บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 744

บทที่ 744 เจ้ามันไม่จำเป็น!

บทที่ 744 เจ้ามันไม่จำเป็น!

ณ โถงพินิจกระบี่

ทันทีที่ความลึกล้ำจากมหาเต๋านิรันดร์ของลู่ผิงปรากฏขึ้น มันก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงในทันที

แม้แต่ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลแทนเฉินซีเล็กน้อย เพราะเขาสามารถบอกได้เลยว่าลู่ผิงผู้นี้ต้องเป็นตัวตนสำคัญในหมู่ศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์ และอีกฝ่ายอาจจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้อยู่ภายใต้คำสั่งขององค์หญิงไป๋หลี่!

คนประเภทนี้น่ากลัวและน่าเกรงขามกว่าฟางจิ้งเลวี่ยที่ครอบครองกายาเบญจธาตุเสียอีก!!

และพร้อมกับการลงมือของลู่ผิงบนสังเวียนพินิจกระบี่ ศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์ก็ราวกับได้กินยากระตุ้นเข้าไป ความมั่นใจเผยชัดบนใบหน้า ท่วงท่าดูผ่อนคลาย และถึงขั้นยืนกอดอกเย้ยหยันอย่างสบายอารมณ์!

ในเขาวิญญาณนิรันดร์ ลู่ผิงถือเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เข้าใจในความลึกล้ำของความเป็นนิรันดร์ และเขายังเป็นผู้ติดตามอันดับหนึ่งขององค์หญิงไป๋หลี่ที่ถูกพามายังโลกภายนอกอีกด้วย

ตามที่ผู้อาวุโสของเขาวิญญาณนิรันดร์กล่าวไว้ พรสวรรค์ของลู่ผิงนั้นนับว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์จากสิบนิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่และหกนิกายอสูร นอกจากนั้นเขายังเป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุด และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งพอจะกวาดล้างอัจฉริยะรุ่นเยาว์เกือบทั้งหมดในแดนภวังค์ทมิฬได้!

ไม่ว่าเฉินซีคนนี้จะน่าทึ่งมากแค่ไหน แต่เขาจะมาเทียบชั้นศิษย์พี่ลู่ผิงได้อย่างไร?

ดังนั้นสีหน้าของศิษย์จากเขาวิญญาณนิรันดร์จึงเต็มไปด้วยความมั่นใจและความคาดหวังต่อลู่ผิง

“มาเริ่มกันเถอะ” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดอย่างไม่ใส่ใจ

เวลาผ่านไปค่อนข้างนานแล้วตั้งแต่เขาเข้ามาในโถงพินิจกระบี่ และแม้ว่าจะไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคนอื่น ๆ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงกังวลว่าหลังจากได้ยินข่าวการกลับมาของเขา เยว่ฉือจะลงมือเคลื่อนไหว

ดังนั้นชายหนุ่มจึงตั้งใจจะยุติการต่อสู้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะออกจากโถงพินิจกระบี่ และพุ่งตรงกลับไปยังยอดเขาสัประยุทธ์!

ทว่าทันใดนั้นก็เกิดเสียงพึมพำดังก้องขึ้น พร้อมกับแสงสีทองนับไม่ถ้วนปรากฏออกมาจากนอกโถงพินิจกระบี่ จากนั้นเงาร่างเลือนรางพลันก้าวออกมาจากภายในรัศมีสีทองนั้น

“ความลึกล้ำของความเป็นนิรันดร์? ดีมาก! มีเพียงคู่ต่อสู้เช่นนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับข้า เสิ่นหลางหยาผู้นี้” สิ้นเสียงกล่าว เงาร่างเลือนรางที่ว่าก็หายไป ก่อนจะขึ้นไปอยู่บนสังเวียนพินิจกระบี่

นี่คือชายหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างยิ่ง เขามีผิวขาวผ่อง ตัดกับเสื้อคลุมนักพรตสีม่วงเข้ม ขณะที่บริเวณเอวคาดเข็มขัดชั้นดีซึ่งทำจากโลหะอ่อนที่ฝังด้วยไข่มุก ท่วงท่าที่สง่างาม ดวงตาที่กระจ่างใสราวกับรวบรวมรัศมีทั้งหมดของโลกเอาไว้ในตัวเองของคนผู้นี้ ทำให้กลิ่นอายของเขาประหนึ่งม่านหมอกไร้ตัวตนจนยากจะหยั่งรู้ได้!

“เสิ่นหลางหยา!”

“เป็นศิษย์พี่เสิ่นหลางหยาจริง ๆ!”

“เขาไม่ได้อยู่ระหว่างการปิดประตูบ่มเพาะหรือไร? เหตุใดเขาถึงมาปรากฏตัวเอาตอนนี้? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับโถงพินิจกระบี่ จึงกระตุ้นความสนใจของเจ้าตัวให้มายังที่นี่?”

