บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 73

บทที่ 73 ต่อสู้กับราชาเหยี่ยวสายฟ้า
บทที่ 73 ต่อสู้กับราชาเหยี่ยวสายฟ้า

หลังจากเสียงตะโกนของเซวี่ยอวี้ดังขึ้น เงาสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากตำหนักที่ตั้งอยู่บนหน้าผา

“กรี๊ซ! กรี๊ซ! กรี๊ซ!”

เสียงร้องแหลมสูงของนกดังเสียดหูเหมือนกับกระแสน้ำที่ไหลผ่านระหว่างสวรรค์กับโลก เงาดำเหล่านั้นโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกมันคืออสูรเหยี่ยวเหล็กทองคำที่มีปีกกว้างเกือบสองจั้ง ขนของมันเป็นดั่งเกราะเหล็กที่แข็งกล้า จะงอยปากเหมือนกระบี่อันแหลมคม และกรงเล็บดั่งตะขอที่สามารถเกี่ยวกระชากเนื้อหนังได้ง่ายดาย พวกมันหลายพันตัวกระพือปีกลอยอยู่ท่ามกลางฟากฟ้า ขณะตั้งแถวล้อมเป็นวงกลมหกชั้น

ในขณะที่ราชาเหยี่ยวสายฟ้ายืนอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของวงกลมอย่างหยิ่งทะนง

“มหาเทือกเขาสัมฤทธิ์จงตื่น!” เซวี่ยอวี้วาดมือไปยังอากาศและปรากฏภูเขาสูงถึงหนึ่งหมื่นสองพันจั้งที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสีม่วงอยู่ท่ามกลางอากาศ!

ครืน! ครืน!

คลื่นปราณสีม่วงได้แผ่กระจายไปทั่วชั้นฟ้าและผืนแผ่นดิน ในปราณสีม่วงที่กำลังพวยพุ่งนี้ ภูเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศเริ่มหดตัวลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันแปรเปลี่ยนเป็นภูเขาขนาดเล็กที่สูงเพียงสิบสองชุ่นในชั่วพริบตา ภูเขาขนาดเล็กนี้เต็มไปด้วยปราณสีม่วงเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายของสมบัติวิเศษอันน่าเกรงขาม!

“ฮ่า ๆๆ มหาเทือกเขาสัมฤทธิ์นี้หนักสองแสนห้าหมื่นจิน และถูกข้าขัดเกลาโดยใช้เคล็ดวิชาลับเป็นเวลากว่าสามพันปี มันสามารถหดและขยายตัวได้ตามปรารถนา หากถูกมันปะทะเมื่อใดทั้งร่างของเจ้าจะกลายเป็นผุยผง ต่อให้ร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าก็ตาม!”

เซวี่ยอวี้ยังคงค้างอยู่ในท่าถือภูเขาลูกเล็ก ๆ ที่แผ่คลื่นของปราณสีม่วงไว้ จากนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดังอยู่บนท้องฟ้า “แม้ว่าจะมันจะยังไม่สมบูรณ์ดี แต่พลังของมันก็เทียบได้กับสมบัติวิเศษระดับปฐพีชั้นยอด! เฉินซีวันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสง… เอ๊ะ เขาหายไปไหนแล้ว?”

ราชาเหยี่ยวสายฟ้ากวาดสายตามองไปรอบตัวอย่างงุนงง เขาเห็นเพียงแต่ท้องฟ้าอันแจ่มใสเท่านั้น หาได้มีร่องรอยของเฉินซีอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง

“หรือว่าไอ้คนบัดซบคนนั้นหลบหนีไปแล้ว? บัดซบ! ข้าอุตส่าห์เตรียมมหาค่ายกลพันเหยี่ยวและนำสมบัติวิเศษไพ่ตายอย่างมหาเทือกเขาสัมฤทธิ์ออกมา แต่มันกลับหลบหนีไปโดยไม่กล่าววาจาสักคำแบบนี้เนี่ยนะ!?”

ใบหน้าของเซวี่ยอวี้สั่นไหวสลับไปมาระหว่างซีดขาวและโมโห สาเหตุที่เขาหลอกล่อเฉินซีให้ตามมายังที่แห่งนี้โดยไม่ยอมสู้ตั้งแต่แรกก็เพราะเขารู้ว่าตนเองไม่อาจสะกดอีกฝ่ายด้วยความเร็วได้ และอีกประการหนึ่งที่ทำให้เขาหนักใจคือกระบี่ไผ่ทองคำนิลที่เฉินซีครอบครองอยู่

กระบี่ไผ่ทองคำนิลนั้นบังเอิญมีคุณสมบัติสะกดพลังอัสนีซึ่งเป็นธาตุภายในร่างกายของเขา ดังนั้นเซวี่ยอวี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเตรียมการรับมือกับมันด้วยความระมัดระวัง

ด้วยสาเหตุดังกล่าวจึงทำให้เขาตัดสินใจว่าหากต้องการจะฆ่าเจ้าเด็กคนนี้ เขาต้องชะลอความเร็วของมันก่อนเพื่อที่เขาจะได้บดขยี้มันด้วยพลังที่มิอาจต้านทานในคราเดียว

มหาเทือกเขาสัมฤทธิ์ที่เขาครอบครองสามารถสร้างสนามแรงโน้มถ่วงที่มีขนาดพื้นที่ราวหนึ่งร้อยสามสิบจั้ง ยามเมื่อสำแดงพลัง สิ่งใดก็ตามที่เข้ามาในสนามแรงโน้มถ่วงจะพบกับแรงโน้มถ่วงอันน่าสะพรึงกลัวถึงสองพันห้าร้อยจิน ผู้คนที่ติดอยู่ข้างในจะรู้สึกราวกับแบกภูเขาลูกเล็กไว้บนบ่า และความเร็วของคนผู้นั้นจะได้รับผลกระทบมหาศาล จนถึงขนาดที่ว่า หากผู้ใดถูกจับโดยไม่ทันตั้งตัว แรงโน้มถ่วงอันน่าสะพรึงกลัวจะกดทับลงมาจนร่างกายของพวกเขาระเบิดกระจุย!

