บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 749

บทที่ 749 ข้าจะพาท่านไปเข่นฆ่าเหล่าโจรชั่ว

บทที่ 749 ข้าจะพาท่านไปเข่นฆ่าเหล่าโจรชั่ว

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พลางระงับความรู้สึกต่าง ๆ ในใจของเขา ก่อนจะถามว่า “ผู้อาวุโส บิดาของข้าจากไปแล้วจริงหรือ?”

ชายชราพยักหน้า “เขาเพิ่งจากไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สาเหตุที่หัวถิงไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนกเพื่อร่วมฉลองวันเกิด อันที่จริงก็เพื่อจุดประสงค์นี้เช่นกัน”

หัวถิงย่อมหมายถึงเวินหัวถิง ผู้เป็นประมุขของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง และเฉินซีก็ได้ค้นทราบก่อนหน้านี้ว่า นอกจากประมุขนิกายเวินหัวถิงแล้ว ประมุขนิกายของอีกเก้านิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่และหกนิกายอสูรก็ไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนกเพื่อร่วมฉลองวันเกิดในครั้งนี้ด้วย

ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มสงสัยว่าเป็นผู้ใดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนกที่มีหน้าตาใหญ่โตถึงขั้นที่บรรดาประมุขของกองกำลังที่ไม่ธรรมดาจะต้องไปร่วมฉลองวันเกิดของเขา และนี่คือเหตุผลที่แท้จริง!

แม้จะเป็นการร่วมงานฉลองวันเกิดเพียงผิวเผิน แต่แท้จริงแล้วก็เพื่อบิดาของเขา!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะถาม แต่ดวงตากลับจ้องมองอย่างว่างเปล่า “เหตุใดทุกคนถึงต้องกระทำเช่นนี้?”

ชายชราถอนหายใจ ความซับซ้อนปรากฏบนใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอย “เพื่อตอบแทนบุญคุณ หลายปีที่ผ่านมา มีคนมากมายที่เป็นหนี้บุญคุณบิดาของเจ้า ที่หัวถิงและคนอื่น ๆ รุดไปในครั้งนี้ ก็เพื่อรวมพลังของทุกคนเพื่อช่วยบิดาของเจ้าเปิดทางเดินนั้น”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ชายชราพลันถอนหายใจออกมา “ยิ่งบ่มเพาะสูงขึ้นเท่าใด คนยิ่งหวาดกลัวต่อห่วงกรรมมากขึ้นเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่พวกเขาไปครั้งนี้ก็เพื่อยุติห่วงกรรมนี้”

เฉินซีนิ่งเงียบไป สิ่งที่เกี่ยวข้องกับห่วงกรรม โชคชะตา และชะตากรรมนั้นยากจะเข้าใจ ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจกับมันสักเท่าใด ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวสิ่งเหล่านี้

“ด้วยเหตุนี้ ข้าจะพบกับบิดาของข้าได้ก็ต้องไปที่ภพเซียนเท่านั้นหรือ?” เฉินซีไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้เล็กน้อย “ถ้าข้ากลับไปที่นิกายก่อนหน้านี้สักสองสามวัน ข้าจะสามารถไปหาบิดาของข้าพร้อมกับประมุขนิกายได้หรือไม่?”

“ถูกต้อง” ชายชราพยักหน้า “แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้าไม่ควรออกไปข้างนอกในอนาคตอันใกล้ และจะดีกว่าถ้าเจ้าอยู่ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ทำการบ่มเพาะอย่างสงบสุข”

เฉินซีตกตะลึง และสังเกตเห็นร่องรอยความผิดปกติ

จนกระทั่งตอนที่ออกจากยอดเขาสัประยุทธ์ เขายังคงครุ่นคิดว่า เหตุใดชายชราถึงบอกเรื่องทั้งหมดนี้ และทำไมชายชราถึงกำชับไม่ให้เขาเดินทางออกจากนิกาย…

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าภัยพิบัติบางอย่างกำลังรอข้าอยู่ในโลกภายนอก?”

เฉินซีส่ายศีรษะ ทิ้งความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดในหัวไป

สิ่งเหล่านี้ซับซ้อนเกินไป และยิ่งเขาคิดมากก็ยิ่งสับสนมาก ดังนั้นควรเลิกคิดเรื่องนี้เสียดีกว่า เพราะบางทีคงมีแต่ต้องเผชิญกับมันตรง ๆ เท่านั้น ชายหนุ่มจึงจะสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้

ณ ยอดเขาจรัสตะวันตก

เมื่อเฉินซีนำเหมิงเหวย โม่ย่า และเด็ก ๆ มาที่นี่ สถานที่แห่งนี้กลับรกร้างและเงียบสงัดจนน่าขนลุก มันไร้ซึ่งกลิ่นอายของความชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิง

