บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 690

บทที่ 690 ลูกท้อโลหิต

บทที่ 690 ลูกท้อโลหิต

จ๊อก!

ค่ายพักแรมถูกล้อมรอบด้วยรั้วกระดูกสัตว์อสูรที่เรียงรายแถวแล้วแถวเล่า และมีร่างเล็กผอมมากมายนอนคว่ำอยู่บนพื้นรั้ว หลังจากได้กลิ่นหอมสดชื่นอันเย้ายวนที่อบอวลอยู่ในอากาศแล้ว เด็กเหล่านี้ที่มีอายุเพียงสิบเอ็ดหรือสิบสองปีก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเช่นกัน

ภายในนรกขุมที่เก้าที่รกร้างนี้ที่แม้แต่หญ้าสักต้นเดียวก็ไม่งอกขึ้น แล้วพวกเขาจะเคยเห็นผลไม้วิญญาณเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไม่ต้องกล่าวถึงผลไม้วิญญาณ แม้แต่ธัญพืชวิญญาณหรือผักวิญญาณก็เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งอาหารที่พวกเขากินตั้งแต่ยังเด็กก็คือน้ำนมสัตว์ เนื้อและซุป ซึ่งแทบไม่มีความหลากหลาย

แต่ผลไม้วิญญาณในมือของเฉินซี ไม่เพียงมีสีแดงสดและเต็มไปด้วยปราณวิญญาณที่เปล่งประกาย พวกมันยังส่งกลิ่นหอมหวานเย้ายวนอีกด้วย แม้ว่าจะไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร แต่ทุกคนล้วนเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า มันจะต้องอร่อยอย่างแน่นอน!

“เจ้าหน้าบาก คนนอกผู้นั้นถือสิ่งใดอยู่ในมือหรือ?” เด็กชายที่ดูมืดมนและซื่อตรงเอ่ยปากถาม ดูเขาจะอายุสิบเอ็ดหรือสิบสองปี แต่ร่างกายกลับแข็งแกร่งยิ่ง กล้ามเนื้อเป็นมัดของคนคนนี้เหมือนท่อนเหล็กและท่วมท้นด้วยพละกำลัง

“โอ้ ใครจะรู้? น่าเสียดาย ข้าเองก็อยากลองชิมบ้าง” เด็กชายที่พูดมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก ทว่ามีแผลเป็นรูปสายฟ้าที่แก้มซ้ายของเขา และสิ่งนี้ไม่เพียงจะไม่ทำให้รูปร่างหน้าตาของเขาด่างพร้อยเท่านั้น แต่มันยังขับให้เด็กชายมีเสน่ห์แบบชายชาตรีอีกด้วย

“เหตุใดเราถึงไม่ไปแย่งมันมาแจกจ่ายกันเองเล่า? รูปร่างของคนนอกผู้นั้นอ่อนแอและขี้โรค เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราอย่างแน่นอน” เด็กชายหัวโล้นอีกคนแนะนำด้วยเสียงแผ่วเบา

“แย่งมาหรือ?”

เด็กคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง จากนั้นดวงตาของพวกเขาก็เผยให้เห็นความปรารถนาอันแรงกล้า

“ใช่แล้ว คนนอกนั่นอ่อนแอมาก เราสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว จากนั้นเราค่อยแย่งชิงของในมือเขา มาแบ่งปันและกินกันเองได้ทั้งหมด…”

“เจ้าดำ เจ้าหน้าบาก เจ้าโล้น หุบปากซะ!” มีคนตำหนิด้วยน้ำเสียงเย็นชา เจ้าของเสียงนี้คือเด็กชายที่มีรูปลักษณ์ธรรมดา แต่ดูแข็งแกร่งราวกับหิน มีบุคลิกสุขุม อีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่และสงบเสงี่ยม ซึ่งผิดกับอายุของเขาลิบลับ

เด็กชายคนนี้กวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “หรือพวกเจ้าทุกคนจะลืมแผนการของเราไปแล้ว? ไม่ว่าคนนอกจะว่าอย่างไร เราจะต่อต้านเขาทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วค่อยมาดูกันว่าเขาจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าเผ่าได้อย่างไร!”

เด็กคนอื่น ๆ พยักหน้าเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แววตาที่ไม่ยอมแพ้และเป็นปฏิปักษ์ต่างปรากฏขึ้นในดวงตาที่จ้องมองไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงใจกลางค่าย

“อำนาจในฐานะหัวหน้าเผ่าของท่านลุงเหมิงเหวยถูกพรากไปเพราะคนนอกคนนี้…”

แม้พวกเขาจะไม่กล้าต่อต้านอำนาจของท่านนักบวช แต่ก็ตั้งใจที่จะต่อต้านเฉินซีอย่างลับ ๆ และบีบให้อีกฝ่ายไม่สามารถทำอะไรได้จนยอมแพ้ไปในท้ายที่สุด!

“เจ้าเด็กพวกนั้นเอาแต่ใจเกินไปแล้ว ข้าจะไปจัดการพวกมันเอง!” ห่างออกไป เหมิงเหวยจ้องมองไปยังร่างผอมและตัวเล็กจำนวนมากที่ซุ่มตัวแอบดูอยู่ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่น

“ไม่ต้อง!” โม่ย่าร้องโพล่งหยุดเขา “พวกนั้นไม่เต็มใจที่จะฝึก และไม่คิดจะยอมรับเฉินซี เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ต้องการเถิด แล้วเราเพียงมองข้ามมันไป มาดูกันว่าเฉินซีจะจัดการอย่างไร เพราะถ้าเขาไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้แม้แต่นิดเดียว สิ่งนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นแค่ขยะ!”

