บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 804

บทที่ 804 ทำลายดอกไม้อย่างโหดเหี้ยม

บทที่ 804 ทำลายดอกไม้อย่างโหดเหี้ยม

เสื้อคลุมนักพรตสีเหลืองส้มโบกสะบัด เฉินซียืนอยู่เหนือก้อนเมฆ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยปราณจ้าววิญญาณที่พลุ่งพล่านดุจแม่น้ำแยงซี และแม้ว่าจะยืนอยู่นิ่ง ๆ แต่ชายหนุ่มก็แผ่รัศมีอันสง่างามออกมา ราวกับราชาที่จุติลงมายังโลก!

นี่คือร่างอวตารของเขา!

ร่างนี้คือผลผลิตจากเคล็ดวิชาปฏิการะโลกาที่อาซิ่วมอบให้ มันถูกสร้างขึ้นโดยใช้แก่นโลหิตเป็นรากฐาน ไม่ว่าจะเป็นจิตสำนึก ความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้ง หรือประสบการณ์ในการบ่มเพาะ มันก็เหมือนกับของเฉินซีทุกประการ

เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างมือซ้ายและมือขวา นอกจากระดับการบ่มเพาะแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนกันหมด

ร่างอวตารนี้ได้ทำความเข้าใจและขัดเกลาการบ่มเพาะอยู่ในโลกแห่งดาราอย่างเงียบงัน ภายใต้การหล่อเลี้ยงของผลึกโลหิตจากวิญญาณอัสนี มันจึงอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงเกือบตลอดเวลา

กอปรกับความเร็วของเวลาในโลกแห่งดาราที่เดินช้ากว่าถึงสิบเท่าเมื่อเทียบกับเวลาของโลกภายนอก ดังนั้นการบ่มเพาะขัดเกลากายาของร่างอวตารนี้ในเวลานี้จึงได้ทะลวงผ่านขอบเขตจุติเข้าสู่ขอบเขตสถิตกายาแล้ว!

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เฉินซีคนนี้ได้อาศัยเคล็ดวิชาปฏิการะโลกาที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ทำลายคำสาปและข้อจำกัดของเทพอสูรและได้ขัดเกลาร่างกายกับปราณแท้จนบรรลุขอบเขตสถิตกายาได้เรียบร้อยแล้ว!

นี่นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและจะไม่มีทางทำได้อีก ดูเหมือนว่าทั่วทั้งสวรรค์และโลกคงไม่อาจหาตัวตนเช่นเขาได้ที่ไหนอีกแล้ว!

ยามนี้เป็นครั้งแรกที่ร่างอวตารของเฉินซีปรากฏสู่สายตาของชาวโลก และมันยังบังคับให้เหลิ่งฉานเอ๋อร์ต้องล่าถอยกลับไปในชั่วพริบตา ทำให้ผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงตกตะลึง

“เป็นไปได้อย่างไรกัน! มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!” ม่านตาของเหลิ่งฉานเอ๋อร์ขยายออก นางกรีดร้องออกมาด้วยไม่อยากเชื่อเลยว่า เฉินซีที่กำลังเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด จะสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งแทบจะในทันทีได้เช่นนี้!

นางไม่สนใจที่จะเช็ดคราบเลือดที่ไหลออกจากมุมปากของตนเองด้วยซ้ำ ใบหน้าที่บอบบางและสวยงามของหญิงสาวเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความโกรธ ราวกับภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง

ฟิ้ว!

กระบี่ปราณสีน้ำเงินเข้มพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เปลี่ยนเป็นคลื่นพายุพุ่งเข้าหาเฉินซีอีกครั้ง นางไม่อาจยอมรับสถานการณ์เช่นนี้ได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือองค์หญิงผู้นี้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มากจนเสียสติไปแล้ว และกลายเป็นดั่งหญิงบ้าที่ไม่กลัวความตาย!

“ต่อให้ข้าต้องตายในวันนี้ ข้าก็จะลากเจ้าไปด้วย!” เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งดังออกมาจากปากของเหลิ่งฉานเอ๋อร์ มันเผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความแค้นที่ไร้ขอบเขต

“อยากลากข้าไปตายกับเจ้า? เจ้าสามารถพอหรือ?” เฉินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในขณะที่พูดนั้นเอง ร่างของเขาพลันสั่นไหวและพุ่งออกไปข้างหน้า ก่อนที่จะชกหมัดออกไป ทำให้คลื่นพายุฝนฟ้าคะนองนับไม่ถ้วนส่งเสียงดังก้องและพังทลายลง แตกเป็นเสี่ยง ๆ

ก่ออัสนีผสานดารา… เต๋ารู้แจ้งแห่งการกลืนกิน!

โครม!

หมัดอันทรงพลังพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล มันทำลายปราณกระบี่สีน้ำเงินที่ปกคลุมท้องฟ้าโดยตรง ก่อนจะพุ่งเข้าหาเหลิ่งฉานเอ๋อร์ โดยที่ความรุนแรงไม่อ่อนกำลังลงแม้แต่น้อย จากนั้นหมัดของเขาก็เปลี่ยนเป็นฝ่ามือคว้าบีบรอบคอของนางแน่นในทันที

การโจมตีนี้ทรงพลังยิ่ง ไม่ว่าหญิงสาวจะแข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายนางก็เป็นเพียงตัวตนระดับสูงที่อยู่ในขอบเขตสถิตกายาเท่านั้น นับว่ายังห่างไกลที่จะเปรียบเทียบได้กับเสวี่ยเหยียนนัก แล้วจะนับประสาอะไรกับการเปรียบเทียบกับเฉินซี?

