บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 808

บทที่ 808 หมีน้อยขนทอง

บทที่ 808 หมีน้อยขนทอง

แท่นบวงสรวงเต๋านี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

แต่ไหนแต่ไรมา ผู้ยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วนของตำหนักเต๋านภาได้ศึกษาผ่านคัมภีร์หรือบันทึก และคอยถ่ายทอดความรู้อยู่ที่นี่ ดังนั้นกลิ่นอายที่ไม่สามารถลบล้างได้ของมหาเต๋า จึงยังหลงเหลืออยู่ที่นี่

เมื่อเวลาผ่านไป แท่นบวงสรวงเต๋านี้ดูจะมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง

ท่วงทำนองของมหาเต๋าต่างลอดผ่านหูของเฉินซี และดูราวกับเป็นเสียงของธรรมชาติที่ดังก้องมาจากขอบฟ้า หรือเสียงถอนหายใจที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกของนักปราชญ์จากกาลเวลาที่ไร้ขอบเขต ทำให้เฉินซีมึนงงและนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ใจกลางของแท่นบวงสรวงเต๋าโดยไม่รู้ตัว

ชายหนุ่มในเวลานี้ดูเหมือนเด็กโง่เขลาที่เพิ่งได้ยินเกี่ยวกับวิถีสู่ความเป็นเซียน เขาทั้งสับสน งุนงง และไม่รู้ว่าวิถีนั้นเริ่มต้นที่ใดหรือสิ้นสุดที่ใด แต่เขาเชื่อมโยงกับกลิ่นอายของมหาเต๋าบนแท่นบวงสรวงเต๋านี้ และเป็นหนึ่งกับโลกทั้งใบไปโดยปริยาย

ร่างกายของเฉินซีเปล่งแสงเต๋าที่ส่องประกายแวววาว มันทั้งบริสุทธิ์และไร้ที่ติ พลังชีวิตในร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับสิ่งนี้ และมันก็เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับก้อนเมฆที่เคลื่อนคล้อยบนขอบฟ้า

ในเวลาเพียงชั่วพริบตา แท่นบวงสรวงเต๋าก็เต็มไปด้วยรัศมีแห่งสวรรค์ ขณะที่ดอกบัวสีทองโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินและดอกไม้ก็โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า มันทำให้เฉินซีจมดิ่งอยู่ในภวังค์ พร้อมกับนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้น ทำให้รัศมีสีทองที่เปล่งออกมาจากดอกบัวสีทองได้ปกคลุมอยู่รอบตัวเขา

โอม!

กระแสพลังผันผวนแปลก ๆ ได้แผ่ออกไปรอบ ๆ ราวกับระลอกคลื่น แม่น้ำหยินและหยางที่เงียบสงบก็เริ่มไหลเชี่ยวและเวียนวน ในขณะที่แท่นบวงสรวงทั้งสี่ยังมีเปลวเพลิงเล็ดลอดออกมา ซึ่งดูเหมือนเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของการบวงสรวงถูกจุดขึ้น

ในเวลาต่อมา ตำหนักทั้งแปดที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งของแผนผังก่อนฟ้า ก็ฉายแสงสวรรค์ที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมไปยังสรวงสวรรค์ ซึ่งได้มาบรรจบ ณ แท่นบวงสรวงทั้งสี่และแม่น้ำแห่งหยินกับหยางเพื่อเชื่อมโยงบริเวณโดยรอบของแท่นบวงสรวงเต๋า

หากมองลงมาจากท้องฟ้า เราจะเห็นสภาพแวดล้อมทั้งหมดของแท่นบวงสรวงเต๋า ซึ่งเต็มไปด้วยปราณของหยินและหยาง พลังงานของชั้นสี่สัญลักษณ์ หรือจิตวิญญาณของแผนผังก่อนฟ้า พวกมันเปล่งรัศมีสวรรค์ที่สว่างไสวและกว้างใหญ่ ราวกับความฝันและลึกลับ

ฟิ้ว!

ทันใดนั้น สัตว์ร้ายตัวเล็ก ๆ ได้โผล่ออกมาจากบริเวณใกล้เคียง ราวกับว่ามันโผล่ออกมาจากอากาศ และตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่ได้สนใจความผันผวนของบรรยากาศเลยแม้แต่น้อย

มันมีความสูงเพียงสิบสองชุ่น และดูเหมือนหมีสีน้ำตาลตัวเล็ก ขนของมันเป็นสีทองนุ่มสลวยและเรียบเนียน อีกทั้งยังเผยให้เห็นถึงท่าทางที่ไร้เดียงสาและมึนงง

“โอ้ ที่แท้ก็ไม่ใช่ท่านอาจารย์ที่กำลังชี้แนะสั่งสอน แต่กลับเป็นเด็กที่กำลังทำความเข้าใจเต๋า” หมีน้อยส่ายหัวด้วยสีหน้าผิดหวัง และมีอารมณ์เศร้าโศก

มันวางอุ้งเท้าทั้งสองไว้บนหลัง ในขณะที่พินิจมองเฉินซีซ้ำ ๆ ทันใดนั้น มันก็นึกอะไรบางอย่างออกและตบศีรษะของตนเอง “ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน นี่มันก็ผ่านมานานมากแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ท่านอาจารย์และเหล่าศิษย์พี่จะกลับมา…”

