บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 861

บทที่ 861 ธรรมเทพไร้ขอบเขต

บทที่ 861 ธรรมเทพไร้ขอบเขต

ชั้นที่สิบของเจดีย์ต้าเหยี่ยน

ชั้นนี้แตกต่างจากชั้นอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง ราวกับเป็นห้องที่ว่างเปล่า

เมื่อเฉินซีมาถึงที่นี่ สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม้วนภาพวาดโบราณจำนวนมาก ซึ่งแต่ละม้วนก็แตกต่างกันไป และภาพเหล่านั้นถูกแขวนอยู่บนผนังโดยรอบ

เฉินซีตกตะลึง เพราะตัวเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าที่นี่จะธรรมดาอย่างมาก และมันก็เหมือนกับที่พำนักของจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งนอกจากภาพวาดมากมายเหล่านั้น ชายหนุ่มก็ไม่พบการตกแต่งอื่น ๆ แม้แต่น้อย

ชายหนุ่มเดินไปข้างหน้า และมาถึงภาพวาดม้วนแรก จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองมัน ม้วนภาพนี้เป็นรูปภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่กว้างใหญ่ พร้อมกับชายชรารูปงามที่ถือเจดีย์หยกไว้ในมือ ด้วยท่าทางที่ยืนตัวตรงท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

นอกจากนั้น ยังมีชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีม่วงที่มีผ้าคาดเอวขนาดใหญ่ ชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าและหมวกที่ขาวยิ่งกว่าหิมะ ชายชราผู้มากความสามารถและทรงพลัง อีกทั้งยังมีหญิงงามในชุดสีแดงเพลิง พวกเขาต่างยืนล้อมรอบชายชราที่ถือเจดีย์หยก

ร่างของทั้งสี่คนนี้ทรงพลังมากและปกคลุมด้วยพลังแห่งกฎ ซึ่งพวกเขาดูเหมือนเป็นจ้าวเหนือหัวที่ปกครองโลก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายชรารูปงามคนนั้น พวกเขากลับดูเหมือนศิษย์น้องที่เปี่ยมด้วยความเคารพ ดวงตาของคนทั้งสี่ต่างแสดงออกถึงความรักและยกย่องออกมา

ยิ่งกว่านั้น ทันทีที่เฉินซีได้เห็นรูปลักษณ์ของชายชราเป็นครั้งแรก เขาก็ประหนึ่งถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง และรู้สึกมึนงงเล็กน้อย “เหตุใด…ถึงเป็นผู้อาวุโสฝูซี!?”

“ข้าจำไม่ผิดอย่างแน่นอน!”

รูปปั้นเทพเจ้าฝูซียังคงยืนตระหง่านอยู่ภายในห้วงจิตสำนึกของเขา และเมื่อเปรียบเทียบกับรูปปั้น มันก็ราวกับว่าทั้งสองอย่างนี้มาจากแม่พิมพ์เดียวกัน คือทั้งเก่าแก่ หล่อเหลา ทรงพลัง และยิ่งใหญ่!

ในใจของเฉินซี เขาถือว่าฝูซีเป็นดั่งอาจารย์ของเขามาตั้งนานแล้ว และตอนนี้ชายหนุ่มได้เห็นภาพวาดที่เกี่ยวข้องกับฝูซีที่ชั้นสิบของเจดีย์ต้าเหยี่ยน เช่นนั้นเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร?

“หรือว่าพิภพยันต์อักขระจะเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสฝูซี?”

เฉินซีชำเลืองมองโดยไม่ได้ตั้งใจ เขามองไปยังเจดีย์หยกที่ฝูซีถืออยู่ในมือในภาพวาด จากนั้นดวงตาของเขาก็เพ่งความสนใจไปทันที

…น่าตกใจยิ่งนัก มันคือเจดีย์ต้าเหยี่ยน!

ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ และมองดูภาพวาดม้วนต่อไป เมื่อสายตาของเขากวาดมองผ่านคนอีกสี่คนในภาพวาด ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มทันที “พวกเขาคงไม่ใช่จักรพรรดิตะวันออกไท่เจิน จักรพรรดิแห่งความมืดหยวนสวิน ราชินีวิหคอมตะอินเกอ และบรรพบุรุษอสูรหลัวซางกระมัง?”