สายตาของฉางเล่อ หลงเจิ้นเป่ย ลั่วเชี่ยนหรงและคนอื่น ๆ ภายในห้องโถงต่างสว่างวาบ พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปยังร่างที่สูงส่งราวกับเซียนด้วยความชื่นชม

แม้แต่ผู้อาวุโสเลี่ยเผิง และผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเองก็ยังตกตะลึง เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันแสดงความประหลาดใจที่ดูยินดีออกมา

แท้จริงแล้ว คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสิ่นหลางหยา ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะศิษย์อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้มีโชคลาภอันยิ่งใหญ่และความตั้งใจอันแกร่งกล้าที่มักจะครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ชั้นยอดของยอดเขาจรัสเทวะ!

เขามาจากตระกูลเสิ่นอันเก่าแก่และยิ่งใหญ่

…และตลอดสามสิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่เป็นศิษย์ชั้นยอดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ก็ไม่มีใครในเหล่าศิษย์ชั้นยอดที่สามารถสั่นคลอนตำแหน่งของคนผู้นี้ได้เลย ต่อหน้าเขา ศิษย์คนอื่น ๆ ล้วนถูกทิ้งให้อยู่ในเงา

เขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่เหมือนใครเพียงผู้เดียวที่คู่ควรกับยอดเขาจรัสเทวะอย่างแท้จริง!

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวปรากฏตัวในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้อย่างกะทันหัน ทุกคนจากเขาวิญญาณนิรันดร์ล้วนตกตะลึงและไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อพวกเขามองดูเสิ่นหลางหยาอย่างระมัดระวัง ความไม่พอใจบนใบหน้าของทุกคนก็ค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความจริงจังแทน

แข็งแกร่งมาก!

นี่คือมุมมองทั่วไปของศิษย์จากเขาวิญญาณนิรันดร์

ดวงตากระจ่างชัดขององค์หญิงไป๋หลี่ที่จดจ่ออยู่ฉายแววประหลาดใจ ราวกับว่านางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นตัวตนเช่นนี้ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง

ขณะที่ทางฝั่งเฉินซีขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรและเพียงเฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ

“ข้ามาสาย เพราะข้าอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการปิดประตูบ่มเพาะ และในที่สุดข้าก็ฝ่าฟันจนได้ความแข็งแกร่งในการทวีพลังถึงเก้าเท่ามาแล้ว!” เสิ่นหลางหยาประสานมือคำนับกล่าวกับผู้อาวุโสเลี่ยเผิงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไป

น้ำเสียงที่ทุ้มและชัดเจน ทั้งยังมีเสน่ห์และความมั่นใจที่ไม่เหมือนใครของเขา ทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อถืออย่างไร้สาเหตุ

พลังการต่อสู้เก้าเท่า!

ฉางเล่อ หลงเจิ้นเป่ย ลั่วเชี่ยนหรงและคนอื่น ๆ ตกใจเป็นอย่างมาก เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ศิษย์พี่เสิ่นหลางหยาก็ทะลวงผ่านได้อีกครั้งแล้วอย่างนั้นหรือ?

แม้แต่สีหน้าขององค์หญิงไป๋หลี่กับคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ถึงเก้าเท่า ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ เขาอยู่ห่างจากการเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาระดับสูงอีกแค่ก้าวเดียว!

ระดับสูงที่หมายความว่าไม่มีใครเทียบได้ในหมู่ผู้บ่มเพาะระดับเดียวกัน!

แม้แต่ในเขาวิญญาณนิรันดร์ คนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงที่สุดแล้ว…

“ดี ดี ดี! เสิ่นหลางหยา ในที่สุดเจ้าก็ทะลวงผ่าน! ยินดีด้วย! ข้าจะแจ้งให้ประมุขนิกายทราบทันที เมื่อเราเสร็จเรื่องนี้แล้ว เราจะมอบรางวัลมากมายให้แก่เจ้าแน่นอน!” ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงลูบเคราในขณะที่เขายิ้มด้วยความยินดี

ขณะที่เสิ่นหลางหยายิ้มเบา ๆ ด้วยสีหน้าไร้กังวล และในอึดใจต่อมา สายตาของเจ้าตัวพลันมองข้ามหัวเฉินซี ตรงไปยังลู่ผิงที่ยืนอยู่อีกฝั่ง “ข้าจะเป็นคู่มือในรอบนี้ให้เอง!”

ทว่าท่าทางของเฉินซีกลับยังคงสงบนิ่งไร้การเปลี่ยนแปลง…

สิ่งนี้ทำให้เสิ่นหลางหยาตะลึงไปเล็กน้อย ร่องรอยความไม่พอใจฉายอยู่ในแววตา เขาส่ายหัวก่อนจะจับจ้องไปที่ชายหนุ่มชัด ๆ และพูดอย่างเฉยเมย “ศิษย์น้องเฉินซี เจ้าถอยกลับไปเสีย ปล่อยให้ข้าจัดการต่อเอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]