บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 648

บทที่ 648 สัตว์ร้ายหยาจื้อ

บทที่ 648 สัตว์ร้ายหยาจื้อ

ทะเลเมฆนี้กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขตและเต็มไปด้วยกระแสพลัง ไม่มีใครรู้ว่ามันกว้างใหญ่เท่าไร และก่อตัวขึ้นจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬในยุคบรรพกาล จึงทำให้มันกลายเป็นปาฏิหาริย์ที่แท้จริงของเหล่าทวยเทพ

ดวงดาวมากมายที่อยู่ภายในนั้นมีขนาดมหึมาเหมือนกับดาวเคราะห์ในจักรวาล พวกมันต่างส่งเสียงดังก้องในระหว่างที่โคจรอย่างไม่รู้จบ ซึ่งก่อให้เกิดพายุดาวฤกษ์ที่มีความรุนแรงอย่างยิ่ง อีกทั้งยังกว้างใหญ่ไพศาลและโหมกระหน่ำไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์มากมายต่างขยับขึ้นลงอยู่ภายในนั้น และต่างเปล่งแสงที่ไร้ขอบเขตออกมา จนเกิดเป็นพายุแห่งเปลวเพลิงและกระแสน้ำแข็งซัดกระหน่ำไปทั่วทุกหนทุกแห่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ทะเลเมฆกลายเป็นสถานที่สุดแสนอันตรายโดยสมบูรณ์

ในขณะนี้ กรงเล็บของสัตว์ร้ายเกล็ดสีแดงเข้มได้ยื่นออกมาจากดาวดวงหนึ่ง มันปกคลุมท้องฟ้าและบดบังดวงอาทิตย์ ฉีกผ่านทะเลเมฆที่ปกคลุมและพุ่งเข้าหาเฉินซีอย่างดุเดือด!

“นี่มัน?”

เมื่อเห็นกรงเล็บของสัตว์ร้ายที่ปกคลุมด้วยเปลวไฟ สีหน้าของชายหนุ่มพลันตกตะตึงเป็นอย่างมาก และเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสัตว์ร้ายที่น่ากลัวเช่นนี้จะซ่อนตัวอยู่ในที่แห่งนี้จริง ๆ!

เพียงแค่กลิ่นอายที่มันแผ่ออกมา ก็เสมือนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในยุคบรรพกาลแล้ว!

โดยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความแตกต่างตามขอบเขตเช่นเดียวกับผู้บ่มเพาะ แต่พวกมันเทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ในขอบเขตจุติ ในขณะที่พวกมันยังเด็กและอ่อนแอ แต่เนื่องจากพรสวรรค์ที่น่าทึ่งและสายเลือดอันสูงส่ง ความแข็งแกร่งของพวกมันจึงมักทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่เพิ่งบรรลุเข้าสู่ขอบเขตสถิตกายา สามารถต่อสู้กับผู้บ่มเพาะในขอบเขตเดียวกันได้หลายสิบคน ส่วนเหตุผลนั้นง่ายดายมาก เพราะปราณแท้ที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลครอบครองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะธรรมดาจะเทียบได้

ขอบเขตการบ่มเพาะของสัตว์ร้ายตัวนี้มีกลิ่นอายที่เทียบได้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในยุคบรรพกาล และเฉินซีก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า หากมันสามารถอยู่รอดท่ามกลางกระแสแห่งกาลเวลาได้ ความแข็งแกร่งของมันย่อมน่ากลัวมากอย่างแน่นอน!

เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุกคามถึงชีวิตจากมันเพียงแวบเดียว กระแสความกลัวก็แผ่ไปทั่วทั้งหัวใจของชายหนุ่ม และตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า หากถูกกรงเล็บของสัตว์ร้ายตัวนี้ตะปบเข้า เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!

โอม!

ในเวลานี้เอง เฉินซีก็โคจรแดนฮุ่นตุ้นด้วยพละกำลังทั้งหมดโดยไม่ลังเล ทำให้เต๋ารู้แจ้งส่งเสียงดังก้องไปรอบด้าน ในขณะที่มหาเต๋าก็กลายเป็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่รอบร่างกาย และกลิ่นอายของชายหนุ่มก็ถูกผลักดันจนอยู่ในสภาวะสูงสุด ทำให้เฉินซีดูเหมือนกับราชาที่ปรากฏตัวอย่างสง่าและทรงพลัง

ในเวลาเดียวกัน ยันต์ศัสตราที่เรียบง่ายแลเก่าแก่ก็ปรากฏในมือของเขาท่ามกลางเสียงคำรามของกระบี่ และจู่ ๆ ยันต์เทวะทั้งห้านี้ก็พลันเปล่งพลังอย่างไร้ขอบเขตออกมาขณะอักขระยันต์หมุนวน ทำให้เกิดแสงเจิดจรัสราวกับดวงอาทิตย์พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

วูบ!

เจตจำนงกระบี่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างใหญ่ ซึ่งเหมือนกับทางช้างเผือกที่ถาโถมลงมา มันฟันไปที่กรงเล็บของสัตว์ร้ายที่พุ่งตรงเข้ามาหาเขาอย่างดุดัน

นี่คือการโจมตีด้วยกระบี่ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เขาเริ่มบ่มเพาะมา พลังโจมตีของมันนั้นมหาศาล ยิ่งกว่านั้นยังแฝงไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังและเจิดจรัส ซึ่งสามารถทำให้โลกตกสู่ความโกลาหล และมันได้เฉือนพันธนาการแห่งอวกาศออกจากกัน อีกทั้งยังเฉียบคมและรุนแรงยิ่ง!

