บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 882

บทที่ 882 กลับไปที่ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตอีกครั้ง

บทที่ 882 กลับไปที่ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตอีกครั้ง

สมรภูมินอกพิภพ

นี่เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่เปิดขึ้นในพื้นที่ที่วุ่นวายระหว่างภพทั้งสามและพิภพภายนอก ซึ่งมันเทียบได้กับโลกใบใหญ่!

ที่นี่ไม่มีกลางวันหรือกลางคืน มันถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทาตลอดทั้งปี ยิ่งกว่านั้น มันทั้งสลัวและมืดครึ้ม มีลมหนาวที่พัดโชยมา ซึ่งเต็มไปด้วยเม็ดทราย ปรากฏเป็นภาพที่อ้างว้าง

พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยกระดูกสีขาวที่น่าสยดสยอง อาวุธที่เสียหาย เกราะที่แตกหัก และเศษสมบัติวิเศษที่แปลกประหลาดต่าง ๆ อันมีรอยสนิมเขรอะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายของสงคราม การเข่นฆ่าและกลิ่นคาวเลือด ทำให้ผู้คนรู้สึกถูกกดดันอย่างมาก

หวูด~ หวูด~

เสียงแตรอันเย็นยะเยือกดังก้องขึ้น มันสั่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศทุกทาง ในเวลาไม่นาน ร่างกำยำในแถวแล้วแถวเล่าได้ล่าถอยจากแนวหน้าดุจกระแสน้ำ และกลับมายังค่าย ก่อนที่จะนั่งลงเพื่อพักผ่อน

“ครั้งนี้เจ้าฆ่าไปกี่ตัว”

“เฮ้อ อย่าได้พูดถึงมัน ข้าฆ่าไปแค่สิบหกตัวเท่านั้น ให้ตายเถอะ! ไอ้พวกคนต่างพิภพเหล่านั้นขี้ขลาดเกินไป จนข้าไม่สามารถหาคู่ต่อสู้ได้ ว่าแต่เจ้าล่ะ? เจ้าฆ่าไปกี่ตัวกันหรือ?”

“หึ หึ ไม่มากหรอก ก็แค่สิบแปดตัว มากกว่าเจ้านิดหน่อย”

“มารดาเจ้าเถอะ! อย่ามาเสเเสร้งต่อหน้าข้า! ข้าจะไม่รู้ฝีมือของเจ้าได้อย่างไร”

ในเวลาไม่นาน พื้นที่ตั้งค่ายได้ดังก้องไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะสนุกสนาน สำหรับนักรบของตระกูลไป๋แห่งเทือกเขาหนามม่วงเหล่านี้ ย่อมคุ้นเคยกับการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ต่างพิภพที่สมรภูมิแห่งนี้มานานแล้ว และหัวข้อของการสนทนาในแต่ละวันก็เกี่ยวข้องกับการสังหารศัตรูที่ว่า

เพราะนอกจากการต่อสู้และการเข่นฆ่าแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีความสนุกอื่นใดให้พูดถึง

ไป๋หว่านฉิงสวมเสื้อคลุมสีแดงสด ในขณะที่ผมยาวของนางม้วนเป็นมวยไว้ที่ด้านหลังศีรษะ หญิงสาวนั่งไขว่ห้างอยู่หลังโต๊ะในที่ตั้งค่ายด้วยหลังที่กระทุ้งตรง เผยให้เห็นท่าทางที่สุขุมและเยือกเย็น

นางถอนหายใจเบา ๆ ขณะที่ฟังเสียงหัวเราะที่แว่วมาจากข้างในค่าย เพราะหญิงสาวรู้ตัวดีว่า เมื่อเวลาผ่านไป เหล่าทหารที่กลับมาจากแนวหน้าก็จะลดลงเรื่อย ๆ

ถึงอย่างไร นี่ก็คือสนามรบที่ไร้ความปรานีทั้งยังเต็มไปด้วยเลือด การเข่นฆ่า และท่วงทำนองแห่งความตาย ซึ่งกำลังบรรเลงอยู่ทุกชั่วขณะ!

แต่หลังจากนั้นหัวใจของนางก็กลับมาสงบอีกครั้ง

ตระกูลไป๋แห่งเทือกเขาหนามม่วงนั้นดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคบรรพกาล และลูกหลานของตระกูลไป๋ทั้งหมดล้วนเป็นวีรบุรุษที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน กล้าหาญ และทรงพลังมากกว่าคนทั่วไป ร่างกายของพวกเขาล้วนไหลเวียนด้วยเลือดที่กระหายการต่อสู้ และพวกเขาเข่นฆ่าในนามของการต่อสู้ ทำให้ทุกคนดูเอาแต่ใจและดุร้ายเป็นพิเศษ

บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ การต่อสู้จึงเหมือนเป็นชะตาลิขิตสำหรับคนตระกูลไป๋ พวกเขาล้วนมีชื่อเสียงในการต่อสู้ มีชีวิตอยู่เพื่อการต่อสู้ และการต่อสู้คือปลายทางของชีวิตพวกเขา…

ความตายนั้นหาได้น่ากลัวไม่!

สิ่งที่น่ากลัวคือการสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในหัวใจ!

