บทที่ 908 คุกเนตรเซียน
บทที่ 908 คุกเนตรเซียน
ภายในป่าต้นสนที่เงียบสงบและสวยงาม มีแสงแดดส่องผ่านกิ่งก้านใบไม้วูบไหวอยู่บนหน้าของเฉินซี และมันก็เหมือนกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเขาในตอนนี้
เหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้นเต็มไปด้วยเงาดาบและประกายกระบี่ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแผนการ แม้น้ำเสียงของไป๋หว่านฉิงจะเรียบเฉย แต่เฉินซีก็แยกแยะได้ว่ามันอันตรายเพียงใด
เขาไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแต่ลอบกำหมัดแน่น ขณะที่เม้มปากเงียบ อย่างไรก็ตาม เขาเก็บทั้งหมดนี้ไว้ในใจและไม่กล้ามองข้ามแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย
เสียงของไป๋หว่านฉิงแผ่วเบาและน่าฟัง อีกทั้งยังมีน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยน “เมื่อความแข็งแกร่งของบิดาเจ้าถึงขีดจำกัดของภพมนุษย์ ในที่สุดมารดาเจ้าก็ตัดสินใจที่จะค้นหาตามแผนที่สมบัติ ยิ่งกว่านั้น การตัดสินใจครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่บิดามารดาของเจ้าเลิกเสแสร้งกับจั่วชิวเฟิง”
จู่ ๆ เฉินซีก็นึกถึงบางสิ่งและกล่าวว่า “พวกท่านไปที่มหาสมุทรใต้พิภพทางตอนเหนือใช่หรือไม่ขอรับ”
ไป๋หว่านฉิงตกตะลึง จากนั้นก็กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้แล้วหรือ?”
เฉินซีพยักหน้าและกล่าวว่า “ในขณะที่ข้าอยู่ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ผู้อาวุโสคนหนึ่งเคยบอกข้าว่า ประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนก เมี่ยวอวิ๋นจีได้จัดการชุมนุมครั้งใหญ่เมื่อสามร้อยปีก่อนและเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่มากด้วยการบ่มเพาะซึ่งไม่ธรรมดาต่างเข้าร่วมเพื่อค้นหาเคหาดาราลึกลับ”
เฉินซีหยุดชั่วขณะและกล่าวต่อ “ต่อมา ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดของแดนภวังค์ทมิฬถูกบิดามารดาของข้าเอาชนะได้ที่มหาสมุทรใต้พิภพทางตอนเหนือ และถ้าไม่ใช่เพราะบิดาของข้า พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน”
ไป๋หว่านฉิงพยักหน้า “เจ้ากล่าวถูกแล้ว บุคคลมากมายที่มีพลังมหาศาลได้รวมตัวกันที่มหาสมุทรใต้พิภพทางตอนเหนือในเวลานั้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็เป็นเพียงผู้ยิ่งใหญ่ของภพมนุษย์ และยังมิอาจจะเป็นคู่ต่อกรกับมารดาเจ้า”
“ต่อมา มารดาของเจ้าประสบความสำเร็จในการครอบครองเคหาดารา และเจ้าก็คงรู้เช่นกันว่าทุกคนคิดว่าสุดยอดสมบัติ แผนภาพวารีหลากถูกเก็บไว้ในเคหาดารา ซึ่งจั่วชิวเฟิงก็ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นระหว่างทางกลับจากมหาสมุทรใต้พิภพทางตอนเหนือ จั่วชิวเฟิงจึงเผยตัวออกมาและเปิดฉากโจมตีบิดามารดาของเจ้าอย่างกะทันหัน”
“ในตอนนั้น แม้ว่าบิดามารดาของเจ้าจะต่อสู้กับจั่วชิวเฟิงร่วมกัน พวกเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“เจ้าลองจินตนาการถึงความรู้สึกที่เห็นพี่ชายของเจ้าจู่ ๆ ก็ฟาดฟันและตั้งใจจะฆ่าเจ้าเพื่อปิดปาก ความรู้สึกเช่นนั้นเกือบทำให้จั่วชิวเสวี่ยจบชีวิตด้วยมือตัวเอง แต่สุดท้ายนางก็ไม่ทำอย่างนั้นและเลือกที่จะหนีเอาชีวิตรอด”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ไป๋หว่านฉิงก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังเฉินซี ขณะที่นางกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่า เหตุใดนางถึงรอดชีวิตมาได้แม้ว่านางจะเจ็บปวดและบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ก็ตาม”
เฉินซีขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เพื่อบิดาข้าหรือ?”