ในระหว่างการโจมตีครั้งนี้ ท่วงทำนองอันลึกล้ำของมหาเต๋าดังก้องไปพร้อมกับการสวดมนต์ของเหล่าทวยเทพ และภาพลวงตามากมายที่เหมือนเทพเจ้าก็ปรากฏขึ้น พวกมันคือปรากฏการณ์ที่ก่อตัวขึ้นจากยันต์เทวะทั้งห้าที่อยู่ในยันต์ศัสตราเมื่อโคจรพลังถึงขีดสุด!

ภายใต้การโจมตีนี้ แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาระดับแนวหน้าอย่างหวังจ้งฮ่วนกับหลงเจิ้นเป่ยก็อาจจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องหลบและไม่กล้าที่จะปะทะกับการโจมตีนี้โดยตรง

ครืน!

เจตจำนงกระบี่และกรงเล็บของสัตว์ร้ายปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน และมันก็เหมือนกับฟ้าดินกำลังพังทลายหรือภูเขาไฟสองลูกปะทะกัน!

กระแสลมที่ระเบิดจากการปะทะ ทำให้หมอกหนาทึบในระยะหมื่นลี้ถูกพัดออกไปจนหมด และพื้นที่ที่ว่างเปล่าก็ถูกเผยออกมา

หากนี่คือโลกภายนอก การปะทะที่สะท้านไปทั้งสวรรค์ก็เพียงพอที่จะบดขยี้เมืองทั้งเมือง!

พรวดด!

เฉินซีกระอักเลือดออกมา ร่างของเขาถูกแรงระเบิดจนปลิวไปไกลถึงยี่สิบลี้ และบอบช้ำเป็นอย่างมาก ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

การโจมตีด้วยกระบี่ที่ดีที่สุดของเขาไม่เพียงไม่สามารถฟันกรงเล็บของสัตว์ร้ายให้ขาดออกจากกัน แต่ตัวเขายังถูกคลื่นกระแทกจนได้รับบาดเจ็บกลับมา!

ท้ายที่สุดแล้ว กระบี่ในมือของเขายังคมกริบยิ่งกว่าสมบัติกึ่งอมตะ และเมื่อรวมกับเต๋าแห่งกระบี่ที่บรรลุถึงขั้นก่อตัวเป็นกระแสปราณกระบี่ ชายหนุ่มกลับไม่สามารถทำลายกรงเล็บของสัตว์ร้ายได้เลยแม้แต่น้อย!! ซึ่งนี่ไม่ได้หมายความว่ากรงเล็บของสัตว์ร้ายนั้นแข็งแกร่งและน่าสะพรึงยิ่งกว่าสมบัติกึ่งอมตะหรอกหรือ?

แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีก็คือ แม้การโจมตีในครั้งนี้จะไม่สามารถทำให้สัตว์ร้ายบาดเจ็บได้ แต่ก็พอถ่วงเวลาให้เขาได้พักหายใจเล็กน้อย

และในเวลาอันสั้น มันก็ทำให้เขาได้เห็นรูปร่างของสัตว์ร้ายตัวนี้อย่างชัดเจน

ร่างของสัตว์ร้ายที่ยืนอยู่บนดวงดาวนั้นดูคล้ายเสือดาวที่มีขนาดมหึมาเท่าภูเขา ทว่ารอบกายกลับปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดงเข้มดั่งมังกร และกรงเล็บของมันก็เหมือนเสาสี่ต้นที่สามารถค้ำยันท้องฟ้า ตัวมันยืนตระหง่านอยู่ที่นั่นพร้อมกับปล่อยกลิ่นอายที่รุนแรงและกระหายเลือดออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว ซึ่งทุกครั้งที่มันหายใจเข้าออกก็เหมือนกับพายุที่พัดพาสู่โลกหล้าและทำให้เกิดเสียงกึกก้องราวกับเสียงฟ้าร้อง!

แต่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ มันคาบดาบที่คมกริบไว้ในปากที่เปื้อนเลือด คมดาบนั้นเป็นสีแดงเลือดและหนาแน่นจนเหมือนเลือดกำลังหยดออกมา สันดาบมีรอยหยักและเยียบเย็นอย่างน่าสยดสยอง อีกทั้งยังแผ่กลิ่นเลือดที่ทำให้หัวใจต้องสั่นสะท้าน!

“หยาจื้อ*[1]!” ทันทีที่เห็นคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน เฉินซีก็ร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ

หยาจื้อเป็นหนึ่งในสัตว์ร้ายที่มีชื่อเสียงในยุคบรรพกาล ตามตำนานกล่าวว่า มันเป็นบุตรของมังกรในยุคบรรพกาล มันกล้าหาญ ชอบการต่อสู้และกระหายเลือด ทุกคนที่กล้ารุกรานมัน จะต้องถูกตามล่าจนกว่าพวกเขาจะถูกฆ่าอย่างไม่มีการยกเว้นใด ๆ!

ดั่งสำนวนที่ว่า ‘ความแค้นของหยาจื้อต้องได้รับการชดใช้’ ก็เป็นการอธิบายถึงอุปนิสัยที่ดุร้ายของสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาลตัวนี้ และมันแสดงให้เห็นว่าความปรารถนาที่จะแก้แค้นของมันนั้นหนักหนาเพียงใด

…มันจะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะฆ่าคู่ต่อสู้ของมันได้!

“มันคือหยาจื้อสายเลือดบริสุทธิ์อย่างแน่นอน! แต่ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของมัน…”

ท่ามกลางความตกตะลึง เฉินซีกวาดตามองหยาจื้อด้วยเนตรเทวะแห่งความจริงโดยไม่ตั้งใจ และชายหนุ่มก็สังเกตเห็นโดยไม่คาดคิดว่า ความแข็งแกร่งของหยาจื้อดูจะสลายไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]