บทที่ 659 เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บทที่ 659 เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ที่ด้านข้างของภูเขายักษ์ลูกนั้นเต็มไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์จากกองกำลังต่าง ๆ นับพันคน แม้ว่าเฉินซีจะพุ่งเข้าใส่และสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็เข่นฆ่าศัตรูไปได้หลายร้อยคนเท่านั้น ถึงอย่างไร ผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านี้ล้วนมีระดับการบ่มเพาะที่ขอบเขตสถิตกายา และมีความแข็งแกร่งที่คนธรรมดาไม่สามารถเปรียบเทียบได้!
ซึ่งหากข่าวของเฉินซีที่สามารถบรรลุความสำเร็จดังกล่าวได้แพร่กระจายออกไป ก็เพียงพอที่จะทำให้ใต้หล้าตกตะลึงเป็นแน่!
การสังหารผู้บ่มเพาะในขอบเขตเดียวกันไปมากกว่าร้อยคนท่ามกลางวงล้อมของศัตรูนับพัน การกระทำที่อหังการเช่นนี้ ทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬมีเพียงน้อยคนนักที่ทำได้!
ครืนนน!
การต่อสู้ดำเนินต่อไป สีแดงฉานของเลือดชโลมไปทั่วท้องฟ้า ในขณะที่ลำแสงสาดส่องไปทั่วเหมือนคลื่นยักษ์ เสียงการต่อสู้และเสียงปะทะที่น่าสยดสยองก็เสมือนกับเสียงของแผ่นดินถล่มหรือภูเขาไฟปะทุที่น่าสะพรึงกลัว
เฉินซีอาละวาดไปทั่ว ในขณะที่กระบี่เปื้อนเลือดพุ่งออกมาราวกับสายฟ้าฟาด การโจมตีแต่ละครั้งดูจะสามารถเคลื่อนย้ายทวยเทพได้ มันพรากชีวิตคนแล้วคนเล่า และมันก็ดุร้าย ทรงพลัง รวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ อีกทั้งยังน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
เลือดมากมายได้ย้อมเสื้อผ้าและผมของเขาจนเป็นสีแดงเข้ม ทำให้ชายหนุ่มเป็นเหมือนเทพอสูรที่เหยียบย่ำโลกด้วยกลิ่นอายอันอหังการ และทุกที่ที่กระบี่ของเขาพุ่งไป อุปสรรคที่ขวางหน้าทั้งหมดจะถูกทำลายสิ้น!
สมบัติวิเศษชิ้นแล้วชิ้นเล่าต่างถูกเขาฟันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ศาสตร์เต๋าต่าง ๆ ล้วนถูกเขาสยบจนสิ้นฤทธิ์ และศัตรูคนแล้วคนเล่าก็ถูกฆ่าตายอยู่ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน ก่อนกลายเป็นชิ้นส่วนขาดวิ่นที่ตกลงมาจากท้องนภาและย้อมฟ้าดินให้กลายเป็นสีแดงฉาน
สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ดูราวกับโลกกำลังกลายเป็นนรกบนดิน!
ทว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ เมื่อเวลาผ่านไป กลิ่นอายของเฉินซีกลับไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งการต่อสู้ดำเนินต่อไป เขากลับยิ่งห้าวหาญและมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับชายหนุ่มเป็นเทพสงครามที่ไม่มีวันหมดแรง และทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!? ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงตอนนี้ มันไม่แสดงอาการเหนื่อยล้าออกมาเลยแม้แต่น้อย สัตว์ประหลาดเช่นนี้จะมีอยู่ในโลกได้อย่างไรกัน?”
ดวงตาของเฟิงเจี้ยนไป๋เบิกโพลง หลังจากความพึงพอใจก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ปากของเขาก็สั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตัวเขาก็นึกไม่ออกว่าจะจัดการกับอีกฝ่ายอย่างไรดี!
ในฐานะผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา เขาเองก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า เมื่อใช้พลังต่อสู้แบบทวีคูณ ปราณแท้จะถูกใช้ไปอย่างมากมายมหาศาล ซึ่งไม่ว่าแดนฮุ่นตุ้นจะแข็งแกร่งและกว้างใหญ่เพียงใด ท้ายที่สุดมันก็จะเหือดแห้งลงอย่างแน่นอน
เว้นแต่ว่าจะกินโอสถวิญญาณเพื่อเติมเต็มปราณแท้ แต่เขาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีไม่มีโอกาสได้กินโอสถวิญญาณเลยสักครั้ง แล้วอีกฝ่ายจะยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?
“เขา… เติบโตถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้แล้วหรือ?”
เฟิงเจี้ยนไป๋พึมพำ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนเศษขยะเมื่อเทียบกับเฉินซี และไม่สามารถไล่ตามฝีเท้าของอีกฝ่ายได้อีกต่อไป
ในช่วงเวลาต่อมา ชายหนุ่มก็ได้สติจากความคิดที่ยุ่งเหยิง เพราะเขาเห็นเฉินซีพุ่งเข้ามาหาโดยไม่คาดคิด สายตาที่เยือกเย็นและไร้ความรู้สึกคู่นั้นทำให้เขาหวาดกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง แล้วเฟิงเจี้ยนไป๋จะกล้าจมอยู่ในห้วงความคิดต่อไปได้อย่างไร?
เขาหนีหัวซุกหัวซุนและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฝูงชน กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าจะตกเป็นเป้าหมายของเฉินซี และเมื่อเผชิญหน้ากับเทพแห่งการสังหารที่โหดร้ายเช่นนี้ เฟิงเจี้ยนไป๋ก็ไม่เหลือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย!
