บทที่ 658 กรงแปดเซียนจำแลง
บทที่ 658 กรงแปดเซียนจำแลง
เพียงกล่าวทักท้วง เฉินซีพลันแสดงความไม่พอใจและจู่โจม และยังใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหยาจื้อของพวกเขาอีก มันทำให้เลี่ยเฟิงและคนในเผ่าโกรธจนแทบกระอักเลือด
คนพาล!
เผ่าหยาจื้อของพวกข้ามีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกหล้าว่าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่วันนี้อุตส่าห์ประนีประนอมขอเพียงแค่อีกฝ่ายส่งกระดูกต้นกำเนิดคืนมาเท่านั้น เจ้านี่กลับไม่แม้จะปฏิเสธ แต่กลับโจมตีดื้อ ๆ แบบนี้เลยหรือ!?
ไอ้บัดซบนี่! ไม่รู้หรือไรว่าเผ่าหยาจื้อขึ้นชื่อเรื่องการแก้แค้น!?
เลี่ยเฟิงและพรรคพวกรู้สึกว่าทุกอย่างพลิกกลับหัว เพราะยังมีคนบ้าระห่ำยิ่งกว่าเผ่าหยาจื้อเสียอีก มันกล้าขโมยของของพวกเขาไปและยังทำกร่าง จึงพลอยรู้สึกว่าเฉินซีล้ำเส้นเกินไปแล้ว!
แต่แม้จะโกรธเคือง พวกเลี่ยเฟิงก็ไม่ได้ประมาทแม้แต่น้อยเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของอีกฝ่าย ทุกคนใช้กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดโดยไม่รีรอทันที
เพราะพวกเขาทราบดีว่า ความแข็งแกร่งของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้น่าเกรงขามเพียงใด หลายปีก่อนหน้านั้น มันยังเคยดื่มกินเลือดของทวยเทพมาแล้ว!
ตู้ม!
แสงโลหิตที่พวยพุ่งเต็มไปด้วยจิตสังหาร ฉากกองศพและทะเลเลือดปรากฏขึ้น ทำให้สะท้านไปทั่วทั้งสวรรค์ทั้งเก้าและเปลี่ยนโลกทั้งใบเป็นสีแดง
จิตสังหารอันบ้าคลั่งนั้นชั่วร้ายและแข็งแกร่งมาก จนแม้แต่เหล่าทวยเทพก็โดนปราบมาแล้ว!
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา การโจมตีของเลี่ยเฟิงและพวกพ้องก็สลายหายไปอย่างง่ายดาย ถ้าไม่ใช่เพราะหลบทันเวลา ก็คงจะสิ้นลมตรงนั้น ทำเอาพวกเขาตกใจจนใบหน้าซีดเผือด
ช่างเป็นเต๋าแห่งกระบี่ที่น่ากลัวอะไรเยี่ยงนี้!
พวกเขาสังเกตได้ว่า การโจมตีนี้ไม่เพียงจะควบแน่นไปด้วยปราณกระบี่เท่านั้น มันยังอัดแน่นด้วยความล้ำลึกของมหาเต๋าแห่งการสังหารที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา!
การควบแน่นปราณกระบี่ให้เป็นเส้นด้ายนั้นมีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เชี่ยวชาญเต๋าแห่งกระบี่เท่านั้นที่จะสามารถทำได้ ซึ่งมันน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าแนวทางใจหลอมรวมกระบี่เสียอีก!
ในบรรดาผู้บ่มเพาะกระบี่นับหมื่น มีแค่หนึ่งคนที่จะไปถึงระดับนั้นได้
ส่วนมหาเต๋าแห่งการสังหารนั้นยิ่งหายากและน่ากลัวเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อผสานกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าหยาจื้อ มันก็เป็นการจับคู่ที่เหมาะเจาะเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
“คนผู้นี้ช่างเป็นผู้บ่มเพาะกระบี่ที่น่าเกรงขามเสียจริง ๆ!” เลี่ยเฟิงรู้สึกหวาดกลัว เขารู้ดีว่าคนของตนคงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กับเฉินซีได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังอื่น ๆ
ดังนั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ลงมือ เจ้าตัวก็หันหลังจากไปด้วยความตั้งใจที่จะรวมกลุ่มคนก่อนแล้วค่อยลงมือตามสถานการณ์
น่าเสียดายที่เขายังสายเกินไป!
เฉินซีได้เปิดฉากสังหารแล้ว ดังนั้นจะปล่อยให้คู่ต่อสู้ของลอยนวลไปได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาตระหนักได้ว่าผู้เยี่ยมยุทธ์เผ่าหยาจื้อนั้นร้ายกาจเพียงใด
…หากปล่อยไว้ในอนาคตก็คงจะเกิดปัญหาไม่รู้จบ!
