บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 875

บทที่ 875 ลางบอกเหตุของความโกลาหลครั้งใหญ่

บทที่ 875 ลางบอกเหตุของความโกลาหลครั้งใหญ่

เพียะ! เพียะ! เพียะ!

เสียงแส้ที่ฟาดผ่านอากาศนั้นคมชัดและดังกึกก้องทั่วทั้งห้องโถง เหมือนกับเสียงของฟ้าร้อง ซึ่งสั่นสะเทือนแก้วหูของทุกคนจนพวกเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง อีกทั้งยังทำให้เลือดลมในร่างกายปั่นป่วนอย่างยากจะควบคุม

นี่คือพลังของผู้เยี่ยมยุทธ์ในขอบเขตเซียนลึกลับ การโบยแส้แต่ละครั้งมีพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่ลึกล้ำอยู่บางเบา ทำให้ผู้มีพลังด้อยกว่ารู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ยินเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของสวรรค์ และแม้แต่จิตวิญญาณของทุกคนก็ได้รับผลกระทบไปด้วย

แต่เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ เสียงโหยหวนที่น่าสังเวชของเหมยลั่วเซียวนั้นน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ที่น่าเกรงขามและสูงส่ง ที่เหล่าสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนได้แต่แหงนหน้ามอง มาตอนนี้…อีกฝ่ายกลับเป็นเหมือนนักโทษที่ถูกเฆี่ยนตี เสื้อผ้าทั่วทั้งร่างขาดวิ่น เนื้อหนังมังสาฉีกขาดออกจากกัน ในขณะที่ผมก็ยุ่งเหยิง และรอยแผลที่เต็มไปด้วยเลือดปรากฏทั่วทั้งร่าง ทำให้ตัวคนดูน่าสมเพชและน่าอนาถอย่างยิ่ง!

เขาพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถและใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่ แต่สุดท้ายมันก็ไร้ประโยชน์ ภายใต้การควบคุมของเหลียงปิง อีกฝ่ายไม่สามารถหลบหนีจากการถูกเฆี่ยนตีได้อย่างสิ้นเชิง!

ท่าทางของเหลียงปิงกลายเป็นเย็นชา กลิ่นอายของนางน่าเกรงขามอย่างที่สุด หญิงสาวใช้แส้สีดำสนิทได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถปิดล้อมและกักขังบริเวณโดยรอบ ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าเหมยลั่วเซียวจะร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเพียงใด นางก็ยังคงเฉยเมย

ท่าทางที่เย็นชาและไร้อารมณ์ของนาง ทำให้ร่างกายของทุกคนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบเย็นเยียบ ราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง!

ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครกล้าหยุดหญิงสาวคนนี้ แม้แต่อวี๋จงเสียก็ยืนตัวแข็งด้วยสีหน้าลำบากใจ เพราะตัวนางไม่กล้าที่จะช่วยเขาแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม เนื่องจากความแตกต่างของพลังนั้นมีมากเกินไป และอวี๋จงเสียก็รู้ดีว่าแม้ว่าตนเองจะก้าวไปข้างหน้า ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากการถูกเฆี่ยนตีได้!

ในที่สุด บรรพบุรุษเฟยหลิงก็ไม่อาจทนดูต่อไปได้ เขาได้สั่งเวินหัวถิงว่าพอจะเกลี้ยกล่อมเฉินซีให้ปล่อยเหมยลั่วเซียวไปได้หรือไม่ เพราะไม่ว่าอย่างไร เหมยลั่วเซียวก็ถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่จากภพเซียน และมีความเกี่ยวข้องกับนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง

นอกจากนี้ เหมยลั่วเซียวและคนอื่น ๆ ได้รับคำสั่งให้ลงมายังภพมนุษย์ในครั้งนี้ เพื่อช่วยนิกายกระบี่เก้าเรืองรองต้านทานศัตรูที่แข็งแกร่ง มันเกี่ยวข้องกับการจัดการของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองในช่วงกลียุคของภพทั้งสาม ดังนั้นหากพวกเขาถูกทุบตีอย่างเลวร้าย ก็คงจะไม่มีหน้าอยู่ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองแล้ว

หากเป็นสถานการณ์ตามปกติ เวินหัวถิงย่อมไม่กล้าเพิกเฉยต่อคำสั่งของบรรพบุรุษเฟยหลิง เขาจึงทำได้เพียงกล่าวกระแสปราณไปยังเฉินซี “เฉินซี ข้าคิดว่าเจ้าคงระบายความโกรธแค้นแล้ว ดังนั้นช่วยบอกให้แม่นางผู้นั้นหยุดที หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มันจะเป็นอันตรายต่อนิกายเอา”

เฉินซีสังเกตพบว่า ทัศนคติของประมุขนิกายที่มีต่อเขานั้นเปลี่ยนไป และน้ำเสียงของประมุขนิกายก็แฝงถึงการปฏิบัติต่อเขาอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งแม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจ แต่เขาก็เข้าใจมันได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเหลียงปิง!

