บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 666

บทที่ 666 มดกลืนกินเทพบรรพกาล

บทที่ 666 มดกลืนกินเทพบรรพกาล

หลุมดำลอยอยู่กลางอากาศที่ปลายมหาสมุทรแห่งน้ำพุยมโลก มันลึกจนยากจะหยั่งถึง มืดมิดเสียจนแม้แต่แสงก็ยังถูกกลืนกิน และส่องประกายสลัวอย่างน่าสะพรึงกลัว ซึ่งดูเหมือนกับประตูที่นำไปสู่ดินแดนลึกลับ

จากการคาดเดาของเฉินซี หลุมดำนี่น่าจะเป็นประตูที่นำไปสู่ดินแดนรังสรรค์กระบี่!

แต่เขากลับไม่เคลื่อนไหว เพียงมองไปยังท้องฟ้าทางด้านข้าง ราวกับว่าสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

บริเวณโดยรอบนั้นเงียบสนิท แต่เพราะมันเงียบเกินไปจึงดูผิดปกติเป็นอย่างมาก และเมื่อเฉินซีกวาดสายตาออกไปโดยรอบ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าเหตุใดมันถึงผิดปกติ!

เพราะในระยะสองร้อยห้าสิบลี้รอบหลุมดำ มีกลุ่มคนกำลังซุ่มอยู่!

ร่างเหล่านั้นรวมตัวกันเป็นกลุ่มละสามถึงห้าคน พวกเขาดูจะมาจากกองกำลังต่าง ๆ และกระจายกำลังไปตามตำแหน่ง ซึ่งไม่ทราบว่าพวกเขาใช้เคล็ดวิชาอะไรถึงทำให้ซ่อนตัวอยู่ในมิติและปกปิดตัวตนได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้

คนเหล่านี้เป็นเหมือนอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ซ่อนเร้นจากสายตาของผู้คน ทำให้สังเกตเห็นพวกมันได้ยาก จนแม้แต่จิตสัมผัสเทพก็ไม่อาจตรวจพบพวกมันได้

หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มครอบครองเนตรเทวะแห่งความจริง ซึ่งสามารถมองเห็นความเป็นจริงและสามารถมองทะลุทุกสรรพสิ่ง เขาก็อาจตกหลุมพรางของคนเหล่านี้

ดังนั้นคนเหล่านี้จึงถูกเนตรเทวะแห่งความจริงเผยตัวออกมา และชายหนุ่มก็พบว่า ผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มนั้นมีถึงเจ็ดสิบแปดคน และเป็นคนของกองกำลังทั้งสิบสามแห่ง ซึ่งซ่อนตัวอยู่บริเวณโดยรอบ

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสัมผัสได้ว่า เมื่อสายตาของคนเหล่านี้จ้องมองมาที่ตน พวกมันต่างแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและความโหดเหี้ยม คนทั้งหมดดูเหมือนกับฝูงสัตว์ป่าที่กำลังจดจ้องไปยังลูกแกะที่หลงเข้าไปในหลุมพราง

คนเหล่านี้ดูเหมือนกับกลุ่มโจร เพราะการซุ่มอยู่ในบริเวณทางเข้าของดินแดนรังสรรค์กระบี่ เป็นสถานที่ที่เหมาะต่อการปล้นชิงและลอบจู่โจมที่สุด และหากมีคนทั่วไปหลงเข้ามายังที่แห่งนี้ ก็คงหน้ามืดตามัวจากการที่ค้นพบดินแดนรังสรรค์กระบี่ ดังนั้นจะสังเกตเห็นจิตสังหารที่ซุกซ่อนอยู่ได้อย่างไร?

รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินซี และเขาพอจะคาดเดาวัตถุประสงค์ของกลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่แถวนี้ได้บ้างแล้ว

ฟุ่บ!

ทันใดนั้น ประกายกระบี่ที่เยือกเย็นและรวดเร็วแทงพรวดออกมาจากทางด้านหลังของชายหนุ่ม และมันปรากฏขึ้นมาอย่างไร้ร่องรอย การโจมตีในครั้งนี้ถือได้ว่าเหี้ยมโหดและอำมหิต เพราะมันมุ่งเป้าที่ไปหัวใจโดยตรง!

