บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 698

บทที่ 698 ค่ายกลไฟนรกตะวันคราม

บทที่ 698 ค่ายกลไฟนรกตะวันคราม

“นับเป็นยอดธนูโดยแท้!” หลังจากที่จัดการผู้บ่มเพาะระดับผลึกม่วงได้สำเร็จ ดวงตาคมกริบของเหมิงเหวยก็จ้องมองไปยังคันธนูสีดำสนิทผิวขรุขระในมือ และอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชยมันออกมา

สิ่งนี้ถือเป็นสมบัติจ้าววิญญาณที่น่าเกรงขาม สีของมันดำสนิทไร้เงามันวาวดั่งท้องฟ้ารัตติกาล ปกคลุมไปด้วยพลังปราณที่ลึกลับและเป็นเอกเทศ คันธนูและสายถูกสร้างขึ้นจากกระดูกและเส้นเอ็นของเทพอสูร เรียกได้ว่าเป็นสมบัติหายากที่มิอาจประเมินค่าได้!

เหมิงเหวยเป็นผู้บ่มเพาะที่เชี่ยวชาญเต๋าแห่งคันศร เจ้าของฉายา ‘คันศรเทพ’ แห่งเผ่านรกขุมที่เก้า ในความทรงจำของเขา จดจำได้เพียงว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเคยครอบครองศัสตราวิเศษนี้เมื่อยุคบรรพกาล

แต่น่าเสียดายที่สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ได้สูญหายไปตามกาลเวลาเมื่อนานมาแล้ว

ส่วนคันธนูเบื้องหน้าของเขาคือ ธนูทลายดาราที่ยืมมาจากเฉินซีเพื่อรับมือกับผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพระดับทองทั้งสิบคน ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้เอง เหมิงเหวยจึงจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย และแม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับผลึกม่วงก็ยังราบคาบด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง!

สายตาของเหมิงเหวยทอดมองธนูทลายดาราครู่หนึ่ง ใช้ปลายนิ้วหยาบกร้านไล้ไปตามคันธนูอันเย็นเยียบเบา ๆ ก่อนจะส่งมันคืนให้เฉินซีด้วยความเด็ดเดี่ยว “น้องเฉินซี ขอบใจเจ้ามากที่ให้ข้ายืมศัสตราวิเศษเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้า ข้าจึงสังหารศัตรูพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย”

ทว่าชายหนุ่มไม่ได้ยื่นมือออกไปรับมันกลับคืนไป เขาเพียงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อพี่ใหญ่เหมิงเหวยชอบ เช่นนั้นก็เก็บมันไว้เถิด อย่างไรนี่ก็เป็นของขวัญที่สวรรค์ประทานให้ข้าโดยบังเอิญ และหากมันได้ไปอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญเต๋าแห่งคันศรอย่างพี่ใหญ่ สมบัติชิ้นนี้ก็คงจะสร้างประโยชน์ให้แก่ท่านไม่น้อย”

เขาสังเกตมานานแล้วว่าเหมิงเหวยนั้นถนัดเต๋าแห่งคันศรยิ่ง หากการบ่มเพาะของอีกฝ่ายสอดประสานกับธนูทลายดารา เขามั่นใจว่าความแข็งแกร่งของเหมิงเหวยจะก้าวกระโดดไปไกลจนน่าตกใจ!

และจากการอนุมานของเฉินซี ชายหนุ่มเชื่อว่าแม้แต่เยี่ยนสือซานผู้แข็งแกร่งก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้เหมิงเหวยในสนามต่อสู้อย่างแน่นอน

นั่นเป็นเพราะเหมิงเหวยยังไม่เข้าใจถึงความลึกล้ำแห่งมหาเต๋า และหากวันหนึ่งเขาได้ออกไปยังโลกภายนอก รวมถึงสัมผัสกับเต๋ารู้แจ้ง พอถึงยามนั้นคงมีแต่เพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าความแข็งแกร่งของชายคนนี้จะสามารถก้าวหน้าไปได้ไกลเพียงไร