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เฉินซีก็ตรึงคอของนางไว้ราวกับจับลูกไก่ได้แล้ว และไม่ว่าหญิงสาวจะดิ้นรนอย่างไร นางก็ไม่อาจหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเขาได้เลย!

ผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงต่างอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นเช่นนั้น ราวกับมีใครเอาอ่างน้ำเย็นมาเทราดบนศีรษะของพวกเขา ความโลภที่ลุกโชนอยู่ในใจพลันสงบลงอย่างรวดเร็ว

แม้จะเป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ทุกคนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า สถานะของเฉินซีในเวลานี้ดูจะเทียบเท่ากับตอนที่ฆ่าศัตรูทั้งหมดก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เขาไม่ได้อ่อนแอราวกับคนหมดแรงอีกต่อไป!

เหลิ่งฉานเอ๋อร์ที่ถูกบีบคอ หน้าแดงจากการหายใจไม่ออก ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวในขณะที่สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ก่อนที่มันจะถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว

ขณะที่กำลังเข้าใกล้ความตาย นางก็ถูกกลิ่นอายที่อันตรายอย่างยิ่งกระตุ้นให้ตื่นขึ้นจากความโกรธแค้น และเผชิญกับความรู้สึกหวาดกลัวระคนตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

แม้แต่มดยังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด นับประสาอะไรกับอัจฉริยะจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์เช่นนาง?

“เจ้า…เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก!” เหลิ่งฉานเอ๋อร์กัดฟันพูดด้วยความหวาดกลัวและเดือดดาล

“โอ้?”

สายตาที่จ้องมองนางของเฉินซีไร้ซึ่งอารมณ์ใด มันทั้งเย็นชาและไม่แยแส แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี แต่นางก็ตั้งใจจะฆ่าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นนางจึงถือเป็นอาชญากรที่ไม่อาจให้อภัยได้!

นอกจากนี้ในสายตาของเขา ตราบใดที่อีกฝ่ายเป็นศัตรู จะเพศหรืออายุก็ล้วนไม่ต่างกัน!

“ปรมาจารย์ชิงดูแลข้าอย่างดี และปฏิบัติกับข้าดั่งศิษย์เสมอ หากเจ้าต้องการชนะใจนาง เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้!” เหลิ่งฉานเอ๋อร์พูดอย่างรวดเร็ว

นางสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเฉินซี และรับรู้ได้ถึงเวลาที่กำลังจะหมดลง หญิงสาวจึงไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าหากตนกล่าวช้าไปเพียงนิด มันอาจทำให้ตนเองต้องจบชีวิตลงในทันทีก็เป็นได้

“โอ้?” เฉินซีพูดคำเดิมอีกครั้ง แค่ดูจากการแสดงออกของเขา มันก็ไม่สามารถบอกได้ว่าในใจของชายหนุ่มคิดสิ่งใดอยู่

แต่เหลิ่งฉานเอ๋อร์ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย และยังคงพูดต่อไป “เจ้าก็ได้เห็นแล้วว่า ในบรรดาผู้คนที่ไล่ตามสังหารเจ้าล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังต้องปฏิบัติตามคำสั่งของข้า รู้หรือไม่ว่าทำไม?”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ นางก็ตอบคำถามของนางเอง “ง่ายมาก นั่นก็เป็นเพราะใต้เท้าปิงซื่อเทียนสั่งให้พวกเขาทำแบบนั้น เหตุผลที่เขาทำอย่างนั้นก็เพื่อจะชนะใจข้า และทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับปรมาจารย์ชิงพัฒนาได้ง่ายขึ้น”

เมื่อพูดจบ นางก็เงยหน้าขึ้นสบตาของเฉินซี สีหน้าของหญิงสาวดูสงบนิ่ง จากนั้นพูดว่า “ในที่สุด เจ้าก็เข้าใจแล้วใช่ไหมว่า ข้ามีความสำคัญในหัวใจของปรมาจารย์ชิงมากแค่ไหน? ปล่อยข้าไปเสีย และเมื่อข้ากลับไปที่นิกาย ข้าจะช่วยพูดสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับเจ้าต่อหน้าปรมาจารย์ชิง…”

กร๊อบ!

เสียงของนางหยุดลงทันที

ดวงตาของเหลิ่งฉานเอ๋อร์เบิกกว้าง ในขณะที่เสียงครวญครางอู้อี้ดังออกมาจากลำคอของนาง ราวกับไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจู่ ๆ เฉินซีจะหักคอของตนอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้…

อึดใจต่อมา การมองเห็นของนางพลันกลายเป็นสีดำ ก่อนจะสิ้นสติไปในที่สุด

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากซิ่วอี้รู้ว่าเจ้าไล่ตามสังหารข้าเช่นนี้ นางคงได้ฆ่าเจ้าทิ้งไปตั้งแต่แรกแล้วเป็นแน่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]