ในขณะเดียวกัน มีร่างอีกสองสามร่างโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่าพร้อมกัน และโจมตีใส่เฉินซีจากทิศทางที่แตกต่างกัน การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วอย่างน่าทึ่ง อีกทั้งการโจมตีนั้นก็รวดเร็วและรุนแรงเหมือนสายฟ้าฟาด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตั้งใจจะฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ในชั่วพริบตา บริเวณโดยรอบก็ถูกปกคลุมไปด้วยเจตนาฆ่าที่เย็นยะเยือกและน่าสยดสยอง ซึ่งดูราวกับแหฟ้าตาข่ายดินที่ปิดล้อมเส้นทางหลบหนีของเฉินซีไว้อย่างสมบูรณ์

…หากเป็นคนอื่นที่เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ ก็คงจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และได้แต่นั่งรอความตายมาถึงอย่างช่วยไม่ได้ ในที่สุดคนผู้นั้นก็จะถูกทรมานจนตายและถูกแย่งชิงสมบัติไปจนหมดสิ้น

ผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีทางที่ผู้อ่อนแอจะมาถึงที่นี่ได้ ทว่าโชคไม่ดีที่พวกเขาเลือกเหยื่อผิดคน และมุ่งเป้ามาที่เฉินซี ดังนั้นพวกเขาจึงสมควรตาย!

เพราะแม้แต่เยี่ยนสือซาน อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินซี แล้วจะนับประสาอะไรกับพวกเขา?

“ไสหัวไปซะ!” ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ขยับ แต่กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งออกจากร่างกายอย่างดุดัน

เสียงตะคอกของเฉินซีนั้นฟังดูเหมือนเสียงฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งได้แฝงอานุภาพของเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหารเอาไว้ในคำพูด ทำให้มันมีอานุภาพที่ไม่ธรรมดา

ครืน!

มันเหมือนกับพายุที่ส่งเสียงกึกก้องซึ่งแผ่ขยายตัวออกไป โดยมีเฉินซีเป็นจุดศูนย์กลาง บดขยี้และทำลายการโจมตีที่มาจากทุกทิศทุกทาง ซึ่งผู้โจมตีเข้ามานั้นราวกับถูกฟ้าผ่าใส่ ร่างกายของพวกเขาจึงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง กระดูกและเส้นชีพจรระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เลือดทะลักออกมาจากปากและจมูก จากนั้นจึงร่วงหล่นสู่มหาสมุทรแห่งน้ำพุยมโลก

อ๊าก!!!

น้ำจากน้ำพุยมโลกนั้นรุนแรงมาก ไม่ว่าจะมีการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งสักเพียงใดก็ตาม เพียงแค่น้ำหยดเดียวก็สามารถกลืนกินสติ เลือดเนื้อ และละลายกระดูกได้ในพริบตา ทำให้คนกลายเป็นวิญญาณที่ขาดสติสัมปชัญญะไป

เมื่อคนเหล่านี้ตกลงสู่มหาสมุทรแห่งน้ำพุยมโลก พวกเขาต่างร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวชออกมาทันที และหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ถูกน้ำจากน้ำพุยมโลกกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก ปรากฏเป็นฉากที่สยองขวัญเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น คนอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ในมิติต่างก็อ้าปากค้าง อีกทั้งยังรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง และพวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่า ชายหนุ่มที่มายังที่แห่งนี้เพียงลำพัง เป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจล่วงเกินได้เป็นอันขาด เพราะพลังของเขาน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!

ฟุ่บ!

หลังจากฆ่าคนโง่เขลาเหล่านี้แล้ว เฉินซีก็ดูเหมือนกับกำลังทำกิจวัตรทั่วไป เขาเพียงปัดฝุ่นที่เกาะตามเสื้อผ้า ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็กางปีกกำราบผกผันออกและพุ่งเข้าหาหลุมดำที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างไม่ลังเล

แล้วเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยภายในชั่วพริบตา

ในทางกลับกัน กลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในมิติต่างมองหน้ากันและกันด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะสายตาเย็นชาของเฉินซีที่จ้องมองพวกเขาก่อนจากไป มันทำให้คนทั้งหมดหวาดกลัวจนตัวสั่นมาจนถึงตอนนี้

“สายตานั้นมันคืออะไรกัน?”

“มันเย็นเยียบราวกับคมมีด แทงทะลุไปถึงหัวใจ และดูเหมือนกับดวงตาของเทพเจ้าที่จ้องมองมายังมด ท่วมท้นไปด้วยพลังอำนาจที่ไม่อาจยั่วยุได้!”

“คนผู้นี้คือใครกัน? เหตุใดถึงมีคนแข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ในโลก?”

ต่อให้เค้นสมองจนตาย พวกเขาก็ไม่อาจหาคำตอบได้ และเป็นเพราะพวกเขาไร้ความสามารถ ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่โชคดีที่เฉินซีได้จากไปแล้ว คนทั้งหมดจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

ราวกับดวงดาวกำลังเคลื่อนคล้อย ทันทีที่เฉินซีเข้าไปในหลุมดำ ร่างกายของเขาก็ถูกพลังมหาศาลพัดพาไปอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งทิวทัศน์ก็วูบวาบไปมา ราวกับเขากำลังเดินทางผ่านมิติและกาลเวลา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]