บทที่ 733 ตกตะลึง
บทที่ 733 ตกตะลึง
จิตใจฟุ้งซ่าน?
มันสื่อถึงหัวใจของคนคนหนึ่งที่กำลังกระสับกระส่าย และไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
แต่คำเหล่านี้สำหรับผู้บ่มเพาะกลับต้องใช้ความคิดใคร่ครวญให้ดี เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับดวงจิตแห่งเต๋าโดยตรง
เมื่อดวงจิตแห่งเต๋าไม่มั่นคง เมื่อนั้นก็จะไม่เข้าใจในเต๋า และถ้าไม่มีเต๋า ก็จะไม่สามารถบ่มเพาะได้
กล่าวง่าย ๆ ก็คือ หากต้องการบ่มเพาะ ก็ต้องทำให้ดวงจิตแห่งเต๋าแข็งแกร่งเสียก่อน เพราะทุกอย่างจะไร้ความหมาย ถ้าดวงจิตแห่งเต๋าไม่มั่นคง
แต่ถ้าใครปรุงคำว่า ‘จิตใจฟุ้งซ่าน’ และถ่ายทอดมันลงในจานได้สำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้…ย่อมเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน!
พ่อครัววิญญาณทุกคนในห้องโถงต่างตกตะลึงเมื่อเผชิญกับหัวข้อนี้
เดิมทีพวกเขามีความคิดที่จะดูการแสดงฝีมือ และต้องการดูว่าเฉินซีคนนี้จะทำให้ตัวเองอับอายต่อหน้าผู้คนหรือไม่ แต่เมื่อเห็นหัวข้อที่ชายหนุ่มได้รับ ทุกคนกลับต้องตกตะลึง…
หัวข้อนี้ยากเป็นอย่างมาก เนื่องจากมันเป็น ‘ภาวะ’ ไร้ตัวตนและแยกแยะได้ยาก ตามความหมายของมัน การจะเชื่อมโยง ‘จิตใจฟุ้งซ่าน’ กับอาหารนั้นยากเย็นอย่างยิ่ง และอาจกล่าวได้ว่าเป็นหัวข้อที่ยากที่สุดในรอบที่สองนี้!
‘หากข้าได้รับหัวข้อนี้ เช่นนั้นข้าควรจัดเตรียมอาหารใดดี?’
พ่อครัววิญญาณทั้งหมดกำลังครุ่นคิดอยู่ในความเงียบ
บนที่นั่งเจ้าภาพในห้องโถง ผู้อาวุโสทั้งหมดของเผ่าเทาเที่ยต่างเย้ยหยันอยู่ในใจ พวกเขารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง และถ้าไม่ใช่เพราะต้องสำรวมท่าทีเอาไว้ ผู้อาวุโสทุกคนก็คงพากันหัวเราะขึ้นฟ้าไปแล้ว
พวกเขากระทั่งสาบานกับสวรรค์ว่า พวกเขาไม่ได้จงใจให้เฉินซีได้รับหัวข้อนี้ไป แล้วสิ่งที่ชายหนุ่มได้ มันก็เพราะโชคร้ายล้วน ๆ!
ในขณะเดียวกัน เถาเจิ้นเทียนกำลังขมวดคิ้วและยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ด้วยมีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้หัวข้อในรอบที่สอง ในขณะที่ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ไม่ได้แตะต้องมัน ดังนั้นมันจึงช่วยขจัดความเป็นไปได้ในการโกง แต่เจ้าตัวก็นึกไม่ถึงว่าเฉินซีจะโชคร้ายจนได้หัวข้อที่ยากที่สุดในรอบที่สองไป
ทว่าเขากังวลเล็กน้อยว่าเฉินซีจะสงสัยหรือไม่ …อีกฝ่ายคงกำลังคิดว่าเขาจงใจทำให้ตนเองลำบากโดยใช้วิธีลับเป็นแน่ …หากเป็นเช่นนี้ ตัวเขาก็ถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเข้าแล้ว!
