บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 689

บทที่ 689 บทเรียน

บทที่ 689 บทเรียน

เฉินซีกลับไปที่กระโจมของเขา และนั่งขัดสมาธิบนที่นอน พลางหวนนึกถึงบทสนทนาระหว่างเขากับท่านนักบวช ก่อนที่ใบหน้าจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นจริงจัง และจมสู่ห้วงความคิด

ตามที่นักบวชชรากล่าวไว้ สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่านรกขุมที่เก้า และมันถูกแยกออกจากโลก …มันเป็นสถานที่รกร้างที่ถูกทอดทิ้งโดยเต๋าแห่งสวรรค์ และถูกลืมเลือนไปจากสิ่งมีชีวิตมากมายในภพทั้งสาม

แต่ในยุคบรรพกาล มันเป็นสถานที่ซึ่งมีเต๋าอยู่มากมายจนน่าประหลาดใจ และมีเทพเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ ทำให้มันกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนเคารพบูชา!

และเทพองค์นั้นก็คือบรรพบุรุษของเผ่าขุมนรกที่เก้า

ต่อมา ความโกลาหลครั้งใหญ่ก็ปะทุขึ้นในภพทั้งสาม เมื่อสิบจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จากต่างพิภพ ได้กรีฑาทัพผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ เพื่อรุกรานภพทั้งสามและเปิดฉากทำสงคราม ทำให้โลหิตไหลนองย้อมท้องฟ้าจนเป็นสีแดง นักปราชญ์และเทพเจ้ามากมายต่างล้มตาย ในที่สุด เหล่าทวยเทพได้ขับไล่กองทัพต่างพิภพออกจากภพทั้งสามได้ และจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพเหล่านั้นก็ถูกปราบปรามอย่างสมบูรณ์

ตั้งแต่นั้นมา ทั้งสามภพก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่หลังจากประสบหายนะครั้งใหญ่นี้ นรกขุมที่เก้าที่เทพเจ้าอาศัยอยู่ได้แปรเปลี่ยนเป็นดินแดนรกร้างว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ทุกสิ่งทุกอย่างในนั้นถูกทำลายล้างจนหมด และไม่อาจฟื้นฟูได้

เมื่อวันเวลาผ่านไป นรกขุมที่เก้าก็ถูกเต๋าแห่งสวรรค์ทอดทิ้งและถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของสิ่งมีชีวิตในทั้งสามภพ และมันก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกใด ๆ ได้อีก!

ในทางกลับกัน เผ่านรกขุมที่เก้าได้กลายเป็นชนกลุ่มเดียวที่อาศัยอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะจากไป แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากสถานที่แห่งความตายนี้ตั้งแต่พวกเขาเกิด

เหตุผลนั้นง่ายมาก แม้พวกเขาจะออกค้นหามานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับไม่อาจค้นพบเส้นทางที่นำไปสู่โลกภายนอกได้ และสถานการณ์เช่นนี้ก็ดำเนินต่อไปอีกนับไม่ถ้วน

จนกระทั่งต่อมา พวกเขาแทบจะลืมการมีอยู่ของ ‘โลกภายนอก’ ไปเสียแล้ว

แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ เหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างน่ายินดีเช่นนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน หลังจากที่ดินแดนบรรพบุรุษของเผ่านรกขุมที่เก้าพังทลายลง และกำแพงถูกเปิดออก…

หลังจากนั้นกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาด ได้พากันหลั่งไหลเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาเป็นเหมือนปีศาจที่ก่อให้เกิดฝนเลือด

มีเพียงนักบวชชรา เหมิงเหวย โม่ย่า และคนอื่น ๆ ในเผ่านรกขุมที่เก้าที่รอดชีวิต

…จากเผ่าที่แต่เดิมเคยมีผู้คนนับล้าน มาตอนนี้พวกเขากลับเหลือรอดชีวิตเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น

ภายใต้การนำของนักบวชชรา เหมิงเหวย และโม่ย่า พวกเขาได้นำกลุ่มองค์รักษ์กว่าพันคนเข้าปกป้องเด็กและผู้เยาว์เหล่านี้ จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มต้นการเดินทางไกลที่ยากลำบากและอันตรายขึ้น

พวกเขาถูกไล่ล่า ถูกปิดล้อม และประสบกับการนองเลือดนับครั้งไม่ถ้วนตลอดทาง จนถึงตอนนี้ จากองค์รักษ์กว่าพันคนในตอนแรก มาเหลือเพียงเก้าคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่!

ยิ่งกว่านั้น นักบวชชรายังได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน และเขาก็ใกล้จะตายแล้ว

แต่โชคดีที่เมื่อวันเวลาผ่านไป ศัตรูที่ไล่ล่าพวกเขามาตลอดทางก็ค่อย ๆ ลดน้อยลง ในอดีตพวกเขาจะถูกศัตรูไล่ล่าแทบทุกวัน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่เห็นร่องรอยของศัตรูมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว

สิ่งนี้ทำให้นักบวชชรารู้สึกผ่อนคลาย แต่การเดินทางของพวกเขายังคงยากลำบากอยู่ดี เนื่องจากขาดแคลนอาหารและยา พวกเขาจึงได้แต่เดินทางทั้งที่ท้องหิวโหยไปตลอดทาง และไม่กล้าทิ้งอาหารแม้แต่ชิ้นเดียว

ทว่าเมื่อเทียบกับการขาดแคลนอาหารและยาแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักบวชชรากังวลมากขึ้น นั่นคือวิธีออกจากนรกขุมที่เก้า เพื่อหาสถานที่สำหรับพวกเขาที่จะตั้งรกรากและอยู่รอดได้อย่างปลอดภัย

ใช่แล้ว ต้องรอด!