เหมิงเหวยตะลึงงันไป แต่ไหนแต่ไรเขาเป็นดั่งหินผา มีเพียงความทะนงและเด็ดเดี่ยว แม้แต่ความตายของศัตรูก็ไม่อาจทำให้สะท้าน แต่นี่กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขารู้สึกลังเล คล้ายไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดีเมื่อต้องเผชิญกับของขวัญที่ได้รับจากเฉินซี

ให้ตายเถอะ! เขาลุ่มหลงในเต๋าแห่งคันศรเหลือเกิน เรียกว่ารักมันอย่างสุดซึ้งก็ไม่ผิด นับแต่ที่เขาเริ่มบ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ เหมิงเหวยทุ่มเททั้งกายใจให้มันจนหมดสิ้น ดังนั้นการได้ถือครองธนูทลายดารา จึงคล้ายกับเด็กน้อยที่เห็นของเล่นชิ้นโปรด ไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นเต้นที่มีได้

แม้แต่โม่ย่าที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ยังแปลกใจ นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเฉินซีจะกล้ามอบสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ให้คนอื่นโดยไม่นึกเสียดาย และยิ่งเห็นว่าเขาไม่ได้ทีเล่นทีจริง นางก็ยิ่งตกใจมากกว่าเก่า

“อย่าเลย มันล้ำค่าเกินไป ข้ารับเอาไว้ไม่ได้หรอก” เหมิงเหวยต่อสู้กับปรารถนาในใจอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ข่มใจ ก่อนจะปฏิเสธมันอย่างยากเย็น

“รับไว้เถอะ!” น้ำเสียงของเฉินซียืนกรานหนักแน่น เขายัดธนูทลายดาราให้เหมิงเหวย ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ยอดกระบี่ต้องมอบให้ยอดขุนศึก ยอดแป้งชาดต้องมอบให้ยอดโฉมสะคราญ ยอดธนูนี้มีเพียงพี่ใหญ่เหมิงเหวยที่คู่ควร!” ทันทีที่พูดจบ ชายหนุ่มก็เดินหันหลังจากไป

“เจ้าติดหนี้สหายผู้นี้ก้อนใหญ่เสียแล้ว” โม่ย่าทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ขณะที่มองไปยังแผ่นหลังของอีกฝ่าย

“เผ่าของเราก็เช่นกัน แน่นอนว่าข้าต้องตอบแทน ต่อให้นั่นจะหมายถึงการเป็นทาสรับใช้เขาไปชั่วชีวิตก็ตาม” เหมิงเหวยวางธนูทลายดาราลงอย่างระมัดระวัง สีหน้าของเขากลับมาสงบนิ่งและเรียบเฉยดังเดิม มีเพียงดวงตาคมกริบทั้งสองที่เปล่งประกายเจิดจ้า

“หากเป็นข้า ก็คงไม่อาจปฏิเสธความใจดีนี้ได้เช่นกัน” โม่ย่ายิ้ม ในสายตานาง เฉินซีพยายามอย่างยิ่งในการปรับตัวให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่านรกขุมที่เก้า บางที การเดินตามรอยเท้าของเขาไปเรื่อย ๆ ก็อาจเป็นหนึ่งในหนทางที่จะทำให้เผ่าของพวกนางสามารถลงหลักปักฐานในโลกภายนอกอย่างมั่นคงแข็งแรงก็เป็นได้

หลังจากจัดการกับกลุ่มของผู้เยี่ยมยุทธ์พิภพปักขีเสร็จเรียบร้อย เฉินซีกับคนอื่น ๆ ก็เร่งฝีเท้ากลับไปที่ค่ายพักแรมโดยไม่หยุดพักเหนื่อยแม้แต่น้อย

การปรากฏตัวของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทำให้เฉินซีรู้สึกถึงแรงกดดันที่พุ่งตรงเข้ามา ด้วยบางทีคนเหล่านั้นอาจจะซุ่มโจมตีตอนเผลอก็เป็นได้ และคราวหน้า พรรคพวกของเฉินซีอาจจะไม่โชคดีเช่นนี้!