เพราะในบรรดาหนึ่งร้อยหัวข้อเหล่านี้ เก้าสิบเก้าหัวข้อนั้นเขาเป็นคนกำหนด แต่หัวข้อ ‘จิตใจฟุ้งซ่าน’ นี้ เถาเจิ้นเทียนไม่ได้เป็นผู้กำหนด!
เมื่อความคิดของทุกคนในห้องโถงกำลังโลดแล่นอย่างรวดเร็ว เฉินซีก็วางกระดาษลงและเริ่มเคลื่อนไหว
ชายหนุ่มเริ่มเลือกส่วนผสมที่ต้องการ และเขาเลือกเพียงสี่ชนิดเท่านั้น ผลไม้วิญญาณสงบเงียบสีคราม โสมเปลวเพลิงร้อยเท่า วารีหยกจุดทอง และเนื้อกวางวิญญาณหนึ่งชิ้น
หลังจากนั้นก็กลับไปที่เตาและเริ่มเตรียมส่วนผสม
การเคลื่อนไหวของเฉินซีนั้นพิถีพิถัน ว่องไวดั่งสายลม ดุดันดั่งเปลวไฟ นุ่มนวล และมีทักษะ ทำให้กลิ่นอายลึกล้ำแผ่ออกจากทั่วร่างกายของชายหนุ่ม
การเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้ดึงดูดความสนใจจากหลาย ๆ คน
ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างมีสายตาเฉียบแหลมและพัฒนาเต๋าแห่งการปรุงอาหารของพวกเขามานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นทุกคนจึงมองออกได้ในปราดเดียวว่า ทุกสิ่งที่เฉินซีได้เผยออกมาคือความสำเร็จที่บรรลุสู่จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ และมันก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเสแสร้งกันได้
สิ่งนี้ทำให้ความประทับใจของคนส่วนใหญ่ที่มีต่อเฉินซีเปลี่ยนไป อย่างน้อยที่สุด ฝีมือของเฉินซีก็ไม่ได้ด้อยกว่าพ่อครัววิญญาณเจ็ดใบอย่างแท้จริง!
“เขากำลังทำสิ่งใดกัน? เหตุใดเขาจึงเลือกส่วนผสมเพียงสี่อย่างเท่านั้น!?” มีคนพึมพำเบา ๆ และรู้สึกงุนงง
“ผลไม้วิญญาณสงบเงียบสีคราม โสมเปลวเพลิงร้อยเท่า อันหนึ่งหวานเย็น อีกอันเผ็ดร้อน เหมือนน้ำกับไฟ จากการจับคู่ส่วนผสม พวกมันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง …สิ่งนี้ดูจะแย่เล็กน้อย”
“วารีหยกจุดทองมีคุณสมบัติหยินสูงเช่นกัน ในขณะที่เนื้อกวางวิญญาณนั้นมีคุณสมบัติหยางมาก หนึ่งคือหยินและอีกหนึ่งคือหยาง มันมีลักษณะที่ขัดแย้งกันเช่นเดียวกัน ช่างเป็นส่วนผสมที่เข้ากันจริง ๆ …ฮ่า ๆ”
“โอ้ มันแปลกมากจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเห็นว่าทักษะการเตรียมส่วนผสมของเขามีความชำนาญยิ่ง ข้าคงสงสัยจริง ๆ ว่า เขาไม่รู้อันใดเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงอาหาร เพราะจะมีพ่อครัววิญญาณคนใดในโลกจับคู่ส่วนผสมเช่นนี้กัน?”