“ทุกคน พวกเจ้าต้องยืนหยัด…” ชายหนุ่มร้องเสียงดังอีกครั้ง ทว่าก่อนที่จะกล่าวจบ เฟิงเจี้ยนไป๋ก็พบว่าเฉินซีได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาแล้ว!
เพียะ!
สีหน้าของเฉินซียังคงเย็นชา ในขณะที่มือของเขาก็รวบรวมพลังจนกลายเป็นฝ่ามือที่ไร้รูปลักษณ์ ซึ่งเต็มไปด้วยอักขระยันต์จนดูเหมือนกับเป็นวัตถุ มันเปล่งแสงเจิดจ้าเมื่อฟาดเฟิงเจี้ยนไป๋จนลอยละลิ่ว
ด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียว ชายหนุ่มโจมตีอีกฝ่ายจนเลือดทะลักออกมาจากปากและจมูก ในขณะที่กระดูกทั่วทั้งร่างกายก็แตกหักนับไม่ถ้วน ตัวคนกระตุกอย่างต่อเนื่องและส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนกับสุนัขที่ใกล้ตาย
ถึงอย่างไร เขาก็เพิ่งมาถึงแดนภวังค์ทมิฬเมื่อครึ่งปีก่อนเช่นเดียวกับเฉินซี และได้เข้าร่วมนิกายฟ้ากำเนิด ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบนิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังเพิ่งบรรลุขอบเขตสถิตกายาได้ไม่นาน จึงยังด้อยกว่าเหลิ่งชิว ตู้เซวียน และคนอื่น ๆ ดังนั้นเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฉินซีได้อย่างไร?
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?”
เฟิงเจี้ยนไป๋ถูกตบจนเห็นดวงดาวเริงระบำอยู่ตรงหน้า และเขายังคงไม่อยากเชื่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทว่าเมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวเขาก็พลันคล้ายถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง!
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใดที่เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากกองกำลังต่าง ๆ ได้หลบหนีไปยังทุกทิศทุกทาง และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาก็ถูกบดขยี้โดยกลิ่นอายที่อหังการของเฉินซีอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่มีใครที่กล้าก้าวไปข้างหน้าและโจมตีใส่ชายหนุ่มอีก
แม้จะไม่ได้หนี แต่คนทั้งหมดก็หลบไปด้านข้างและไม่กล้าพุ่งไปข้างหน้าเหมือนครั้งก่อน เพราะพลังต่อสู้ที่เฉินซีเผยออกมานั้นน่าสะพรึงเกินไป ดังนั้นพวกเขาจะกล้าเสี่ยงชีวิตต่อไปได้อย่างไร?
“ไอ้สารเลวพวกนี้! ช่างเป็นกลุ่มขยะที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ!”
เฟิงเจี้ยนไป๋โกรธแค้นจนดวงตาแทบถลนออกมา และเขาก็สิ้นหวังโดยสิ้นเชิง น่าเสียดายที่เจ้าตัวลืมไปว่า เขาไม่ใช่ผู้บัญชาการที่สามารถสั่งการกองทัพ หากแต่เป็นคนน่ารังเกียจที่คอยยุยงจากเงามืด!
ไม่ต้องกล่าวถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหมดที่มาจากกองกำลังต่าง ๆ ของแดนภวังค์ทมิฬ พวกเขาทุกคนล้วนหยิ่งผยอง ดื้อรั้นและมีความคิดเป็นของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจะฟังคำสั่งของเฟิงเจี้ยนไป๋ได้อย่างไร?
อีกทั้งการกล่าวโทษคนอื่นในเวลานี้ ก็เป็นเรื่องที่น่าขบขันยิ่ง
“เฉินซี เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! ตอนนี้ข้าเป็นศิษย์ชั้นยอดของนิกายฟ้ากำเนิด หรือว่าเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับนิกายฟ้ากำเนิด? เจ้าต้องการให้นิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเจ้าทำสงครามกับนิกายฟ้ากำเนิดของข้าหรือไม่?
เมื่อเห็นเฉินซีก้าวเข้ามาอีกครั้ง เฟิงเจี้ยนไป๋ก็หวาดกลัวจนร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว และเขาก็ร้องโหยหวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ยิ่งไปกว่านั้น นักพรตเต๋าสุริยันชาดซึ่งเป็นศิษย์พี่ของข้า ก็อยู่ในเหวเงาทมิฬเช่นกัน หากเจ้าฆ่าข้า เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแน่!”
“ทำสงคราม? เจ้าไม่คิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไปหน่อยหรือ? ข้ากล้าฆ่าคนของเผ่าหยาจื้อ แล้วสวะเช่นเจ้าจะเทียบได้อย่างไร?” ชายหนุ่มย่างสามขุมเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะเงื้อมือขึ้นเพื่อตบเฟิงเจี้ยนไป๋อีกครั้ง มันกระแทกเข้าที่ใบหน้าจนฟันของเขาร่วงหลุดออกมา ในขณะที่เลือดก็ทะลักออกมาจากจุดชีพจรบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าของเขาแหลกเหลวและน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! ไม่มีใครในแดนภวังค์ทมิฬจะยอมปล่อยให้ปีศาจเช่นเจ้าอยู่ต่อไปแน่!” เฟิงเจี้ยนไป๋ร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช และรู้สึกหวาดกลัวจนร่างกายเริ่มสั่นระริก
“ช่างน่าขันเสียจริง! มีเพียงเจ้าที่สามารถฆ่าคนอื่น แต่คนอื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะฆ่าเจ้าอย่างนั้นหรือ?” เฉินซีส่ายศีรษะพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก และเขาไม่อยากเสียเวลากล่าวเรื่องไร้สาระอีกต่อไป ดังนั้นชายหนุ่มจึงเงื้อกระบี่เปื้อนเลือดในมือขึ้นและฟันลงไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...