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและดูถูกเหยียดหยาม

ทางด้านเหมิงเหวย เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด “เอาล่ะ ถ้าท่านนักบวชต้องการลงโทษใครสักคน ข้าจะรับผิดชอบเอง”

โม่ย่าได้ยินพลันตกตะลึง ความรู้สึกซับซ้อนพลันฉายวาบในดวงตาที่เต็มไปดวงดาราของนาง จากนั้นนางก็กล่าวเย้ยหยันออกมา “ไม่ต้องกังวล ถ้าเขาไม่สามารถจัดการกับเรื่องเล็กน้อยนี้ได้ แล้วเขาจะอธิบายตัวเองกับท่านนักบวชได้อย่างไร? แล้วหลังจากที่เรียนรู้ถึงความยากลำบาก ข้าหวังว่าเขาจะรู้สึกละอายใจและถอนตัวออกมาแต่โดยดี เพราะหากเป็นเช่นนี้ ข้าจะดูแคลนเขาเพียงแค่เล็กน้อย แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น…”

“ถ้าไม่เช่นนั้น เจ้าจะสั่งให้พวกมันต่อต้านเฉินซีต่อไป?” เหมิงเหวยขมวดคิ้วและสะบัดมือ “เช่นนั้นพวกเรามาคอยดูกัน”

ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

พลังหมัดส่งเสียงคำรามก้องไปบนท้องฟ้า และทำให้ทุกอย่างโดยรอบสั่นสะเทือน

เสี่ยวเฉินกับเด็กน้อยเหล่านั้นกำลังฝึกหมัดของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะยังเด็ก แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ทรงพลัง ทำให้หมัดของเด็กทุกคนพุ่งออกไปดุจเกาทัณฑ์ ทุกการเคลื่อนไหวที่พวกเขาทำนั้นทั้งรุนแรงและรวดเร็ว

โดยเฉพาะปราณจ้าววิญญาณที่พลุ่งพล่านขณะพวกเขาเหวี่ยงกำปั้น มันก็ทำให้แขนของพวกเขาดูเหมือนแส้เหล็กที่ฟาดขึ้นไปบนท้องฟ้า …สร้างเสียงระเบิดโครมครามอย่างรุนแรง!

ถ้าไม่ได้เห็นด้วยสองตาของตนเอง คงไม่มีใครเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนมาจากฝีมือของกลุ่มเด็กที่อายุต่ำกว่าสิบสองขวบ!

เฉินซีที่ด้านข้างพยักหน้าให้กับตัวเอง เขาสังเกตเห็นแล้วว่า เด็กเหล่านี้บ่มเพาะทักษะขัดเกลากายาเทพอสูร ทำให้ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่ง มีแก่นโลหิตดุจหินหลอมเหลวที่ร้อนระอุ และรากฐานของพวกเขาก็ได้รับการปรับสภาพจนมั่นคงมากเมื่อนานมาแล้ว

และสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มอุทานออกมาด้วยความชื่นชมที่สุดก็คือ เด็กเล็กเหล่านี้ล้วนมีพรสวรรค์ มีร่างกายที่สุดยอด นับเป็นต้นกล้าที่ดีเลิศอันหาได้ยากยิ่งในโลก!

หากเป็นเพียงหนึ่งหรือสองคน เขาก็คงไม่แปลกใจ แต่เด็กที่อยู่ตรงหน้าทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ที่น่าตกใจ

โดยเฉพาะเสี่ยวเฉิน แม้นางจะอายุยังน้อย แต่แท้จริงแล้ว การขัดเกลากายาของเด็กหญิงบรรลุถึงขอบเขตตำหนักอินทนิลแล้ว และทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก

แต่ชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะแม้ว่าเด็กเล็กเหล่านี้จะมีพรสวรรค์ที่น่าตกใจ แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจเต๋ารู้แจ้งเลยสักคนเดียว ทำให้กระบวนท่าของพวกเขาขาดกลิ่นอายและพลัง

“ช่างแปลกนัก!”

“หรือว่าเหมิงเหวยไม่ได้ชี้แนะพวกเขาเกี่ยวกับวิธีการเข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์?”

เฉินซีเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีเทาที่ขุ่นมัว จากนั้นคิ้วของเขาก็กระตุก เมื่อชายหนุ่มตระหนักได้ในทันทีว่า นรกขุมที่เก้านี้ถูกเต๋าแห่งสวรรค์ทอดทิ้ง ดังนั้นจะมีเต๋าแห่งสวรรค์ให้เด็กเหล่านี้เข้าใจได้อย่างไร?

“ไม่น่าแปลกใจเลย แม้พวกเขาจะมีพรสวรรค์ที่น่าตกใจ แต่กลับไม่มีใครเข้าใจเต๋ารู้แจ้งเลยสักคน…”

เมื่อผ่านไปไม่นาน เด็กน้อยเหล่านี้ก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาหมัดเสร็จ พวกเขาดูสงบและสุขุม มีเม็ดเหงื่อเพียงสองสามเม็ดที่หน้าผาก แสดงให้เห็นถึงร่างกายที่แข็งแกร่งและกระฉับกระเฉงของพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]