ทันใดนั้น ฉากหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในใจของเฉินซี

ในช่วงที่พิภพยันต์อักขระถูกสร้างขึ้น ฝูซีได้นำผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่คนนี้ไปยังสนามรบแนวหน้าของทั้งสามภพ ซึ่งพวกเขาได้เห็นกองทัพสัตว์อสูรจักรวาลออกอาละวาด และเข่นฆ่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างป่าเถื่อน ดังนั้นจึงเกิดปณิธานที่จะสร้างพิภพยันต์อักขระขึ้นมา เพื่อต้านทานเหล่าสัตว์อสูรจักรวาล…

“หากเรื่องนี้เป็นความจริง ก็หมายความว่าการสร้างพิภพยันต์อักขระนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายของข้าอย่างลึกซึ้งไม่ใช่หรือ?” เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและเดินไปยังภาพวาดม้วนที่สอง

เมื่อได้เห็นฉากในภาพวาดม้วนที่สอง เขาก็ยืนยันความคิดก่อนหน้านี้ของตัวเองได้ทันที

บนม้วนภาพวาด ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีม่วงถือผู้ไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์ ในขณะที่อีกสามคนถือตราประทับเทพปฐพี เจดีย์สยบพิภพ และกระบี่สะบั้นเต๋าตามลำดับ พวกเขาเปล่งประกาย ขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งดวงดาวในจักรวาล ตัวคนดูราวเทพเจ้าที่แยกความสับสนอลหม่านออกจากกัน อีกทั้งรูปแบบเริ่มต้นของโลกกำลังก่อตัวที่จุดศูนย์กลางของพวกเขาทั้งสี่คน และตามเค้าโครงของมัน แท้จริงแล้วมันคือพิภพยันต์อักขระอย่างแน่นอน!

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

เฉินซีรู้สึกตกตะลึง เพราะในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดทุกคนในโลกถึงรู้จักผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่คนและสมบัติศักดิ์สิทธิ์โกลาหลทั้งสี่ แต่แทบไม่มีใครที่รู้ต้นกำเนิดของเจดีย์ต้าเหยี่ยน ก็เพราะเจดีย์นี้มาจากผู้อาวุโสฝูซี!

ชายหนุ่มยังคงมองม้วนภาพวาดรูปต่อไป ซึ่งฉากได้เปลี่ยนไปในภาพวาดม้วนที่สาม หรืออาจกล่าวได้ว่ามันเป็นภาพเหมือนของบุคคล ภายในภาพเหมือนคือชายหนุ่มที่มีท่าทางสง่างาม ซึ่งสวมเสื้อผ้าโบราณและสวมมงกุฎทรงสูง เขามีรอยยิ้มที่มุมปาก กอปรกับดวงตาที่ลึกล้ำราวดวงดาว

เมื่อเฉินซีเผชิญกับการจ้องมองของชายหนุ่มคนนี้ เขาพลันรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าวิญญาณของตนถูกมองทะลุทะลวง ทั้งที่มันเป็นเพียงภาพวาดที่ถูกเก็บรักษามาเนิ่นนาน แต่กลับมีกลิ่นอายเสมือนจริง ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้!

ภาพวาดม้วนต่อไปก็เหมือนกับภาพวาดม้วนที่สาม และภาพทั้งหมดเผยให้เห็นภาพเหมือนของบุคคลหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งในชั่วพริบตา

น่าแปลกที่เฉินซีเห็นภาพเหมือนของศิษย์พี่สามอยู่ท่ามกลางพวกเขา!

เมื่อหลายปีก่อน ขณะที่ชายหนุ่มอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่ง ณ ใจกลางทะเลสาบที่อยู่ภายในเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้ ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหมอกสนในดินแดนของราชวงศ์ซ่ง ศิษย์พี่สามของเขาเคยมาที่นี่ด้วยความตั้งใจที่จะพาจี้อวี๋กลับไป ทว่าจี้อวี๋กลับปฏิเสธ ศิษย์พี่สามของเขาจึงทำได้เพียงจากไปอย่างช่วยไม่ได้

โดยก่อนที่ศิษย์พี่สามจะจากไป อีกฝ่ายได้มอบกระดูกของคุนเผิงให้แก่เฉินซี เพื่อให้ชายหนุ่มสามารถบ่มเพาะพลังอิทธิฤทธิ์ ‘ก่ออัสนีผสานดารา’ ที่บันทึกไว้ในกระดูก ดังนั้นเขาจะลืมเขาได้อย่างไร?

“หรือว่าบุคคลในภาพเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสฝูซีทั้งหมด? ยิ่งกว่านั้น พวกเขาต่างใช้เจดีย์ต้าเหยี่ยนเป็นสนามทดสอบ?” เฉินซีตกตะลึง จากนั้นชายหนุ่มจึงส่ายศีรษะ “ไม่สิ หากยึดตามประวัติศาสตร์ของพิภพยันต์อักขระ ผู้คนมากมายจากสี่ตระกูลใหญ่ต่างขึ้นไปบนเจดีย์ต้าเหยี่ยน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาทั้งหมดจะเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสฝูซี”

ชายหนุ่มรู้สึกราง ๆ ว่า การมีอยู่ของเจดีย์ต้าเหยี่ยนอาจมีเพื่อทดสอบศิษย์ที่อาวุโสฝูซีได้รับมา และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปฏิเสธการเข้ามาของผู้อื่นเพื่อฝึกฝนข้างใน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]