บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 850

บทที่ 850 สถานการณ์ตึงเครียด

บทที่ 850 สถานการณ์ตึงเครียด

รูปร่างของคนผู้นี้ไม่ได้สูงนัก เสื้อคลุมสีดำสนิทที่สวมใส่อยู่จึงทำให้เขาดูโดดเด่นสะดุดตา หากพินิจจากโครงร่างแล้ว เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นมนุษย์

ทว่าเมื่อสายตาของเฉินซีสบประสานกับดวงตาของบุคคลลึกลับนี้ อีกฝ่ายพลันรู้สึกตัวและจ้องกลับมายังเฉินซี!

ฉับพลันนั้นเอง เขารู้สึกราวกับตนเองกำลังตกลงไปในหุบเหวลึก หมดหนทางจะปีนป่ายขึ้นไปด้านบนเพื่อควานคว้าอากาศหายใจ ในที่สุด ชายหนุ่มก็จำต้องถอนสายตาออกมาตามสัญชาตญาณ

ตอนนั้น แผ่นหลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น!

ในที่สุดเฉินซีก็ตระหนักได้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร ขณะที่เขาเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดารจากหมู่บ้านจินซางไปยังเมืองนกนางแอ่นแดง ชายหนุ่มเคยพบกับชายชุดดำผู้นี้มาก่อนครั้งหนึ่ง ตอนนั้น ชายในอาภรณ์ดำทมิฬนี้เพียงแค่สำแดงพลังออกมาเล็กน้อย ก็เกือบทำให้เขาถูกลากเข้าไปสู่หุบเหวอนธการ และหากไม่ใช่เพราะตัวเขาสามารถควบคุมรัศมีของตนไว้ด้วยพลังได้ วันนั้นเฉินซีก็คงจะตกตายไปแล้ว

ยามนั้น เขาประเมินไว้คร่าว ๆ ว่าชายผู้นี้จะเป็นเซียนสวรรค์หรือไม่ก็ยิ่งใหญ่กว่านั้น!

อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ายอดคนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จะมาปรากฏตัวอย่างกะทันหันเพื่อช่วยเหลือหนานซิ่วชงให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเหลียงปิง หรือว่าพวกเขาจะเป็นพรรคพวกกัน?

การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของชายชุดดำ ทำให้ทุกคนที่อยู่บนระเบียงตกใจจนดวงตาเหลือกโปน แขกผู้ขี้ขลาดตาขาวบางคนเริ่มถอยห่างออกไปเงียบ ๆ

…ในเวลาไม่นาน ที่ระเบียงก็เหลือเพียงเหลียงปิง เฉินซี เถิงหลาน หลัวจื่อเซวียน และอีกไม่กี่คนเท่านั้น

เฉินซียืนอยู่ข้างกายเฟิงหลูหยาง พวกเขาถูกพาไปยืนอยู่ด้านหลังเถิงหลานที่กำลังโบกมือ

อีกฟากหนึ่ง หลังจากชายชุดดำช่วยเหลือหนานซิ่วชงได้สำเร็จ เจ้าตัวก็ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ด้านหน้าหลัวจื่อเซวียนโดยไม่พูดอะไร มีเพียงดวงตาเย็นยะเยือกที่แสนดุดันนั่นเท่านั้นที่กวาดตามองไปยังเหลียงปิงและเถิงหลานด้วยความรู้สึกซึ่งไม่อาจคลายใจ

“ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับ… หลัวจื่อเซวียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะพยายามไม่น้อย” เหลียงปิงทอดสายตายังชายในชุดคลุมสีดำทั้งดวงหน้าเฉยเมย

“หึ! ช่วยไม่ได้ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ความพยายามเพื่อสู่ขอเจ้า อีกอย่าง มันก็เป็นวิธีที่ดีในการแสดงความจริงใจไม่ใช่หรือ?” หลัวจื่อเซวียนพูดด้วยเสียงเย็นชา

“น่าเสียดายที่เจ้าลืมไปว่าที่นี่คือดินแดนของตระกูลเหลียงของข้า หาใช่มณฑลบรรพบุรุษอสูรของเจ้าไม่ หากข้าต้องการกำจัดพวกเจ้าทิ้งแล้ว ก็ไม่มีใครหยุดข้าได้!” เหลียงปิงพูดอย่างไม่ยี่หระ

“เป็นการตัดสินใจที่มีราคาแพงไม่น้อย” หลัวจื่อเซวียนเย้ยหยัน “เจดีย์ต้าเหยี่ยนกำลังจะเปิดในอีกสี่วันข้างหน้า เจ้ากล้าทำอะไรหุนหันในช่วงเวลาที่เปราะบางเช่นนี้จริง ๆ น่ะหรือ?”

หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหลัวจื่อเซวียน ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและจิตสังหารอย่างไม่คิดปิดบัง “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าทุกคน ออกไปจากมณฑลจักรพรรดิตะวันออกเสีย อย่าบีบให้ข้าต้องลงมือ”

ชายหนุ่มไม่ได้แปลกใจในสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อย เขากลับตอบนางด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อน “ข้าแนะนำให้เจ้าแต่งงานกับข้าจะเป็นการดีที่สุด ตอนนี้ทั้งตระกูลกู่และตระกูลอินล้วนแต่สวามิภักดิ์ต่อข้าแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีผู้อาวุโสที่น่าเกรงขามอีกมากมายที่อยู่ฝั่งเดียวกับข้า หากเจ้ายังดื้อรั้นต่อไป มันก็รังแต่จะทำให้เรายิ่งบาดหมางกันเสียเปล่า ๆ ถึงตอนนั้น ผลที่จะตามมาก็หาใช่สิ่งที่เจ้าจะรับผิดชอบด้วยตัวเองทั้งหมดได้!”