อย่างไรก็ตาม มหาเทือกเขาสัมฤทธิ์นี้ยังอยู่ในสภาพกึ่งสมบูรณ์เท่านั้น หากเขาคิดจะสังหารเฉินซี ราชาเหยี่ยวสายฟ้าก็ทำได้แต่เพียงทุ่มเทแก่นแท้โลหิตและดวงวิญญาณของเขาในการควบคุมมหาเทือกเขาสัมฤทธิ์เพื่อให้เปล่งอำนาจสูงสุด โดยไม่อาจแบ่งสมาธิไปกับการลงมือฆ่าเฉินซีได้

ด้วยเหตุนี้เองที่ราชาเหยี่ยวสายฟ้าจึงสั่งให้ลูกน้องของเขาสร้างมหาค่ายกลพันเหยี่ยวขึ้นมา เพราะเขาตั้งใจจะใช้ให้ลูกน้องของตนเองเป็นผู้สังหารเฉินซีแทน

ทั้งหมดนี้ถูกเตรียมการไปตามแผน แต่อนิจจา เฉินซีกลับหายตัวไปแล้ว!

“แม้ว่าไอ้เด็กนั่นจะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหายตัวไปจากสายตาของข้าในชั่วพริบตาแบบนี้! หรือว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งในบริเวณใกล้เคียง?” เมื่อคิดทบทวนถึงเรื่องนี้ ราชาเหยี่ยวสายฟ้าเซวี่ยอวี้ได้แผ่ญาณตระหนักรู้ของเขากวาดผ่านบริเวณใกล้เคียงในทันที แต่เขาก็ไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่เศษเสี้ยวกลิ่นอายของเฉินซี

“เป็นไปไม่ได้! ความพยายามของข้าจะสูญเปล่าแบบนี้ได้อย่างไร!”

ฟิ้ว!

เซวี่ยอวี้ไม่อาจยับยั้งภาวะหดหู่ในหัวใจของเขาได้อีกต่อไป เขากระพือปีกและพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นลอยตระหง่านอยู่กลางอากาศ ขณะที่เขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ ในฐานะที่เขาเป็นสัตว์อสูรเหยี่ยว สายตาของเขาจึงเฉียบแหลมมากและสามารถเห็นสิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ ในระยะยี่สิบห้าลี้ได้อย่างชัดเจน

“ระยำเอ๊ย เจ้าช่างหลบหนีได้ไวกว่าผู้ใดจริง ๆ…” เซวี่ยสบถสาปแช่งเฉินซีด้วยความโกรธจัด ทว่าเวลานั้นเอง ความรู้สึกอันตรายอันเย็นเยียบได้วาบผ่านกระดูกสันหลังของเขา และปะทุในหัวใจของเขาอย่างรุนแรง

ไม่ได้การ!

สีหน้าของเขาซีดเซียวในทันที ตรีศูลเหล็กที่มีประกายแสงอันกดดันปรากฏขึ้นในมือขวา จากนั้นราชาเหยี่ยวสายฟ้าก็ใช้มันปัดป้องด้วยสัญชาตญาณ

เคร้ง!

ทันใดนั้นปราณกระบี่พลันปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเฉือนตรีศูลเหล็กออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย และด้วยอำนาจที่ยังคงอยู่อย่างเปี่ยมล้นราวกับไม่ได้ถูกบั่นทอนลงเลย ปราณกระบี่ก็พุ่งเข้าที่ลำคอของเซวี่ยอวี้โดยฉับพลัน!

ขณะเดียวกันนี้ ร่างของเฉินซีก็ปรากฏกายขึ้นกลางอากาศห่างจากด้านข้างของเซวี่ยอวี้ราวสี่ฉื่อ โดยถือกระบี่ไผ่ทองคำนิลอยู่ในมือขวา เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเฉินซีนั้นช่างว่องไวและเด็ดขาดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ราชาเหยี่ยวสายฟ้าหวาดกลัวจนวิญญาณแทบบินออกจากร่าง เขารีบบังคับปีกตนเองปิดเข้าหากันที่ด้านหน้าเป็นประหนึ่งโล่คู่เพื่อรับมือกับช่วงเวลาวิกฤตนี้

ฉัวะ!

บาดแผลขนาดมหึมาเกิดขึ้นที่ปีกของราชาเหยี่ยวสายฟ้าที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าและเลือดก็สาดกระเซ็นออกมาพร้อมกับขนนกที่ปลิวไปทั่วท้องฟ้า

“บัดซบ! ข้าถูกเจ้าเด็กนั่นลอบจู่โจม!” ราชาเหยี่ยวสายฟ้าพ่นลมหายใจด้วยโทสะ ร่างกายของเขาเซไปเซมาและเกือบจะตกลงมาจากท้องฟ้า เขาไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ปีกของเขาย่อมส่งผลต่อความเร็วในการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงต้องการกลับไปที่มหาค่ายกลพันเหยี่ยว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]