ชนเผ่ากว่าหนึ่งล้านคนของเผ่านรกขุมที่เก้า ได้ใช้เลือดเนื้อและชีวิตของพวกเขา เพื่อให้มีความหวังในการหลบหนีจากภัยพิบัติ ทว่าตอนนี้กลับเหลือเพียงนักบวชชราและผู้คนอีกร้อยกว่าคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ หากพวกเขาไม่สามารถอยู่รอดและเพิ่มจำนวนได้ เผ่านรกขุมที่เก้าของพวกเขาจะต้องถูกกำจัดหายไปจากโลกอย่างแน่นอน ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเต็มใจจะแบกรับมัน

ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาได้รับผลกระทบจากปัญหาทั้งภายในและภายนอก แต่จู่ ๆ เฉินซีก็ปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าชายหนุ่มจะบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตาย แต่ก็ทำให้นักบวชชรามองเห็นร่องรอยแห่งความหวังได้อีกครั้ง!

เพราะเขาสังเกตเห็นว่า เฉินซีไม่ใช่คนจากนรกขุมที่เก้าและไม่ใช่ศัตรูอย่างแน่นอน เพราะอีกฝ่ายมาจากโลกภายนอก!

ยิ่งกว่านั้น จุดหมายสุดท้ายในระหว่างการเดินทางอันยาวนานของพวกเขาก็คือ… การมุ่งหน้าสู่โลกภายนอก!

นักบวชชราถึงกับมั่นใจว่า มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่สามารถนำพาพวกเขาออกจากนรกขุมที่เก้าได้

ภายใต้สถานการณ์นี้ และเพื่อตอบแทนพระคุณที่นักบวชชราได้ช่วยชีวิตไว้ เฉินซีก็ได้แต่ต้องตกลงตามคำร้องขอของนักบวชชรา ในที่สุด เขาก็ถือสิทธิ์ควบคุมเผ่านรกขุมที่เก้าและรับตำแหน่งผู้นำชั่วคราว

“เผ่าพันธุ์ต่างพิภพได้เปิดกำแพงมิติเพื่อบุกนรกขุมที่เก้า และพวกมันได้สังเวยชีวิตของชาวเผ่านรกขุมที่เก้าไปนับล้านคน เป้าหมายของพวกมันคือสิ่งใดกัน?”

เฉินซีขมวดคิ้ว จากนั้นจู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อตอนที่อยู่ในด่านแห่งความลึกล้ำ หน้าแท่นบูชา ชายผมขาวเคยบอกว่า มีสถานที่ลึกลับอีกเก้าแห่งในภพทั้งสาม นอกเหนือจากเหวเงาทมิฬที่สหายสองสามคนของเขาติดอยู่ อย่างไรก็ตาม พวกเขากำลังจะหลบหนีในไม่ช้า

‘นรกขุมที่เก้านี้ถูกรุกรานโดยผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ มันคงไม่ใช่หนึ่งในเก้าสถานที่ลึกลับที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพติดอยู่ใช่หรือไม่?’ หัวใจของเฉินซีรู้สึกหนักอึ้งเมื่อเขาคิดเช่นนี้

เพราะชายหนุ่มได้สัมผัสกับความน่าเกรงขามของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพมาแล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะอ่อนแอ แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพก็เกือบจะสามารถสยบหม้อใบจิ๋วได้ และความน่ากลัวดังกล่าวก็มากพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของทุกผู้รู้สึกเย็นยะเยือกยามหวนนึกถึง

“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทำสิ่งต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง และฟื้นพลังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ พลางละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดที่อยู่ในหัว จากนั้นจึงเริ่มตรวจสอบร่างกาย

ภายใต้การหล่อเลี้ยงของปราณที่ปล่อยออกมาจากต้นอ่อนเงาทมิฬซึ่งอยู่ภายในร่างกายของเฉินซี เส้นชีพจรที่เสียหายได้รับการซ่อมแซมและรักษาเรียบร้อยแล้ว แต่น่าเสียดายที่รากฐานแห่งเต๋าซึ่งอยู่ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา กลับไม่แสดงสัญญาณว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

หากไม่มีรากฐานแห่งเต๋า ก็หมายความว่าเขาจะไม่สามารถบ่มเพาะได้อย่างเต็มที่ และไม่ต้องกล่าวถึงการสร้างแดนฮุ่นตุ้นขึ้นมาใหม่เลย…

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อาการบาดเจ็บทางร่างกายกลับหายเร็วกว่ามาก ในตอนนี้ ชายหนุ่มค่อย ๆ ฟื้นพลังชีวิตและความแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว เขาเชื่อมั่นว่า อีกไม่นาน เขาคงจะสามารถบ่มเพาะวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพ และควบแน่นปราณจ้าววิญญาณได้อีกครั้ง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]