ดังนั้นการออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดจึงเป็นเรื่องที่ควรทำที่สุด

เพื่อให้การเคลื่อนขบวนเป็นไปอย่างเร่งรีบ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจย่นเวลาพักผ่อน รวมถึงการทำธุระส่วนตัวให้เหลือเพียงสองชั่วยาม กล่าวคือ ในระยะเวลาอันแสนสั้นนี้ นอกจากเรื่องการกินอยู่ สมาชิกในเผ่าทุกคนจะต้องฟื้นกำลังของตนให้เพียงพอ และต้องนับรวมเวลาการบ่มเพาะของเด็ก ๆ ไว้ด้วย

โชคดีที่จังหวะเร่งรัดเหล่านี้หาได้บีบคั้นเหล่าเด็กน้อยมากนัก พวกเขากลับเข้าใจดีว่าเวลามีค่าเพียงใด ดังนั้นจึงตั้งใจฝึกฝนกันอย่างอุตสาหะ

ฝ่ายเฉินซีเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขาใช้เหล้าเซียนซึ่งบ่มในอยู่หม้อหยกเพื่อฟื้นฟูการบ่มเพาะ พร้อมกับพยายามคิดหาวิธีการสร้างแดนฮุ่นตุ้นใหม่อีกครั้ง …และบางทีการใช้อักขระยันต์ก็เป็นตัวเลือกที่น่าพอใจที่สุด

เขารู้ดีว่าบนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นอย่างดั่งใจได้เพียงชั่วข้ามคืน อย่างไรเสีย รากฐานแห่งเต๋าของเขาก็ถูกทำลายไปแล้ว การจะซ่อมแซมมันให้เป็นแบบเดิมนั้นยากยิ่งกว่าการครอบครองสวรรค์เสียอีก แต่โชคยังดีที่ชายหนุ่มค้นพบหนทางแก้ไข ดังนั้นเขาจึงไม่คิดรีบร้อน

กินข้าวค่อยกินทีละคำ ถนนค่อยเดินทีละก้าว ชายหนุ่มเพียงแต่ต้องตระเตรียมทุกสิ่งให้พร้อมเท่านั้นก็พอแล้ว

ในยามนี้ หลังจากที่เขาลงมือปรุงอาหารเสร็จเรียบร้อย เฉินซีก็เริ่มชี้แนะเด็ก ๆ ทั้งหลายเกี่ยวกับการบ่มเพาะและเต๋ารู้แจ้ง รวมถึงเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย

ขณะเดียวกัน ในใจของชายหนุ่มในขณะนี้ก็กำลังคาดหวังให้วันเวลายาวนานกว่าเดิมสักเท่าหนึ่ง เพราะอย่างน้อยมันคงช่วยให้พวกเขาได้พักหายใจหายคอมากกว่านี้

และแม้ว่าเท้าของพวกเขาจะยังคงย่ำไปเบื้องหน้า หากแต่เสียงพร่ำสอนบรรดาเด็กน้อยยังคงดังก้องไปตามทาง

ในวันที่เก้าของการเดินทาง พวกเขาได้เผชิญหน้ากับค่ายของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และหลังจากการต่อสู้อันแสนดุเดือด ศัตรูทั้งหลายได้ถูกกำจัดจนหมด ทว่าพวกเขาก็ต้องสูญเสียองครักษ์ไปถึงสามคนในระหว่างการปกป้องเด็ก ๆ ดังนั้นตอนนี้หากรวมเหมิงเหวยกับโม่ย่า ทั้งเผ่าก็จะเหลือองครักษ์อยู่เพียงเจ็ดคนเท่านั้น

การต่อสู้อันน่าสะพรึงขวัญนี้ ทำให้บรรยากาศในการเดินทางอึมครึมกว่าวันไหน และท่ามกลางความเงียบสงัด จิตใจของพวกเขาต่างร้อนระอุดั่งโดนไฟเผา ซึ่งความโกรธเหล่านี้ได้ถูกระบายออกมาในรูปของการบ่มเพาะอย่างหักโหมมุมานะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]