บทที่ 731 ลำนำแห่งเปลวเพลิง
ในเวลานั้นเอง ม่านราตรีโรยตัวลงมาแล้ว กำลังเข้าสู่ช่วงดึกสงัด
แต่ทั่วทั้งเมืองเทาเที่ยกลับไม่เหมือนเมืองอื่นในยามค่ำคืน เพราะมันเต็มไปด้วยโคมไฟหลากแสงสีที่แขวนอยู่ทั่วเมือง ดู ๆ แล้วคล้ายมังกรเพลิงหลายตัวกำลังแหวกว่ายอยู่ในอากาศ ทำให้ทั้งเมืองดูสว่างไสวยิ่งกว่าตอนกลางวันเสียอีก
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจากพื้น เมืองลอยฟ้าเคล้าเมฆาแห่งนี้ก็ราวกับลอยอยู่ท่ามกลางแสงหลากสี ที่ทั้งงดงามและสง่าราวกับฉาบไว้ด้วยมนตรา
เมื่อเฉินซีกับอาซิ่วเดินออกจากที่พัก และก้าวเข้าไปในท้องถนนอันคึกคัก ก็ราวกับคนทั้งคู่เดินเข้าสู่โลกแห่งสีสันที่แม้ยังไม่ทันตั้งตัว แต่เสียงอึกทึกมากมายต่างยื้อแย่งกันกระแทกเข้าหูของพวกเขาอย่างไม่ขาดสาย!
ทั้งผู้บ่มเพาะและร้านรวงทั้งหลายที่มีอาหารประณีตมากมายตั้งอยู่เต็มถนน หรือผู้คนจำนวนมากที่ขยับเคลื่อนไปมาพร้อมกับลิ้มลองอาหารและหัวเราะอย่างมีความสุข …บรรยากาศทั่วบริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมน่ากินอันเย้ายวนใจยิ่งนัก
อาซิ่วตื่นเต้นจนใบหน้างดงามเปล่งประกาย นางจับมือเฉินซีไว้แล้วเริ่มกินดื่มอาหารทั้งหลายตามถนน
กุ้งหางแดงตุ๋นสด ๆ แล้วมีรสชาติเผ็ดร้อน ร้อยแกงสตรีงามลึกล้ำรสเปรี้ยวที่ทั้งสดชื่น หวาน และให้ความเย็น ปลาทอดหินเหลืองกรอบ เห็ดหลินจือที่หวานหนึบ และแป้งเปียกสีน้ำเงิน…
อาหารเลิศรสมากมายที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์คือ ตัวอย่างชั้นดีที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จด้านอาหารการกินในแดนภวังค์ทมิฬ และขณะนี้พวกมันทั้งหมดต่างก็เรียงรายอยู่สองฝั่งถนน เหมือนเป็นตลาดกลางคืนที่ให้ทุกคนได้ชิมอาหารกันตามสบาย คล้ายสวรรค์ของคนตะกละก็มิปาน
หญิงสาวกินตั้งแต่สุดถนนฝั่งหนึ่งจนถึงอีกฝั่งหนึ่ง จากเส้นนี้ไปเส้นนั้น ร่างน้อยเป็นเหมือนหลุมลึกไร้ก้นที่ใส่อาหารเข้าไปได้ไม่หมดไม่สิ้น
วันนี้นางกินจนมีความสุขเหลือเกิน ดวงตาเป็นประกายดั่งอัญมณีแปรเปลี่ยนเป็นรูปจันทร์เสี้ยวสองดวง ริมฝีปากแดงฉ่ำแทบไม่หยุดขยับกันเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มได้เดินเป็นเพื่อนนาง ฟังเสียงหัวเราะอารมณ์ดีดั่งเสียงสายน้ำฤดูใบไม้ผลิไหลริน และเฝ้ามองนางเอ่ยร้องตื่นเต้นกระโดดยินดีกับอาหารอร่อย ในขณะที่ภายในใจของเขารู้สึกสงบยิ่งนัก
ที่มาของอาซิ่วนั้นลึกลับ ฝีมือเองก็น่าตกใจเสียจนขอบเขตเซียนปฐพียังเทียบไม่ติด ทว่านางกลับทำตัวดั่งเด็กใสซื่อ ดู ๆ แล้วคล้ายเด็กน้อยคนหนึ่ง
เขาจินตนาการไม่ออกว่าสตรีเช่นอาซิ่วต้องได้รับการเลี้ยงมาในสภาพแบบใด ถึงยังคงนิสัยบริสุทธิ์เฉกเช่นเด็กน้อยคนหนึ่งพร้อมกับมีความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามเช่นนี้ได้?
ทว่าเฉินซีหยุดคาดเดาไปแล้ว และไม่คิดจะระวังนางอีกต่อไป
ตั้งแต่อาซิ่วช่วยเขารับมือกับศัตรูอย่างไร้ความลังเล ชายหนุ่มก็ยอมรับนางและมองอีกฝ่ายเป็นสหายคนหนึ่ง
ในเมื่อนางเป็นสหาย เช่นนั้นฐานะ ตัวตน และพลังบ่มเพาะย่อมไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปใช่หรือไม่?
