บทที่ 743 ความลึกล้ำแห่งนิรันดร์
บทที่ 743 ความลึกล้ำแห่งนิรันดร์
ยอมรับความพ่ายแพ้… หรือตาย!
คำพูดเหล่านี้เล็ดลอดผ่านน้ำเสียงเย็นเยือก มันช่างฟังแล้วรู้สึกเฉียบขาด ราวกับห้องโถงนี้กำลังจะกลายเป็นลานประหาร ทำให้หัวใจของผู้คนที่มาร่วมงานกระตุกไหวเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเผยชัดจากคำพูดของเฉินซี
แทบไม่มีใครสงสัยเลยว่าชายหนุ่มจะกล้าทำตามที่พูดหรือไม่!
ใครบางคนตระหนักได้ทันใดว่า ทุกการโจมตีของเฉินซีนั้นล้วนตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ตอนที่ฟางจิ้งเลวี่ยชี้หน้าเฉินซี ชายหนุ่มก็จะบดขยี้ที่มือขวา
ตอนฟานจิ้งเลวี่ยก่นดาสาปส่ง เฉินซีก็จะตบที่หน้าอีกฝ่ายอย่างแรง
แล้วพออีกฝ่ายทำให้ดวงตาของอวิ๋นเยี่ยบาดเจ็บ เฉินซีก็ทำให้ตาของฟางจิ้งเลวี่ยบาดเจ็บเช่นกัน
มาถึงตรงนี้ คำว่า ‘ยอมรับความพ่ายแพ้… หรือตาย!’ ของชายหนุ่มนั้นจึงเป็นเสมือนการสนองกรรมที่ทรงพลังและเด็ดเดี่ยวอย่างมาก เพราะก่อนที่การต่อสู้จะเริ่ม ฟางจิ้งเลวี่ยก็ได้พูดขึ้นอย่างหยิ่งผยองเช่นนี้…
ความอึมครึมแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องโถง
เหตุการณ์ตรงหน้ากลายเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ไม่คาดคิดมาก่อน
บรรดาศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์ล้วนมีสีหน้าตึงเครียด ความพ่ายแพ้อันน่าสังเวชของฟางจิ้งเลวี่ยได้สร้างความอับอายให้แก่พวกเขา!
ในอีกฟากหนึ่ง ศิษย์จากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองกลับมีแต่ความยินดี พวกเขาไม่ได้เยาะเย้ยถากถางอีกฝ่าย เพียงแสดงสีหน้าเปี่ยมสุขและตื่นเต้นออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็ถือเป็นการเย้ยหยันที่ทรงพลังไม่น้อยเช่นกัน ทำให้ศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์ต้องจมอยู่ให้ความขุ่นเคือง!
มีเพียงดวงตากระจ่างใสขององค์หญิงไป๋หลี่เท่านั้นที่จับจ้องไปยังกระบี่สีแดงเลือดในมือของเฉินซี คล้ายว่านางกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
…
บนสังเวียนพินิจกระบี่ ใบหน้าของฟางจิ้งเลวี่ยซีดเซียว ความขุ่นเคืองฉายชัดในดวงตาที่คั่งไปด้วยโลหิต สภาพของเขาในตอนนี้แทบไม่ต่างจากสุนัขอนาถาตัวหนึ่ง ไร้ซึ่งความเป็นยอดฝีมือที่เคยมี!
แม้จะมองไม่เห็นสิ่งใด แต่ดวงตานั้นกลับจับจ้องไปที่เฉินซีและกระบี่สีแดงโลหิตในมือของอีกฝ่าย ฟางจิ้งเลวี่ยในยามนี้มีเพียงโทสะและหวาดกลัวบนใบหน้า
ใครจะคิดมาก่อนว่า ตนเองจะพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่าเช่นนี้ ทั้งที่ใช้สมบัติอมตะซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลอย่างกระบี่เต๋าจักรพรรดนภาแล้ว ….ตัวเขาก็ยังไม่อาจเอาชนะได้!
สีหน้าของฟางจิ้งเลวี่ยเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า ความหยิ่งยโสที่เคยมีจางหายไปจนไม่เหลือดี!
“ข้าจะนับแค่ถึงสาม หากไม่ยอมแพ้ละก็ ข้าจะฆ่าเจ้า!” เสียงของเฉินซีเย็นชาประหนึ่งธารน้ำแข็ง ทำให้ฟางจิ้งเลวี่ยที่ได้ฟังเผลอขดร่างตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุม
“นี่คือการประลอง! ไม่ใช่ลานประหัตประหารกันอย่างเอาเป็นเอาตาย!” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะหยุดมือ ฟางจิ้งเลวี่ยก็พลันตื่นตระหนก จริงอยู่ที่เขาเป็นยอดฝีมือแห่งเขาวิญญาณนิรันดร์ และได้รับการบ่มเพาะมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับไม่เคยได้รับการขัดเกลาจากโลกภายนอกมาก่อน ดังนั้นประสบการณ์ในการใช้ชีวิตของเขาจึงมีไม่ถึงหนึ่งส่วนที่เฉินซีมีด้วยซ้ำ
“หนึ่ง!” ชายหนุ่มไม่ได้แยแสกับคำพูดของอีกฝ่าย เสียงของเขาก้องสะท้อนไม่ต่างจากกลองที่ลั่นยามประหารนักโทษ สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนโดยรอบ
เดิมที มีคนหวังว่าเฉินซีจะปล่อยฟางจิ้งเลวี่ยไปเพื่อให้เขาวิญญาณนิรันดร์ไม่เสียหน้าจนเกินไป แต่เมื่อได้เห็นภาพนี้ พวกเขาพลันตระหนักได้ทันทีว่าตนเองนั้นไร้เดียงสาเพียงใด ชายที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้เป็นเพียงฆาตกรที่ไร้ความรู้สึกเท่านั้น!!
