บทที่ 713 โรงเตี๊ยมเซียนระเริง
บทที่ 713 โรงเตี๊ยมเซียนระเริง
เมื่อเห็นเฉินซีตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ชายหนุ่มในชุดปักลายก็ส่ายศีรษะซ้ำ ๆ ทุกคนในหอชุมนุมทรัพย์ล้ำค่าต่างอ้าปากค้าง และรู้สึกว่ามันไม่จริงเหมือนฝัน
โดยเฉพาะเริ่นผิงผิงที่ตกใจจนกรามแทบจะกระแทกพื้น และร่างกายของหญิงสาวก็สั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว แม้นางจะอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่นางกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นใด ๆ เพราะแม้แต่ความช่วยเหลือจากคนนอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยังกลายเป็นหนูที่เจอแมว แล้วนางจะรักษาความสงบได้อย่างไร? ทันใดนั้น หญิงสาวก็รู้สึกว่านางเจอตอชิ้นใหญ่เข้าให้แล้ว!
แต่นางก็ไม่กล้าเชื่อเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด เพราะมันไร้สาระเกินไป เพราะถึงอย่างไร นี่ก็คือคนของตระกูลไป๋แห่งเทือกเขาหนามม่วงเชียวนะ และเขาก็คือนายน้อยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะ!
แม้ว่าศิษย์ของนิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิบจะเผชิญกับเขา คนพวกนั้นก็จะได้แต่ปวดเศียรเวียนเกล้าและปรารถนาจะอยู่ห่างจากอีกฝ่ายเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ใช่เพราะคุณชายผู้นี้มีการบ่มเพาะที่น่าเกรงขาม แต่เป็นเพราะภูมิหลังของคนคนนี้น่าทึ่งเกินไป!
ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลไป๋ก็มีชื่อเสียงในการปกป้องคนในตระกูล ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ใครก็ตามที่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองจะไม่อาจรอดพ้นจากการลงโทษได้
และชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ ก็คือคนที่มีต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลไป๋เป็นที่พึ่งพา ซึ่งทำให้เจ้าตัวกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว และทำให้ทุกคนที่เขาพบต้องปวดศีรษะ เป็นกังวลว่าจะเกิดปัญหา
แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เขาจะเป็นเหมือนเด็กที่ว่านอนสอนง่ายเมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มรูปงามคนนั้น …ผู้ใดจะเชื่อข่าวนี้ลง?
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มในชุดปักลายคือ ไป๋กู้หนาน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเฉินซีตบอย่างรุนแรงกลางที่สาธารณะ ณ ชั้นบนสุดของตำหนักเมฆาเยือกแข็ง และเจ้าตัวก็ยังคงจำเหตุการณ์ที่น่าอับอายเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน
เดิมทีเขาตั้งใจจะหาความช่วยเหลือเพื่อจัดการกับเฉินซี แต่หลังออกจากเมืองเหมันต์บรรพกาล หัวใจของไป๋กู้หนานกลับต้องเย็นวาบทันที เมื่อได้พบกับญาติในตระกูล ก่อนที่ความคิดตอแยเฉินซีจะหายไปโดยสิ้นเชิง
นับจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้ค้นพบว่าชายชั่วที่สมควรถูกใบมีดพันเล่มเชือดเฉือน แท้จริงแล้วมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับป้าของเขา!
ซึ่งหมายความว่า ป้าของเขาดูแลไอ้สารเลวนี้มาหลายปี ในขณะที่ไอ้สารเลวนี้ยังเด็กอยู่! และไม่ต้องกล่าวถึงเขา แม้แต่บรรดาลูก ๆ ของผู้นำตระกูลก็ไม่อาจได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ได้!
ดังนั้นทันทีที่เห็นเฉินซี ไป๋กู้หนานจึงต้องการปิดป้องใบหน้าของตัวเอง และพยายามออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะยังยับยั้งแรงกระตุ้นนี้ได้ในท้ายที่สุด
มันช่วยไม่ได้ เพราะเขาคือคุณชายผู้สง่างามของตระกูลไป๋แห่งเทือกเขาหนามม่วง และมันคงน่าอายเกินไปหากจะหันหลังกลับและจากไปต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเช่นนี้ ด้วยมันจะทำให้ตระกูลอับอาย!
เฉินซีไม่อาจทราบได้ว่ามีความคิดมากมายเกิดขึ้นในใจของไป๋กู้หนานในขณะนี้ และเขายังคงยิ้มพลางถาม “ถ้าอย่างนั้น เจ้าต้องการจะยืนหยัดเพื่อสตรีนางนี้หรือไม่?”
ไป๋กู้หนานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟันและผลักเริ่นผิงผิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาออกไป “ไม่ เนื่องจากสตรีคนนี้กล้าล่วงเกินเจ้า และอาจพลอยทำให้ข้ามีปัญหาไปด้วย แล้วข้าจะต้องการนางเพื่ออันใด?”
ฉากนี้ทำให้ร่างกายของทุกคนสั่นสะท้าน เพราะพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า คำพูดของเฉินซีจะทำให้ไป๋กู้หนานละทิ้งเริ่นผิงผิงอย่างไร้ความปรานี!
