งขึ้น!

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ ท่อนไม้ที่ไหม้เกรียมพลันกลายเป็นต้นไม้โบราณที่มีรากบิดพันกันและกิ่งที่ขดตัวราวกับใบมีด มันดูเหมือนจะมั่นคงแข็งกร้าว โบราณ และทรงพลัง!

แต่กิ่งก้านของมันกลับโล่งเตียนไปหมด มีเพียงต้นอ่อนที่เขียวขจีและอ่อนโยนซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนกิ่งไม้ต้นหนึ่งอย่างภาคภูมิ และมันก็เปล่งประกายแสงสีเขียวขุ่น ซึ่งดูโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น แสงสีเขียวที่เปล่งออกมาจากต้นอ่อน ดูเหมือนจะไม่เด่นชัดเหมือนละอองฝนที่โปรยปราย แต่ทันทีที่มันสาดส่องออกมา มันก็กลายเป็นปราณเซียนที่อุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งแผ่กระจายไปทั่วโลกของแดนฮุ่นตุ้นในทันที

“แท้จริงแล้วมันคือปราณเซียน!”

เฉินซีสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าทันทีที่ปราณเซียนพวยพุ่งเข้ามาในโลกของแดนฮุ่นตุ้น คุณภาพของแดนฮุ่นตุ้นทั้งหมดของเขาก็กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยความเร็วสูงสุด

“ดวงดาว พระจันทร์ พระอาทิตย์ ภูเขา แม่น้ำ มหาสมุทร ทะเลสาบ พืชพรรณและดอกไม้… ทุกสิ่งภายในแดนฮุ่นตุ้นของเขาดูเหมือนจะได้รับพลังชีวิตที่พลุ่งพล่านเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันกำลังหายใจอย่างร่าเริง เติบโตเจริญงอกงาม!

หากว่าแดนฮุ่นตุ้นเป็นป้อมปราการที่สร้างจากหินขนาดมหึมาในอดีต ตอนนี้ก็คือเมืองที่สร้างขึ้นจากเหล็กกล้า ไม่เพียงแค่มันกว้างขึ้นและแข็งแกร่งกว่าเดิมเท่านั้น แต่ปราณแท้ที่บรรจุอยู่นั้นยังมากกว่าเดิมถึงสองเท่าเสียด้วยซ้ำ!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบใดที่เฉินซีบรรลุมหาเต๋าที่ขอบเขตสมบูรณ์ในตอนนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะอีกต่อไป และยังสามารถใช้พลังต่อสู้ได้มากถึงสองเท่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]