บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 781

บทที่ 781 เทียบอันดับวายร้าย

บทที่ 781 เทียบอันดับวายร้าย

ทารกเกิดแล้ว!

ดวงตาของทารกตนนี้ปิดแน่น ในขณะที่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ ผิวของทารกขาวและอ่อนโยน ทำให้มันดูบริสุทธิ์ไร้ที่ติ กลิ่นอายแห่งเต๋าขดตัวอยู่รอบ ๆ ตัวมัน พร้อมกับเปล่งแสงแวววาวออกมา

ทันทีที่เฉินซีกวาดสายตามอง เด็กทารกพลันลืมตาขึ้น สายตาของพวกเขาประสานกันกลางอากาศ ก่อนที่ความเชื่อมโยงอันแปลกประหลาดและอธิบายไม่ได้ จะก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขาทันที

ขั้นตอนการเสริมสร้างปราณแท้และหล่อหลอมจิตวิญญาณสำเร็จแล้ว!

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นจึงรีบใช้เคล็ดวิชาจินตภาพด้วยแก่นวิญญาณทั้งสองของเขาทันทีที่เป็นไปได้

โอม!

ภายในจิตสำนึกของเฉินซี แก่นวิญญาณของชายหนุ่มที่มีขนาดเล็กกว่ามากกำลังนั่งขัดสมาธิ ในขณะที่รูปปั้นมหึมาของเทพเจ้าฝูซีพลันบังเกิดเสียงดังก้องอยู่ในท้องฟ้า มันเป็นรูปปั้นที่สูงถึงสิบห้าลี้ เปล่งกลิ่นอายอันเก่าแก่และกว้างใหญ่ ราวกับจะระงับเวลา ก้าวข้ามหกวิถีสังสารวัฏ และตั้งตระหง่านอยู่เหนือมหาเต๋า ซึ่งเป็นอิสระชั่วนิจนิรันดร์!

แก่นวิญญาณของเขาอาบอยู่ใต้แสงศักดิ์สิทธิ์อันอบอุ่นที่เล็ดลอดออกมาจากรูปปั้นเทพเจ้าฝูซี มันเริ่มมีความมั่นคงและฟื้นตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ในขณะที่ภายในร่างกายของทารกนั้น…

แก่นวิญญาณกำลังจินตภาพถึงรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีเช่นกัน และมันก็เปล่งแสงที่ไร้ขอบเขตออกมา

แก่นวิญญาณทั้งสองที่แยกออกจากกัน ต่างทำความเข้าใจในรูปปั้นเทพเจ้าฝูซี พวกมันเติบโตและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของแก่นวิญญาณเหล่านี้ ก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนกับก้อนหิมะ

กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปตลอดทั้งเดือน

เมื่อเฉินซีลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าทารกได้กลายร่างเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมนักพรตเต๋าสีเหลืองอมส้ม มีผมยาวประบ่า มีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ มีคิ้วสีดำสนิทดุจน้ำหมึก และรูปทรงเหมือนกระบี่ อีกทั้งร่างกายยังเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายแห่งเต๋า ทำให้ดูไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคืออีกฝ่ายเป็นเฉินซีอีกคน!

“ในที่สุดก็สำเร็จ แก่นวิญญาณร่างหลักของข้าฟื้นตัวประมาณเจ็ดส่วน และต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์…” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะเข้าสู่การทำสมาธิอีกครั้ง

“โอ้ ขอบเขตก่อกำเนิด” เฉินซีที่สวมเสื้อคลุมนักพรตเต๋าสีเหลืองอมส้มยืนขึ้นแทน จากนั้นก็จ้องมองไปที่ร่างหลัก ก่อนที่ความรู้สึกคุ้นเคยแปลก ๆ จะพุ่งเข้าสู่หัวใจของเขา

ร่างหลักและร่างอวตารอาจกล่าวได้ว่ามีความทรงจำที่คล้ายกัน พวกมันสามารถแบ่งปันประสบการณ์ในการบ่มเพาะและความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้ง แต่พวกมันมีอิสระแยกออกจากกัน เป็นเหมือนชีวิตที่สอง

ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ ร่างอวตารจะไม่สามารถสืบทอดการบ่มเพาะและความแข็งแกร่งของร่างหลักได้

สิ่งนี้แตกต่างจาก ‘ร่างจำแลง’ ที่ผู้ขัดเกลากายาขอบเขตสถิตกายาครอบครอง ร่างจำแลงนั้นไม่มีแก่นวิญญาณ แต่มีความแข็งแกร่งและพลังการต่อสู้ของร่างหลัก มันถูกควบแน่นจากปราณจ้าววิญญาณ และถูกควบคุมโดยร่างหลักเพื่อใช้ในการต่อสู้

แต่เคล็ดวิชาปฏิการะโลกาที่เฉินซีบ่มเพาะจะอาศัยการแยกแก่นวิญญาณออกเป็นสองส่วน เพื่อสร้างชีวิตที่สอง!

