บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 77

บทที่ 77 ราชามังกรทมิฬ
บทที่ 77 ราชามังกรทมิฬ

หมอกหนาทึบปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าราวกับค่ำคืนอันมืดมิด

ญาณตระหนักรู้ของเฉินซีสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้เพียง 132 จั้งเท่านั้น หากเกินไปกว่านี้จะทำให้ญาณตระหนักรู้ของเขาถูกสะท้อนกลับด้วยพลังอันไร้รูปร่าง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาต้องระมัดระวังยิ่งขึ้น

กล่าวอย่างสั้นก็คือ ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นจากแผ่นยันต์อักขระจำนวนมากซึ่งสลักด้วยอักขระอันซับซ้อน อีกทั้งยังประสานกันและกันจากระยะไกล ค่ายกลประเภทนี้ราวกับถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของโลกและเปี่ยมไปด้วยพลังของเคล็ดวิชา

เฉินซีได้สร้างแผ่นยันต์อักขระตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นความเข้าใจของเขาจึงสูงมากเช่นกัน ทว่าแผ่นยันต์อักขระที่เขาสร้างขึ้นล้วนแต่เป็นยันต์พื้นฐานทั่วไป ดังนั้น เมื่อต้องเผชิญกับค่ายกลวงกตพันมายาที่อยู่เบื้องหน้าเขา เขาจึงไม่อาจกระทำสิ่งใดได้

แม้ว่าเขาจะไม่อาจทำลายค่ายกลเบื้องหน้าเขาได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ยังสามารถแยกแยะได้ว่าสมบัติวิเศษที่ใช้เป็นรากฐานของค่ายกลทั้งหมดควรจะต้องเป็นสมบัติวิเศษชั้นยอด และมีเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลเท่านั้นถึงจะทำสัญญาและควบคุมสมบัติวิเศษเหล่านี้ได้!

“เห็นได้ชัดว่านี่เป็นค่ายกลชั้นยอด มันช่างน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน เป็นไปได้ไหมว่าจะมีปรมาจารย์แห่งค่ายกลยันต์อักขระชาวอสูรอาศัยอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนทางตอนใต้?” เฉินซีรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

แม้ว่าค่ายกลที่ยิ่งใหญ่เบื้องหน้าเขาจะเป็นเพียงค่ายกลเขาวงกตลวงตา ใครจะรู้ว่าเจตนาฆ่าถูกซ่อนอยู่ไว้ภายในหรือไม่? ในขณะนี้ เห็นได้ชัดว่าค่ายกลขนาดใหญ่ยังไม่ได้เปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ มิฉะนั้น เขาจะไม่ได้รับความกดดันอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างแน่นอน

“ข้าต้องทำลายค่ายกล!”

“ถ้าข้ารอให้ค่ายกลถูกเปิดใช้งานเต็มที่ สถานการณ์ของข้าจะเป็นอันตรายอย่างแน่นอน!”

เวลาใกล้จะหมดลง เฉินซีควบคุมญาณตระหนักรู้อันทรงพลังราวกับหนวดมากมายแผ่กระจายออกไปยังทุกทิศทาง โชคดีที่รากฐานของเขาในเต๋าแห่งยันต์อักขระแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และความเข้าใจเต๋าแห่งยันต์อักขระของเขาก็ยังน่าทึ่ง มิฉะนั้น เขาคงมิอาจหลุดพ้นจากขอบเขตซ่อนดาราได้ ในเวลานี้ เมื่อจิตใจสงบลงและหยั่งรู้ถึงมัน เขาก็สังเกตได้ถึงความลึกล้ำที่ซ่อนอยู่ราวกับกำลังปอกรังไหม และทำให้เขาได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งค่ายกลอย่างมหาศาล

“หืม?” เฉินซีรู้สึกว่าใจของเขากำลังเต้นระรัว

ในขณะนี้ เสียงคำรามอันแผ่วเบาดังก้องกังวานไปทั่วค่ายกลอันยิ่งใหญ่ “เด็ก ๆ ไป! ฆ่าชายหนุ่มผู้นั้นซะ!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

พร้อมกับเสียงตะโกนกระหายโลหิตอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้น หมอกที่อยู่ไกลออกไปก็แยกจากตรงกลางราวกับประตูที่ถูกเปิดออก จากนั้นฝูงอสูรก็หลั่งไหลเข้ามาดั่งกระแสน้ำ

อสูรหมาป่าที่ถือสามง่ามคู่ อสูรหมีที่ถือกระบองเหล็ก อสูรค้างคาวที่มีปีกบนหลังของพวกมัน… พวกมันคำรามลั่นและพุ่งเข้าหาเฉินซีด้วยความบ้าคลั่งและดุร้าย

เมื่อเห็นสิ่งนี้เฉินซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแทน สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาอสูรเหล่านี้ มีการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตก่อกำเนิดเท่านั้น แต่เขาก็ยังไม่กล้าประมาท เนื่องจากพวกมันมีจำนวนมากมายเหลือเกิน