“เอาล่ะ ท่านไว้ชีวิตเขาเถอะ” เฉินซีกล่าว

“หึ จะปล่อยมันไปอย่างนั้นหรือ? เหลียงปิงตอบกลับด้วยคำถาม

แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่หญิงสาวก็หยุดโจมตีอย่างรวดเร็ว ทำให้เหมยลั่วเซียวรอดพ้นจากหายนะได้ในที่สุด ทว่าเสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างกายของอีกฝ่ายแทบเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่แล้ว ทำให้ตัวคนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรอยแผลจำนวนมากที่ลึกถึงกระดูก ปกคลุมทั่วร่างกายของเจ้าตัว ทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูน่าสมเพชและน่าอนาถอย่างยิ่ง

เฉินซียักไหล่และกล่าวอย่างหมดหนทางว่า “ความโกรธของข้าได้ระบายออกไปแล้ว และถ้าเจ้ายังคงเฆี่ยนต่อไป มันจะคร่าชีวิตมนุษย์… โอ้ ไม่สิ ชีวิตเซียนต่างหาก”

“เจ้าคงกังวลว่าในอนาคตจะไม่มีที่ยืนอยู่ในนิกายกระมัง?” ดูเหมือนว่าเหลียงปิงจะคิดอะไรบางอย่างได้ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า

นางกำลังกล่าวความจริง! เพราะหลังจากเรื่องนี้จบลง เหมยลั่วเซียว อวี๋จงเสีย และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่อยู่ในภพเซียน จะต้องเกลียดเฉินซีเข้ากระดูกดำอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อเหลียงปิงจากไป สถานการณ์ของชายหนุ่มคงจะเลวร้ายยิ่ง

ในเวลานั้น แม้ว่าท่านประมุขนิกาย เลี่ยเผิง และคนอื่น ๆ จะมีความตั้งใจที่จะปกป้องเขา แต่ต่อให้พวกเขาเต็มใจ ทุกคนก็ไม่อาจทำอันใดได้ และนี่คือต้นตอที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมด

มันเป็นสิ่งที่อันเวยกังวลก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน ตอนนี้เขาพอใจแล้ว แต่เฉินซีจะจัดการกับผลที่ตามมาอย่างไร?

ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าว เหลียงปิงก็พลันกล่าวว่า “เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง”

ขณะกล่าว ฝ่ามือของหญิงสาวพลันพลิกหงาย ก่อนที่ตราคำสั่งจะปรากฏขึ้นมา จากนั้นนางก็สะบัดมันไปทางอวี๋จงเสีย และตั้งแต่ต้นจนจบ นางไม่ได้อธิบายแม้แต่คำเดียว

แต่เมื่ออวี๋จงเสียเห็นตราคำสั่งในมืออย่างชัดเจน ใบหน้าของหญิงสาวพลันซีดเผือด ในขณะที่ม่านตาของนางหดเล็กลงทันที ซึ่งเมื่อมองไปยังเหลียงปิงอีกครา หญิงสาวก็ไม่อาจยับยั้งความกลัวบนใบหน้าไว้ได้!

ราวกับเหลียงปิงเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าสยดสยอง ส่วนตราคำสั่งนั้นก็สื่อว่าอำนาจและความแข็งแกร่งของหญิงสาวผู้นี้น่ากลัวเพียงใด

ทันใดนั้น ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ตราคำสั่ง เพราะพวกเขาต้องการดูว่ามันเป็นวัตถุอาถรรพ์อันใดกัน จึงทำให้เซียนสวรรค์หวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้

ช่างน่าเสียดายที่ก่อนทุกคนจะได้เห็นมันชัด ๆ เหลียงปิงกลับคว้ามันคืนไป “ในเมื่อเจ้ารู้จักมัน เจ้าก็ควรเข้าใจว่าผู้ใดสามารถล่วงเกินได้และผู้ใดที่ไม่สามารถล่วงเกินได้”

อวี๋จงเสียมีสีหน้างุนงง ก่อนที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น ในที่สุด นางก็ตระหนักได้ว่าคราวนี้พวกนางคงชนตอเข้าแล้ว และความหวังที่จะแก้แค้นในตลอดชีวิตของพวกนางก็ริบหรี่ยิ่ง…

มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่สังเกตเห็นได้อย่างราง ๆ ว่าตราคำสั่งนั้นธรรมดามาก แต่สิ่งเดียวที่ไม่ธรรมดาก็คือลวดลายซึ่งจารึกด้วยลายมือไว้บนพื้นผิว และตัวอักษร ‘เหลียง’ โบราณที่แสดงถึงตระกูลเหลียง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]