หากใครไม่คิดจะต่อสู้ คนผู้นั้นก็สมควรตาย

นี่คือความหลงใหลที่ตราตรึงอยู่ในเลือดของทุกคนจากตระกูลไป๋ ซึ่งไป๋หว่านฉิงก็รู้ชัดเจนมากว่า แม้ทุกคนในค่ายจะต้องตายในสนามรบ แต่พวกเขาก็จะไม่เสียใจ

พวกเขาจะใช้เพียงพลังในมือและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชนเพื่อก้าวไปข้างหน้า …ล้างแค้นให้กับคนร่วมตระกูล!

นี่คือตระกูลไป๋ พวกเขาเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้กองกำลังทั้งหมดในแดนภวังค์ทมิฬต้องปวดหัวอย่างมาก ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า

“คุณหนู ท่านผู้นำส่งข่าวมาขอรับ!” ในขณะนี้ ชายชรารูปร่างผอมสูงเดินเข้ามาในกระโจม ทำให้ไป๋หว่านฉิงที่กำลังครุ่นคิดอยู่สะดุ้งตื่น

“โอ้? พี่ใหญ่ของข้ากล่าวอันใดหรือ?” ไป๋หว่านฉิงกลับมาสู่ท่าทางที่สุขุมและหนักแน่นในทันที

ชายชรายิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านประมุขอนุญาตให้คุณหนูกลับไปแล้วขอรับ”

หากเฉินซีอยู่ที่นี่ เขาจะรู้ทันทีว่าชายชราคนนี้คือไป๋เถิง ผู้ทำลายล้างพระราชวังข่ายดารา ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบนิกายที่ยิ่งใหญ่ในเมืองทะเลสาบมังกรของดินแดนทางใต้ และมีพลังมหาศาลผู้นั้น!

“กลับหรือ?” ไป๋หว่านฉิงตกตะลึง จากนั้นคิ้วของนางก็เลิกขึ้น ขณะที่กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “พวกบัดซบของตระกูลจั่วชิวจากไปแล้วหรือ?”

ไป๋เถิงส่ายศีรษะ “เรื่องนั้นบ่าวไม่ทราบ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “คุณหนู ท่านได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้นจากตระกูลจั่วชิว คุณหนูคงไม่ถูกบังคับให้ต้องมาทนทุกข์ทรมานอยู่ในสมรภูมินอกพิภพนี้”

ไป๋หว่านฉิงส่ายศีรษะ “ไม่อาจถือว่าทนทุกข์หรอก ข้าแค่กังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเฉินซี ตอนที่มารดาของเขาจากไปเมื่อหลายปีก่อน ข้าได้ให้คำสัญญาว่าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ แม้ข้าจะทราบว่าเขาอยู่ในแดนภวังค์ทมิฬ แต่ข้ากลับไม่มีอำนาจที่จะช่วยเหลือเขาได้ ดังนั้นข้าจึงรู้สึกผิดมาตลอด”

เมื่อพูดถึงเฉินซี ดวงตาของไป๋เถิงกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลก ๆ จากนั้นเขาก็ยื่นแผ่นหยกในมือพลางกล่าวว่า “คุณหนู โปรดดูนี่ก่อน”

ไป๋หว่านฉิงมองดูแผ่นหยกในมือ ก่อนที่คิ้วของนางจะขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาที่จ้องมองของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธ “ดาราปรากฏยามเที่ยงวัน? พวกมันคิดจะกำจัดเขาหรือ?”

แกร็ก!

ในพริบตาต่อมา นางทำลายแผ่นหยกในมือแล้วยืนขึ้น ก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชาว่า “ดูเหมือนว่าไอ้สารเลวจากตระกูลจั่วชิวจะจากไปแล้วจริง ๆ”

ไป๋เถิงกล่าวว่า “คุณหนู ‘ดาราปรากฏยามเที่ยงวัน’ ปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตา ดังนั้นเด็กน้อยคนนั้นน่าจะปลอดภัยดีนะขอรับ”

“ข้ากังวลเกี่ยวกับจั่วชิวเสวี่ย” ไป๋หว่านฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่นางก็ไม่อาจยับยั้งความร้อนรนในใจได้ และกล่าวต่อว่า “ที่สำคัญที่สุด เฉินหลิงจวินน่าจะเข้าสู่ภพเซียนแล้วในตอนนี้ เมื่อมีดาราปรากฏยามเที่ยงวัน ร่องรอยของเขาจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน ดังนั้นสถานการณ์ของพวกเขาคงจะเลวร้ายยิ่ง”

“แล้ว…คุณหนูตั้งใจจะทำสิ่งใดหรือ?” ไป๋เถิงกล่าวอย่างลังเล

“ข้าเป็นเพียงหญิงสาวอ่อนแอที่ไม่สามารถแม้แต่จะเข้าสู่ภพเซียน แล้วข้าจะทำสิ่งใดได้อีก?” ไป๋หว่านฉิงหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง จากนั้นประกายความแน่วแน่ได้ฉายชัดในดวงตาของนาง “กลับกันก่อนเถอะ มีบางเรื่องที่เฉินซีควรรู้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]