แม้ว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลจะสามารถกวาดล้างผู้บ่มเพาะขอบเขตก่อกำเนิดได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อถูกล้อมรอบด้วยกองทัพที่ทรงพลัง และโดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถบินหลบหนีขึ้นไปบนอากาศได้ คงไม่มีผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลคนใดที่กล้ารับประกันว่าจะสามารถทำลายล้างศัตรูทั้งหมดได้เพียงลำพัง การโจมตีนั้นสามารถมาจากทั่วทุกทิศทาง และการถูกลอบโจมตีด้วยเล่ห์กลสกปรกก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เฉินซีสามารถบดขยี้ศัตรูที่มีการบ่มเพาะในระดับเดียวกันตั้งแต่เขาอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิด ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่เขาได้ก้าวไปสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิล การฝึกฝนของเขาในเต๋าแห่งยุทธ์ได้บรรลุถึงขั้นเต๋าแห่งการรู้แจ้งแล้ว เขาจึงไม่เกรงกลัวกลยุทธ์ที่ใช้จำนวนเข้าข่มเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ

ฟิ้ว!

เหมือนมังกรที่แหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทร ดั่งนกกระเรียนวิญญาณเหินกลับรัง ร่างของเฉินซีราวกับลมกระโชกยามที่เขาจู่โจมไปยังสัตว์อสูรเหล่านั้น

ฉึก!

เฉินซีแทงเกล็ดของอสูรมัจจาผู้มีผมสีฟ้าด้วยกระบี่ของเขา จนทำให้หัวใจของมันเป็นรู ร่างของเฉินซีพลิ้วไหวไปมาเพื่อหลบหลีกสัตว์อสูรบางตัวที่คอยลอบจู่โจมเขา ก่อนที่จะฟันออกไปยังด้านหลังและคอของอสูรอีกห้าตัวก็ถูกตัดออก โลหิตพวยพุ่งประหนึ่งเสาโลหิตอันน่าสยดสยอง

ฟัน!

ตาย!

หลบ!

ฟันอีกครั้ง!

เฉินซีพุ่งทะยานเข้าใส่ฝูงอสูร ร่างของเขาราวกับลมกระโชกที่รุนแรง เขาฟาดฟันกระบี่ไผ่ทองคำนิลเป็นระวิงด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ยิ่งออกกระบวนท่าเขาก็ยิ่งแม่นยำและว่องไวยิ่งขึ้น เมื่อเขาอาละวาดท่ามกลางฝูงอสูร ก็สามารถตัดผ่านขบวนของพวกมันได้อย่างง่ายดาย

เขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยและไม่กล้าหยุดแม้เสี้ยวอึดใจ เขาเคลื่อนไหวไปรอบ ๆ ด้วยสัญชาตญาณราวกับเป็นปลาไหลที่พุ่งเข้าใส่ฝูงปลาซาร์ดีน ทำให้สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ของการต่อสู้กลายเป็นโกลาหลและพึ่งพาโอกาสนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรุมล้อม

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีการลอบโจมตีที่เป็นดั่งงูพิษกำลังเฝ้ารอโอกาสจากด้านข้างและจู่โจมเฉินซีอย่างแม่นยำ โชคดีที่การขัดเกลาร่างกายของเขาอยู่ที่ขอบเขตก่อกำเนิดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แต่ประสาทของเฉินซีก็ยังตึงเครียดยิ่งขึ้น

การต่อสู้ที่ขัดเกลาผู้บ่มเพาะได้มากที่สุด คือการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในสนามรบอย่างไม่ต้องสงสัย ยามต้องเผชิญหน้ากับกองทัพอันทรงพลังที่เต็มไปด้วยดาบและกระบี่เพียงลำพัง มันคือบททดสอบสำหรับความกล้าหาญ สติปัญญา และความแข็งแกร่ง!

ปุ! ปุ! ปุ!

โลหิตจำนวนมากพุ่งออกมาอย่างรุนแรง มันสาดกระเซ็นทั่วและกลิ่นคาวคลุ้งของโลหิตก็อบอวลอยู่ในบริเวณนั้น ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!

เสียงร้องโหยหวนที่น่าสังเวชราวกับภูตผีคร่ำครวญเพิ่มจำนวนขึ้น มันเป็นสัตว์อสูรอีกตัวหนึ่งที่ล้มตายภายใต้คมกระบี่ของเฉินซี ทุกครั้งที่สัตว์อสูรถูกแทงจนตายด้วยกระบี่ของเขา จิตสังหารของชายหนุ่มจะยิ่งรุนแรงและแหลมคมยิ่งขึ้น ราวกับกระบี่ล้ำค่าที่ถูกขัดเกลาผ่านโลหิต

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]