เคล็ดวิชาปฏิการะโลกาจะเอาส่วนเกินมาชดเชยสิ่งที่ขาด!

เคล็ดวิชาบ่มเพาะที่อาซิ่วมอบให้แก่เขา มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากที่สุดในโลก และเป็นการดำรงอยู่ที่หายากมาก ซึ่งเกือบจะเหมือนกับการขโมยชีวิตจากสวรรค์

เฉินซียังสงสัยว่า หากเคล็ดวิชาบ่มเพาะนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากความโกรธเกรี้ยวของสวรรค์อย่างแน่นอน! เพราะอย่างไร มันก็ไม่ต่างอะไรกับปล้นชิงกฎของธรรมชาติ หรือพลิกชีวิตจากความตาย

ในทำนองเดียวกัน เคล็ดวิชาบ่มเพาะนี้แตกต่างจากการกระทำที่เรียกว่าการช่วงชิงร่างของผู้อื่น เพื่อให้ได้มาซึ่งการเกิดใหม่ เนื่องจากร่างของผู้บ่มเพาะปราณถูกทำลาย พวกเขาจึงใช้แก่นวิญญาณเพื่อยึดร่างของผู้อื่น แต่มันก็มีปัญหาใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะความเข้ากันได้ของแก่นวิญญาณกับร่างกายใหม่นั้นไม่สอดคล้องกัน ไม่ว่าร่างกายจะยอดเยี่ยมเพียงใด ปัญหาความขัดแย้งระหว่างวิญญาณกับร่างกายใหม่จะเกิดขึ้นหลังจากร่างกายถูกยึด และความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ร่างกายระเบิดและตายจากความขัดแย้งได้

แม้จะสามารถจัดการกับความขัดแย้งระหว่างวิญญาณและร่างกายได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานมากในการเจาะเข้าไป ดังนั้น เว้นแต่จะไม่มีทางเลือกอื่น จึงไม่มีผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาคนใดเลือกที่จะยึดร่างของผู้อื่นเพื่อให้ตนเองได้เกิดใหม่

ส่วนเคล็ดวิชาปฏิการะโลกานั้นแตกต่างออกไป มันใช้แก่นโลหิตของตัวเอง เพื่อสร้างตัวอ่อน ก่อนที่จะใช้แก่นวิญญาณของตัวเองเพื่อสร้างดวงวิญญาณ จากนั้นจึงควบแน่นเป็นร่างอวตาร ดังนั้นปัญหาของความขัดแย้งระหว่างวิญญาณกับร่างกายจึงไม่มีอยู่จริง

“ยอดเยี่ยม ร่างกายของร่างอวตารนี้บริสุทธิ์ และมันอาบไปด้วยกลิ่นอายแห่งเต๋า ซึ่งเทียบได้กับ ‘กายเทวะโดยกำเนิด’ เมื่อรวมกับประสบการณ์ในการบ่มเพาะและการรู้แจ้งถึงเต๋าของข้า กอปรกับการส่งเสริมของโอสถวิญญาณต่าง ๆ ข้าย่อมสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตสถิตกายาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น…”

รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเฉินซีในเสื้อคลุมสีเหลืองอมส้ม ซึ่งสัมผัสได้ถึงสภาพของร่างอวตารนี้ และเขาไม่ลังเลที่จะดึงผลึกโลหิตออกมา

ผนึกโลหิตนี้ได้รับการขัดเกลาจากซากศพของวิญญาณอัสนีที่ชั้นหกสิบของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต และเขาได้ขัดเกลามันมากกว่าสิบชิ้น พวกมันมีขนาดเท่ากำปั้น ซึ่งมีปราณโลหิตไหลออกมาเหมือนหินหลอมเหลว และพวกมันมีผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ต่อการขัดเกลากายาอย่างไม่น่าเชื่อ

ท้ายที่สุดแล้ว วิญญาณอัสนีก็มีตัวตนเทียบเท่ากับผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้า ดังนั้นแล้วปราณโลหิตจะมากมหาศาลเพียงใด?

ปัง!

เฉินซีโคจรวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพ และทำให้แก่นแท้จำนวนมากถูกดูดซับจากผลึกโลหิตอย่างไม่หยุดหย่อน พร้อมทั้งเปลี่ยนมันเป็นปราณจ้าววิญญาณที่ส่งเสียงดังก้องอยู่ในกล้ามเนื้อ ซึ่งกำลังไหลเวียนเหมือนกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว

อักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราปฐพีที่ห้า อักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราพฤกษาที่สอง อักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราทองคำที่เจ็ด อักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราอัคคีที่สาม…

ในไม่กี่อึดใจ อักขระจ้าววิญญาณเก้าตัวก็ปรากฏบนแผ่นหลังของเฉินซี ทำให้การขัดเกลากายาของเขาสามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสมบูรณ์ได้เพียงครั้งเดียว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]