ทันทีที่พูดจบ หลัวจื่อเซวียนก็พาหนานซิ่วชง และคนอื่น ๆ ออกไปจากระเบียงพร้อมกับชายชุดดำ ก่อนจะหายวับไปในชั่วพริบตา

เหลียงปิงจ้องมองคนพวกนั้นจนกระทั่งลับสายตาไป ไม่นาน นานนางก็ได้พึมพำขึ้นมาเสียงเบา “เสียดายเหลือเกินที่ข้าไม่ฆ่าไอ้สารเลวนั่นตั้งแต่แรก”

เถิงหลานขมวดคิ้ว แววตาที่แฝงด้วยความเจ็บปวดของหญิงสาวทำให้ดวงตาของเขารื้นไปด้วยน้ำตา “คุณหนูใหญ่ ท่านทำได้ดีที่สุดแล้ว”

“สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายมาก จากข้อมูลที่ข้าได้รับ หลัวจื่อเซวียนมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับอย่างน้อยสามคน หรือมากกว่านั้นอยู่ฝั่งเดียวกับเขา หากเขาร่วมมือกับตระกูลกู่และตระกูลอินแล้วละก็ ผลลัพธ์ที่ตามมาคงยากจะคาดเดา” เหลียงปิงส่ายหน้า บัดนี้ หญิงสาวผู้มีสัมผัสอันเด็ดเดี่ยวและมั่นคงกำลังแสดงความอ่อนไหวและอ่อนแอออกมาทางสีหน้า แม้มันจะเพียงชั่วขณะหนึ่ง ทว่าเฉินซีก็รับรู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ตึงเครียดเพียงไร นางหาได้ผ่อนคลายอย่างที่เห็นภายนอกไม่!

เนื่องจากการปรากฏตัวอย่างไม่ทันตั้งตัวของบุรุษชุดดำ เขาจึงไม่มีช่องว่างให้ขัดจังหวะ อย่างไรเสีย การต่อสู้กับคนระดับนั้นยังห่างไกลจากสิ่งที่คนคนเดียวอย่างเขาจะเข้าไปยุ่งได้

ทว่าตอนนั้นเอง ชายหนุ่มอดถามขึ้นมาไม่ได้ “เจดีย์ต้าเหยี่ยนอันตรายมากเพียงใด?”

เหลียงปิงชะงัก คล้ายไม่ได้เต็มใจจะพูดถึงเรื่องดังกล่าวในเวลานี้ “เมื่อถึงเวลาเจ้าจะรู้เอง ตอนที่ขึ้นไปบนเจดีย์ ก็เป็นเพียงการทดสอบความรู้ความเชี่ยวชาญในเต๋าแห่งยันต์อักขระเท่านั้น ไม่ได้มีอันตรายใด ๆ สิ่งที่น่ากลัวจะเกิดขึ้นก็หลังจากที่เจ้าขึ้นไปบนยอดเจดีย์แล้ว”

ขณะพูด สีหน้าของหญิงสาวก็เคร่งขรึมในทันใด เผยท่าทีเย็นชาและเย่อหยิ่งอย่างเคย นางมองไปยังเฟิงหลูหยางด้วยความเย็นชาก่อนพูดว่า “นายน้อยเฟิง สิ่งที่เจ้าทำวันนี้ทำให้ข้าผิดหวังมาก”

ใบหน้าของเฟิงหลูหยางเปลี่ยนสีไปมา ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า เหลียงปิงน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดที่ตนเองทำ!

ชายหนุ่มพูดอย่างเร่งรีบ “อาปิง ฟังข้า…”

เหลียงปิงโบกมือขัดจัดหวะ “เจ้าเองก็ออกไปจากมณฑลจักรพรรดิตะวันออกเสีย ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าหยาบคายเลย!”

พูดจบ หญิงสาวก็พาเถิงหลานกับเฉินซีจากไปด้วยลำแสงที่พาดผ่านระเบียง ทิ้งเฟิงหลูหยางกับข้ารับใช้สองคนไว้เพียงลำพัง

เขาไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดในคราวเดียว!

‘หรือว่าก่อนหน้านี้ข้าจะคิดผิดไป?’

‘เจ้านั่นเป็นแค่เพียงสหายเต๋าขอบเขตสถิตกายาไม่ใช่หรือ? ใครจะไปรู้เล่าว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งจนน่าตกใจเช่นนี้ หากข้ารู้มาก่อนมีหรือจะไปทำกับเขาเช่นนั้นกัน!?’

เฟิงหลูหยางคับแค้นใจจนรู้สึกมวนท้องไปหมด เมื่อเห็นว่าไม่มีที่ระบายก็ยิ่งโกรธเป็นเท่าทวี เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็พลันบิดเบี้ยว

“นายน้อย แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดีขอรับ” เหวินจิวถามอย่างจริงจัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]