ตู้ม!
แสงโลหิตสาดส่องออกมาในขณะที่เจตจำนงกระบี่หลั่งไหลดั่งกระแสน้ำ ความแข็งแกร่งของอาวุธศักดิ์สิทธิ์เผ่าหยาจื้อชิ้นนี้ช่างน่ากลัวเสียจริงและเหนือกว่าสมบัติกึ่งอมตะอยู่มาก นอกจากจิตวิญญาณที่ขาดหายไปของมัน ก็นับว่าสมบัติชิ้นนี้เทียบได้กับสมบัติอมตะเลยทีเดียว!
จังหวะที่เฉินซีใช้ความล้ำลึกแห่งมหาเต๋าแห่งการสังหาร เขาพลันกลายเป็นเหมือนดั่งทวยเทพโลหิตที่ลงมายังโลกมนุษย์ แสงอำมหิตที่ปกคลุมท้องนภายิงออกไปเป็นเส้นตรง มันไม่เพียงจะฟันเลี่ยเฟิงและพรรคพวกออกเป็นสองเท่านั้น แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่อยู่โดยรอบก็ยังได้รับผลกระทบ ทำให้คนไม่น้อยกว่าสิบคนต้องดับสูญ ฝนโลหิตโปรยปรายไหลลงสู่พื้น เกิดเป็นฉากนองเลือดที่น่าสยดสยอง!
ทุกคนพลันตกตะลึง พานให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรง ‘มันช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!’
นับตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ เฉินซีสามารถฟันฝ่าทุกอุปสรรคที่อยู่เบื้องหน้าเขาได้ และไม่เคยพบสิ่งกีดขวางใด ๆ มีรัศมีแห่งการฝ่าฟันอุปสรรคและสังหารทุกอย่างที่ขวางหน้า เป็นผู้ที่น่าเกรงขามยิ่ง!
ผู้เยี่ยมยุทธ์หลายคนที่พุ่งไปข้างหน้าจำต้องหยุดลงพลางกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ พวกเขาตัดสินใจไม่ได้ว่าจะอยู่หรือจะหนีดี เพื่อที่จะได้ไม่เป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟและพบกับจุดจบที่น่าสยดสยองเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ
เป็นเวลาสั้น ๆ ที่ผู้คนเว้นระยะห่างจากเฉินซี ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าอีกต่อไป!
“เขาสุดยอดไปเลย!” หลงเจิ้นเป่ยอดไม่ได้ที่จะเหวี่ยงกำปั้นด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง เขารู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเฉินซีไม่ต่างกับคนอื่น ทว่าส่วนใหญ่เป็นความตื่นเต้นที่ว่ากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่จู่ ๆ ก็เห็นแสงแห่งความหวังขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นอย่างสุดพรรณนา!
“จริงอย่างที่เจ้าว่า พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นทวีคูณเมื่อเทียบกับตอนที่เผชิญกับหวังจ้งฮ่วน!” ดวงตาใสกระจ่างของอันเวยจ้องมองไปยังเงาร่างที่อยู่กลางอากาศซึ่งอาบไปด้วยเลือด เป็นดั่งเทพอสูรที่ไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของนางทอประกายวาววับ หญิงสาวเป็นผู้เดียวที่เห็นการพัฒนาอันยิ่งใหญ่ของเฉินซี ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ความตกตะลึงในใจของนางมีมากกว่าคนอื่น ๆ
ตัวอย่างเช่น ตอนที่เฉินซีได้แสดงตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ เมื่อเข้าร่วมนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ผู้คนจึงไม่ได้มองเขาในแง่ดีนัก แต่ชายหนุ่มก็มักสร้างปาฏิหาริย์ที่น่าตกตะลึงอยู่เสมอ
ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ขวางทางเขาได้ ทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงบันไดให้เฉินซีเหยียบขึ้นไปได้สูงขึ้นเท่านั้น!
“เริ่มเคลื่อนไหวกันเถอะ เฉินซีต่อสู้เพื่อพวกเราแล้ว ดังนั้นเราจะอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร?” สายตาของหลงเจิ้นเป่ยเป็นเหมือนสายฟ้าฟาด เจตจำนงการต่อสู้ลุกโชนอยู่ภายในจิตใจของเขา
เขาไม่ใช่คนอ่อนแอหรือน่าสมเพชที่ต้องจำใจรอความตาย แต่เขาสามารถเพิ่มพลังต่อสู้ถึงห้าเท่าได้ ในขณะที่การเพิ่มหกเท่าสำหรับเขานั้นก็อยู่ไกลเกินเอื้อม และในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี่ คนที่น่ากังวลสำหรับเขามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...