ขณะที่พูด มันก็นั่งลงกลางอากาศ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินอาบหน้า ทำตัวดั่งเด็กน้อยไม่รู้ประสีประสาที่หาทางกลับบ้านไม่ได้ จึงได้แต่ร้องไห้อย่างเศร้าโศก

สิ่งที่น่าแปลกก็คือ แม้ว่ามันกำลังร้องไห้ แต่จริง ๆ แล้วหมีน้อยกลับไม่ได้ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย เช่นนั้นจะปลุกเฉินซีได้อย่างไร

หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน หมีน้อยก็หยุดร้องไห้ และเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนที่ร่างอวบอ้วนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นมันก็เดินไปมา พร้อมกับพึมพำด้วยสีหน้าสับสน “เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน! ข้าจำคำพูดที่ท่านอาจารย์ได้สั่งไว้ว่า หากมีใครมา ก็แค่… แค่… อนิจจา ข้าจำไม่ได้เสียแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอาจารย์จะบอกว่าข้าเป็นคนเลินเล่อ”

มันส่ายศีรษะและหยุดคิดต่อ ก่อนจะมองเฉินซีด้วยดวงตาวาววับ เผยความอยากรู้อยากเห็นออกมาอย่างไม่ปกปิด

ฟิ้ว!

หลังจากนั้นไม่นาน หมีน้อยดูจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จากนั้นมันก็หายไปในทันที!

ในขณะนี้ เฉินซีพลันตื่นขึ้นเช่นกัน ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสัตว์ร้ายตัวเล็กแปลกประหลาดได้เฝ้าดูเขาจากระยะใกล้เป็นเวลานานก่อนหน้านี้

หัวใจของชายหนุ่มในตอนนี้สงบและว่างเปล่า ในขณะที่ความเข้าใจทั้งหมดที่เขาได้รับในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ถูกย่อย รวบรวมและพัฒนาไปอีกขั้น ยิ่งกว่านั้น ร่างกายของเฉินซียังเปี่ยมล้นไปด้วยจิตวิญญาณ และมันไม่เพียงจะมั่นคงมากขึ้น แต่ดูจะเป็นนิรันดร์อีกด้วย เพราะมันได้หลอมรวมเข้ากับเต๋า ราวกับเป็นเต๋าที่แท้จริง อันบริสุทธิ์ โปร่งแสง จนทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่มปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งเต๋า

ในแง่หนึ่ง สิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าการบรรลุการบ่มเพาะ เนื่องจากนี่คือการสะสมศักยภาพ และการพัฒนาของพลังงานลึกลับที่ไร้ขอบเขต ซึ่งบรรจุอยู่ภายในจุดชีพจรเล็ก ๆ ทั่วร่างกายของเขา ซึ่งไม่ช้าก็เร็ว เฉินซีย่อมสามารถเปิดคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของตัวเองได้ และชายหนุ่มจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อบรรลุความเป็นอมตะ!

นับจากนี้เป็นต้นไป การขัดเกลากายาของร่างจำแลงของเฉินซีจะราบรื่นยิ่งขึ้น เพราะร่างกายของเขาได้รับการชำระ จนบริสุทธิ์เหมือนเต๋าและหลอมรวมเข้ากับเต๋าแล้ว

เฉินซีลืมตาขึ้นและค่อย ๆ ระบายลมหายใจออกมา

“ไม่นึกเลยว่า แท่นบวงสรวงเต๋าที่เรียบง่ายเช่นนี้จะทำให้ข้าตกอยู่ในภาวะรู้แจ้งเต๋าได้อย่างง่ายดาย หากข้าได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษของตำหนักเต๋านภาด้วยตัวเอง ข้าก็อยากรู้ว่ามันจะน่าอัศจรรย์เพียงใด?”

เฉินซียืนขึ้นและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ซึ่งเขาได้ค้นพบว่า ทั้งแม่น้ำหยินหยาง แท่นบวงสรวง และตำหนักทั้งแปดได้เคลื่อนตัวออกไป ถึงแม้พวกมันจะดูเหมือนเดิมทุกประการ แต่กลิ่นอายของพวกมันกลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดสำหรับเขาก็คือ มีประตูปรากฏบนพื้นของแท่นบวงสรวงเต๋าที่ชายหนุ่มยืนอยู่ มันเป็นสีดำสนิทเหมือนหุบเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง โดยมีบันไดหินปูนที่ทอดตรงลงไป!

“หรือว่าขุมสมบัติที่แท้จริงของตำหนักเต๋านภาจะอยู่ข้างใต้นี้?” คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้น เพราะเขาไม่ได้สังเกตเห็นประตูนี้เมื่อยามมาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้

‘หรือว่าการปรากฏตัวของประตูนี้จะเกี่ยวข้องกับความเข้าใจเต๋าของข้า?’ เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปที่ประตูทันที สถานที่แห่งนี้ลึกลับเกินไปและไม่อาจคาดเดาได้ ดังนั้นการพิสูจน์ด้วยตัวเอง ย่อมดีกว่ามานั่งครุ่นคิดให้วุ่นวาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]