อากาศปราศจากเสียงเคร้งคร้างของหั่วโม่เลยที่กำลังตีโลหะ

…ปราศจากเสียงธรรมชาติของเครื่องดนตรีที่หลูเซิงเล่น

…ปราศจากเสียงที่ใสกระจ่างของเม็ดหมากที่วางบนกระดาน

…ปราศจากเสียงความพึงพอใจของต้วนอี้ ในขณะที่เขาชี้พู่กันเพื่อขีดเขียน และปราศจากความสุขของศิษย์พี่ห้ายามนางวาดภาพ…

มันรกร้างว่างเปล่าเหลือเกิน…

เฉินซีนิ่งเงียบขณะที่เดินขึ้นบันไดทีละขั้น ตลอดเส้นทาง ชายหนุ่มได้เห็นทุ่งเพาะปลูกทุ่งแล้วทุ่งเล่าที่ถูกทำลาย ที่พำนักแห่งแล้วแห่งเล่าที่ถูกปล้นสะดม โอสถวิญญาณ สินแร่ สัตว์ปีกอันล้ำค่า สัตว์ร้ายต่าง ๆ …ทุกสิ่งเผยให้เห็นถึงความเสื่อมถอยและทรุดโทรม

ยิ่งเดินต่อไปมากเท่าใด สีหน้าของเฉินซีก็ยิ่งสงบลงเท่านั้น ซึ่งความสงบของชายหนุ่มก็เผยให้เห็นความเฉยเมยและจิตสังหาร ในขณะที่เปลวเพลิงแห่งความโกรธกำลังก่อตัว พลุ่งพล่าน และขดตัวอยู่ภายในดวงตาของชายหนุ่มอย่างเงียบ ๆ

เหมิงเหวยกับโม่ย่าต่างก็มองหน้ากัน เมื่อพวกเขารู้สึกถึงความไม่ปกติในอารมณ์ของเฉินซี

พวกเด็ก ๆ เองก็ต่างหยุดสนทนาและปิดปากสนิท ขณะเดินตามหลังชายหนุ่มอย่างเงียบ ๆ

แม้แต่อาซิ่วก็สงวนท่าที และเดินติดตามไปอย่างเงียบ ๆ ที่ด้านหลังของกลุ่ม ชุดสีเขียวของนางพลิ้วพัดพร้อมกับผมอันงดงามราวกับน้ำตกของนาง มันทำให้หญิงสาวดูเหมือนนางฟ้าที่เคลื่อนไหวท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย เงียบสงบและงดงาม!

“นับจากนี้ไป ที่นี่จะเป็นที่อยู่อาศัยของพวกเจ้าทุกคน”

เฉินซียืนอยู่ที่ริมสระชำระกระบี่ ในขณะที่กล่าวช้า ๆ “ข้าหวังว่าทุกคนจะถือว่าสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของตัวเอง และทุ่มเทบ่มเพาะได้อย่างสบายใจ อย่าทำให้ความหวังของท่านนักบวชต้องผิดหวัง และอย่าปล่อยให้เผ่านรกขุมที่เก้าต้องตกต่ำลง!”

สีหน้าของทุกคนดูเคร่งขรึม ในขณะที่พวกเขาจ้องมองอย่างแน่วแน่ไม่ลดละ

พวกเขาได้สัมผัสกับโลกใบใหญ่ที่หรูหราและพร่างพราวตลอดทางตั้งแต่ออกจากนรกขุมที่เก้า รวมถึงยังสัมผัสได้เช่นกันว่าสถานที่แห่งนี้โหดร้ายและนองเลือดเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่เผ่านรกขุมที่เก้าเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป…

ความเมตตากับความซื่อสัตย์ของพวกเขาจะถูกสงวนไว้สำหรับคนในเผ่าและเฉินซี! แต่เมื่อต้องรับมือกับศัตรู พวกเขาจะกลายเป็นนักรบที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานี!

เฉินซีไม่ได้กล่าวอะไรอีก หลังจากที่เขาสั่งให้เหมิงเหวยกับโม่ย่าช่วยจัดที่อยู่อาศัยให้กับพวกเด็ก ๆ รวมถึงขอให้อาซิ่วดูแลเสวี่ยเหยียนอย่างดี แล้วเขาก็จากไปพร้อมกับหั่วโม่เลย

อาการบาดเจ็บของหั่วโม่เลยนั้นทรงตัวแล้ว แต่ต้องใช้เวลารักษาอยู่อีกนานพอสมควร

ศิษย์พี่ผู้นี้ได้ตื่นจากการหลับใหลตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวขึ้นไปบนยอดเขาจรัสตะวันตก และดวงตาของอีกฝ่ายก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เมื่อเห็นว่ายอดเขาจรัสตะวันตกนั้นรกร้างและเปล่าเปลี่ยวเพียงใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]