ไม่ต้องกล่าวถึงใครอื่นเลย แม้แต่เฉินซีก็ยังตกตะลึง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ ในขณะที่ชายหนุ่มมองไปยังเริ่นผิงผิงซึ่งล้มอยู่บนพื้นในสภาพที่น่าอับอาย
“คุณชายไป๋ ท่าน… นายหญิงทุ่มเทให้กับท่านมาโดยตลอด แต่ท่านกลับปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ เหตุใดท่านถึงใจดำทำเยี่ยงนี้ได้ลง!?” ชายชราข่มความโกรธของเขาไว้อย่างสุดกำลัง ในขณะที่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าปฏิบัติกับนางอย่างไม่ยุติธรรมตั้งแต่เมื่อใดกัน?” คิ้วของไป๋กู้หนานขมวดขึ้น ในขณะที่แสดงท่าทางดุร้ายออกมา …แม้เขาจะจำต้องก้มศีรษะลงเมื่อเผชิญหน้ากับเฉินซี แต่สำหรับผู้อื่น ไป๋กู้หนานยังคงเป็นคุณชายหยิ่งยโสและเอาแต่ใจเช่นเดิม!
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ชายชราและกล่าวว่า “อย่าให้มันมากไป ที่ตระกูลเริ่นของเจ้าเติบโตจากตระกูลเล็ก ๆ จนรุ่งเรืองถึงทุกวันนี้ได้ มิใช่เพราะข้าหรอกหรือ?”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ไป๋กู้หนานก็ถ่มน้ำลายออกมา ก่อนจะชี้ไปยังเริ่นผิงผิงซึ่งอยู่บนพื้น และกล่าวอย่างดุดันว่า “อย่าได้นึกว่าข้าเป็นคนโง่เขลา เจ้าลอบคบชู้และมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเจ้าหนุ่มหน้าขาวลับหลังข้าในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทว่าข้าก็ไม่อยากถือสาเจ้า เพราะถึงอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นเพียงเรื่องสนุก ดังนั้นเจ้ากล้าทุบอกและบอกว่าเจ้าทุ่มเทให้ข้าโดยแท้จริงได้หรือไม่?”
“ท่านลุงเฉิน ความสัมพันธ์ของพวกเขาซับซ้อนยิ่ง” เจ้าดำพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“แม้แต่ข้าก็ไม่อาจเข้าใจโลกของนายน้อยคนนั้นได้” เฉินซียักไหล่
เดิมที เริ่นผิงผิงแสดงสีหน้าขมขื่นและท่าทางน่าสมเพช ด้วยความตั้งใจจะให้ไป๋กู้หนานใจอ่อนยอมช่วย แต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่า นอกจากจะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ต่อได้ ตนยังถูกสาปแช่ง! ทำให้ทั้งร่างกายของหญิงสาวเย็นเยียบลึกไปถึงกระดูก ในขณะที่หัวใจของนางก็ตกลงสู่เหวที่ไร้ก้นบึ้ง
เพราะไป๋กู้หนานกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว การเติบโตของตระกูลเริ่นจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยหากปราศจากการสนับสนุนจากไป๋กู้หนาน และมันถึงขนาดที่ว่า หอชุมนุมทรัพย์ล้ำค่านี้ก็เป็นธุรกิจที่ไป๋กู้หนาน… มอบให้กับตระกูลเริ่น!
“นายน้อยไป๋ ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรด…ได้โปรดยกโทษให้ข้าได้หรือไม่? ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ข้าสาบาน…” เริ่นผิงผิงตื่นตระหนก นางคุกเข่าต่อหน้าไป๋กันหนานและขอร้องด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“ไสหัวไปซะ!” ชายหนุ่มเตะนางออกไปอย่างไร้หัวใจ “ข้าจะฆ่าเจ้า ถ้ายังกล้าตอแยข้าอีก!”
“เจ้า…” ชายชราโกรธจัดจนร่างกายสั่นสะท้าน
“ว่าอย่างไร? เจ้าต้องการถูกทำลายล้างไปพร้อมกับตระกูลเริ่นด้วยหรือ?” ไป๋กู้หนานเหลือบมองชายชราด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ไสหัวไปซะ! อย่าได้อยู่ให้ระคายตาอีกเลย และอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ถ้านางยังไม่หายไปจากหน้าข้าภายในสามลมหายใจนี้!”
สีหน้าของชายชราซีดลงและดูจะไม่แน่ใจ …เพราะแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่เจ้าตัวก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างสลด ก่อนที่จะพยุงเริ่นผิงผิงขึ้นและออกจากหอชุมนุมทรัพย์ล้ำค่าไป
เช่นเดียวกับเริ่นผิงผิง นางเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างเต็มที่เช่นกันว่าชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นเป็นใคร และเหตุใดไป๋กู้หนานถึงกลายเป็นคนเด็ดเดี่ยวและไร้หัวใจเช่นนี้?
ขณะนั้น หงซานได้ตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์ และแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า ความช่วยเหลือจากคนนอกที่แข็งแกร่งของเริ่นผิงผิง ไม่เพียงจะไม่สร้างอันตรายใด ๆ ต่อเฉินซี แต่อีกฝ่ายกลับกลายเป็นดั่งหนูที่เจอแมว ทำให้เริ่นผิงผิงตกเป็นฝ่ายต้องจากไปในท้ายที่สุด!
“หรือว่าผู้อาวุโสเฉินซีจะเป็น… ศิษย์จากกองกำลังที่ไม่ธรรมดา?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...