ในตอนนั้นเอง ความหวาดหวั่นได้กลืนกินจิตใจของฟางจิ้งเลวี่ยจนพานให้ร่างกายหนาวสะท้าน มันคืบคลานเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย มือและเท้าของเขาเย็นเฉียบดังน้ำแข็ง ตัวคนทำได้แค่ส่งเสียงร้องอย่างไร้จุดหมาย “มันจะเกินไปแล้ว! เจ้าทำเกินไปแล้ว! เจ้าคิดจะสร้างความบาดหมางระหว่างเขาวิญญาณนิรันดร์กับนิกายเก้ากระบี่เรืองรองอย่างนั้นรึ!?”
“สอง!” แม้แต่องค์หญิงไป๋หลี่ก็ไม่อาจรักษาความสุขุมไว้ได้อีก คิ้วของนางขมวดแน่นด้วยความโกรธ ในขณะที่ภายในดวงตามีเพียงม่านหมอกอึมครึม
“ผู้อาวุโสเลี่ยเผิง นี่เป็นแค่การประลองเล็กน้อยเท่านั้น ศิษย์นิกายกระบี่เก้าเรืองรองผู้นี้ของท่านไม่ทำเกินไปหน่อยหรือไร?!” นางพูดเสียงเรียบ ๆ
“การประลองมีแพ้มีชนะ ทูลองค์หญิง ในเมื่อศิษย์น้องผู้นั้นของพระองค์ไม่เต็มใจจะยอมรับความพ่ายแพ้ นั่นก็เท่ากับว่าเขายังคงต้องการที่จะสู้ต่อ กระหม่อม… ก็จนปัญญาพ่ะย่ะค่ะ” เลี่ยเผิงยักไหล่คล้ายไม่รู้ต้องทำเช่นไร ผิดกับในใจที่รู้สึกปีติยินดี
การกระทำของเฉินซีช่วยให้ชายชราได้ระบายความคับข้องที่มีอยู่ในใจ และหากไม่มีหัวโขนที่สวมใส่อยู่ในตอนนี้ เลี่ยเผิงก็ไม่ต้องการอะไรมากกว่าการได้ปรบมือและส่งเสียงกู่ร้องเพื่อชื่นชมเฉินซี!
เจ้าหนุ่มนี่ช่างเป็นศิษย์ที่โดดเด่นนัก ในอนาคตเขาต้องได้รับการสนับสนุนมากมายเป็นแน่!
องค์หญิงไป๋หลี่ชะงักงันไปครู่หนึ่ง นางไม่คาดคิดว่าเลี่ยเผิงจะตอบสนองเช่นนี้ หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น รู้ดีว่าหากตนยังลังเล ชีวิตของฟางจิ้งเลวี่ยก็จะต้องอยู่ในอันตราย ดังนั้นนางจึงตัดสินใจพูดขึ้น “ศิษย์น้องฟาง จงยอมรับความพ่ายแพ้เสีย ใช้ความอัปยศอดสูที่เกิดขึ้นนี้เป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตนเองซะ”
ฟางจิ้งเลวี่ตกตะลึง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีอีกครั้ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอดสู และพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง “ข้า…ข้า…ยอมแพ้!” คำพูดช่วงสุดท้ายแทบจะลอดผ่านไรฟันที่ขบกันแน่น มันเผยให้เห็นถึงความขุ่นเคืองที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ
ราวกับเฉินซีคาดหวังถึงเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เขาจึงยกขาขึ้นเตะฟางจิ้งเลวี่ยลงไปจากสังเวียนทันที
ตุ้บ!
ศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์ต่างกรูกันเข้าไปรับตัวฟางจิ้งเลวี่ย เห็นได้ชัดว่าสถานะของคนผู้นี้นั้นค่อนข้างสำคัญทีเดียว
หลังทุกอย่างเสร็จสิ้น เฉินซีพลันหมุนตัวกลับด้วยความตั้งใจที่จะออกจากสังเวียน แต่ทันใดนั้น เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นเสียก่อน “ช้าก่อน! ข้าจะประลองกับเจ้า!”
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อยับยั้งจิตสังหารเอาไว้
ชายหนุ่มจับจ้องไปที่กระบี่สีแดงเลือดในมือ มันกำลังส่องประกายอันเยือกเย็น ขณะที่บริเวณด้ามกระบี่สลักตัวอักษร ‘จู’ ที่หมายถึงการสังหารไว้จาง ๆ …เพราะด้วยความเก่าแก่ จึงทำให้ตัวอักษรนี้เลือนหายไปเกือบครึ่งแล้ว
กระนั้น ในระหว่างต่อสู้ เฉินซีก็รู้แล้วว่ากระบี่ที่ตนถืออยู่นี้คือ ‘กระบี่ต้องห้ามสังหารปราชญ์’ สุดยอดกระบี่ต้องห้ามที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...