พ่อครัววิญญาณทุกคนต่างพูดคุยกระซิบกระซาบ ซึ่งทุกคนต่างก็งุนงงกับฉากนี้ และไม่สามารถเข้าใจได้ว่าชายหนุ่มกำลังทำอะไรอยู่
“ทุกคน คงจะดีกว่าที่จะไม่ตัดสินเร็วเกินไป ก่อนอื่นเราควรฟังสิ่งที่ปรมาจารย์ชิวเฟิ่งพูดก่อน” มีคนกล่าวขึ้นก่อนจะป้องมือคำนับไปทางชายชราที่อยู่ด้านข้าง
“โอ้ ใช่แล้ว! ท่านปรมาจารย์ชิวเฟิ่งเป็นผู้มีความรู้มากที่สุดในเต๋าแห่งการปรุงอาหาร ดังนั้นไม่ว่าเฉินซีจะเป็นของจริงหรือไม่ มันย่อมสามารถตัดสินได้จากมุมมองของปรมาจารย์ชิวเฟิ่ง”
ขณะกล่าว ทุกคนก็จ้องมองไปยังชายชรา
ชายชราสวมชุดคลุมสีขาวหลวม ๆ มีผมหงอกและท่าทางคล้ายนักปราชญ์ เขาปฏิเสธอย่างสุภาพเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ในความคิดของข้า การเลือกส่วนผสมของเด็กคนนี้น่าจะผ่านการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ หนึ่งน้ำ หนึ่งไฟ หนึ่งหยิน หนึ่งหยาง และคนที่ไม่รู้เกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงอาหาร จะไม่สามารถเลือกส่วนผสมเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ถ้าตัวข้าเป็นผู้ทำอาหาร สำหรับหัวข้อ ‘จิตใจฟุ้งซ่าน’ ข้าก็คงจะใช้ส่วนผสมทั้งสี่นี้ในทำนองเดียวกัน ข้าแค่ต้องบรรจุหยินไว้ในน้ำ สกัดหยางจากในกองไฟ แล้วปรุงโสมเปลวไฟร้อยเท่ากับเนื้อกวางวิญญาณด้วยไฟแรง ก่อนที่จะปรุงผลไม้วิญญาณสงบเงียบสีครามกับวารีหยกจุดทองด้วยเปลวเพลิงวิญญาณน้ำแข็งยมโลก…”
“ในท้ายที่สุด เนื้อกวางวิญญาณที่ปรุงด้วยโสมเปลวเพลิงร้อยเท่าจะอยู่ตรงกลาง ในขณะที่ผลไม้วิญญาณสงบเงียบสีครามที่ปรุงด้วยวารีหยกจุดทองจะกระจายไปรอบ ๆ เพื่อสร้างปรากฏการณ์เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากน้ำ ในขณะที่หยินสอดประสานกับหยางและพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า รสชาติของมันจะเลิศเลอจนเพียงพอที่จะทำให้จิตใจกระสับกระส่ายจนควบคุมตนเองไม่ได้”
ปรมาจารย์ชิวเฟิ่งกล่าวด้วยความมั่นใจและคล้ายราวกับว่ามันทำง่ายดายนัก ทว่ากลับทำให้พ่อครัววิญญาณที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดมึนงงและกลืนน้ำลายด้วยความชื่นชม ในขณะที่รู้สึกชื่นชมจากใจจริง
ตามที่ปรมาจารย์ชิวเฟิ่งคาดไว้ เขาจัดการกับปัญหาของน้ำและไฟ หยินและหยางที่ขัดแย้งได้ในคำกล่าวไม่กี่คำ และกระทั่งคิดแผนดึงปราณวิญญาณของส่วนผสมทั้งสี่ออกมาจนถึงระดับสูง วิธีการของปรมาจารย์ชิวเฟิ่งนั้นแยบยลเสียจนน่าเหลือเชื่อ!
แม้แต่ผู้อาวุโสของเผ่าเทาเที่ยก็ลอบพยักหน้าเห็นด้วย เพราะวิธีการทำอาหารนี้เป็นแบบดั้งเดิมและลึกล้ำยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...