คืนนี้ ทุกคนบนถนนในเมืองเทาเที่ยต่างกำลังพูดคุยเกี่ยวกับคนคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเฉินซี เพราะได้ยินมาว่าอัจฉริยะผู้นี้มาถึงเมืองเทาเที่ยแล้ว
ถึงขนาดมีข่าวลือว่าเฉินซีเกรี้ยวโกรธบางสิ่ง และได้เข้าทำร้ายผู้บ่มเพาะเผ่าเทาเที่ยนามว่าเถาคุนที่กลางถนน ก่อนจะโจมตีอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นผลให้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายแห่งเผ่าเทาเที่ยออกมา
แต่สุดท้ายเขาก็กลับออกไปอย่างปลอดภัย ส่วนเถาคุนถูกขังไว้แทน
ข่าวลือนี้ทำให้ทั่วทั้งเมืองเทาเที่ยตกอยู่ในความไม่สงบ หลายคนต่างทำใจเชื่อสิ่งนี้ได้ยาก เพราะอย่างไรนี่ก็คือเมืองเทาเที่ย แต่เฉินซีกลับกล้าก่อปัญหาในเขตของเผ่าเทาเที่ย ทั้งยังกลับไปได้อย่างปลอดภัย… นี่เขาไม่หาญกล้าเกินไปหน่อยหรือ?
แต่พอลองถามข่าวลือเรื่องนี้กับสหายเผ่าเทาเที่ย พวกเขาต่างก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกัน… นั่นคือความเงียบ!
ไม่ปฏิเสธไม่ยอมรับ ใช้ความเงียบตอบกลับเท่านั้น แต่แค่นี้ก็ทำให้ทุกคนพอรู้แล้วว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง
ข่าวเรื่องนี้ทำให้ทั้งเมืองเทาเที่ยยิ่งตกอยู่ในความโกลาหล นอกจากลิ้มรสอาหารและเหล้าเลิศรสทั้งหลายแล้ว หัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดเห็นจะเป็นเฉินซี
เขามาเมืองเทาเที่ยทำไม?
เหตุใดจึงต่อสู้กับเถาคุน?
เรื่องทั้งหมดเป็นเหมือนม่านหมอกที่ปกคลุมหลายชั้น ทำให้อดไม่ได้ที่จะสงสัยจนพากันเอ่ยแลกเปลี่ยนออกมาไม่หยุด
เมื่อเฉินซีกับอาซิ่วเดินเข้าไปดูร้านอาหารที่ตั้งอยู่หลายแถว ทั้งสองย่อมได้ยินบทสนทนานั้น แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ อาซิ่วก็เช่นกัน เพราะนางสนแต่เรื่องกินเท่านั้น!
คืนนั้นอาซิ่วกินจนหนำใจ ดื่มสุราจากทุกร้าน นางดื่มเยอะเสียจนไม่อาจทนฤทธิ์สุราไหว จึงเมามายและต้องให้ชายหนุ่มพากลับที่พัก
หลังจากส่งนางกลับห้องแล้ว เฉินซีจึงใช้เวลาในคืนนั้นนั่งสมาธิ
…
สามวันหลังจากนั้น งานการจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำก็เริ่มต้นขึ้น
เผ่าเทาเที่ยจัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ดึงดูดผู้บ่มเพาะมาจากทั่วทุกสารทิศให้เข้ามารับชม แต่เฉินซีไม่ได้เข้าร่วมและนั่งเงียบ ๆ อยู่ภายในห้องเท่านั้น ในขณะที่ก็ตระเตรียมวัตถุดิบหลากหลายอย่างเอาไว้
ถึงจะอยากจะนำตัวหั่วโม่เลยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับนิกายเสียตอนนี้ แต่ชายหนุ่มก็ไร้ทางเลือก เขาต้องสงบใจไว้และเตรียมตัวเข้าร่วมการจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำ!
เพราะเฉินซีติดค้างคำสัญญาไว้สองข้อ และเมื่อรับปากแล้ว เขาย่อมต้องทำให้ได้! …นี่คือหลักการที่เขายึดมั่นมาตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะ
ในขณะนี้ บททดสอบแรกของการจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว
เฉินซีได้ทำอาหารที่มีชื่อว่า ‘ลำนำแห่งเปลวเพลิง’ มันใช้เนื้อสัตว์อสูรกว่าสามสิบหกชนิด ผสมกับเครื่องเทศวิญญาณกลิ่นฉุนหลายอย่าง ทำให้มีสีแดงสด อบอวลด้วยไอร้อน และแผ่กลิ่นหอมกรุ่นลอยออกมา
เมื่อมองไกล ๆ ก็จะเห็นเหมือนเปลวเพลิงกำลังลุกโหมขึ้นฟ้า เป็นภาพที่ไร้การยับยั้ง ดุดัน ไร้ซึ่งสิ่งใดกีดขวาง
สิ่งนี้ก็เหมือนกับอารมณ์ของเฉินซี เพราะบาดแผลของหั่วโม่เลยได้จุดประกายความโกรธในหัวใจของเขาขึ้นมาแล้ว!
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...