ไป๋หว่านฉิงส่ายศีรษะ “ไม่ เพราะเห็นแก่เจ้า! เพราะนางอุ้มท้องเจ้าในตอนนั้น และถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น บิดามารดาของเจ้าคงลากจั่วชิวเฟิงให้ตายตกตามกันไปแล้ว”
เฉินซีนั่งตัวตรงโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย แต่นิ้วของเขากลับกลายเป็นสีขาวเนื่องจากฝ่ามือที่กำเข้าหากันแน่น จนเล็บจมลึกลงไปในเนื้อ ทำให้เลือดไหลหยดลงมา
ไป๋หว่านฉิงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายสิ่งใดต่อ เพราะชายหนุ่มทราบดีอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป บิดามารดาของเขาที่บาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตายได้หลบหนีกลับไปยังบ้านเกิด ซึ่งก็คือเมืองหมอกสน จากนั้นจึงให้กำเนิดเขาและเฉินฮ่าว แต่หลังจากนั้น…
หลังจากนั้น จั่วชิวเฟิงก็ไล่ตามพวกเขาไปจนสุดทางและจับมารดาของเขาไป ทำลายตระกูลเฉินทั้งหมด ทำให้การบ่มเพาะของท่านปู่พิการ และไม่รู้ว่าบิดาของเขาอยู่ที่แห่งหนใด ในขณะที่ตัวเขากลายเป็นตัวซวยที่ทุกครัวเรือนในเมืองหมอกสนรู้จัก!
เฉินซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ และระงับความรู้สึกซับซ้อนอย่างยิ่งยวดในใจ ก่อนที่จะเอ่ยถามทันทีว่า “เหตุใดจั่วชิวเฟิงถึงไว้ชีวิตท่านปู่ เฉินฮ่าว และข้าเมื่อหลายปีก่อนล่ะขอรับ”
ทันทีที่เฉินซีกล่าวจบ ดูเหมือนว่าเขาจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้ และกล่าวในขณะที่จ้องมองอย่างว่างเปล่า “เป็นเพราะ…”
ไป๋หว่านฉิงพยักหน้า ใบหน้างามของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ขณะที่กล่าวว่า “ใช่แล้ว มันเป็นเพราะข้า น่าเสียดายที่เมื่อหลายปีก่อนข้ามาช้าไป ดังนั้นข้าจึงสามารถช่วยพวกเจ้าได้เพียงสามคน นอกจากนี้ ด้วยความสามารถของข้า ข้าสามารถพึ่งพาตัวตนของข้าในตระกูลไป๋เพื่อคุกคามจั่วชิวเฟิงเท่านั้น แต่ข้าก็ไร้อำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งอื่นใด”
เฉินซีเงียบไปนาน ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงและโค้งคำนับไป๋หว่านฉิงสามครั้งเงียบ ๆ
ไป๋หว่านฉิงพยุงชายหนุ่มขึ้นมา ในขณะที่น้ำตาสองสายไหลออกจากดวงตาของนางอย่างอดไม่ได้ หญิงสาวส่ายศีรษะและกล่าวว่า “เจ้าควรจะเกลียดข้า เมื่อหลายปีก่อนข้าเอาแต่ใจมากเกินไปและไม่เต็มใจที่จะบ่มเพาะ ทำให้พลังของข้าอ่อนแอเหมือนเศษขยะที่ไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น มารดาเจ้าคงไม่ถูกจับตัวไป”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ นางพลันยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาและฝืนยิ้ม “เรื่องราวเหล่านี้ผ่านพ้นไปแล้ว และเจ้าก็เติบใหญ่แล้ว ข้าเชื่อว่าถ้าบิดามารดาเจ้ารู้เรื่องทั้งหมดนี้ พวกเขาจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน”
ท่าทางที่แน่วแน่ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินซี ขณะที่เขากล่าวว่า “อย่ากังวลไปเลยขอรับน้าไป๋ ข้าจะช่วยชีวิตมารดาของข้าเอง”
ไป๋หว่านฉิงยิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจ จากนั้นไม่นานนางก็กล่าวขึ้นทันทีว่า “เจ้า…เจ้าคงไม่เกลียดบิดาของเจ้าใช่หรือไม่?”
เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาจึงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ข้าเคยเป็นเช่นนั้น และไม่เต็มใจแม้แต่จะกล่าวถึงเขา”
ไป๋หว่านฉิงถอนหายใจ “อย่าได้โทษบิดาเจ้าที่จากไปโดยไม่ร่ำลา ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในเวลานั้น เขาทำได้เพียงละทิ้งเคล็ดวิชาบ่มเพาะชั้นยอดและศาสตร์เต๋าไว้เบื้องหลังเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?”
ก่อนที่เฉินซีจะทันได้ตอบ ไป๋หว่านฉิงก็ชิงตอบก่อนว่า “เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อเจ้าหรือน้องชายของเจ้ามีความแข็งแกร่ง พวกเจ้าจะต้องหาทางแก้แค้นแน่นอน ในขณะที่โอกาสที่จะเอาชนะยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลจั่วชิวนั้นริบหรี่เกินไป เขาเพียงปรารถนาให้เจ้ากับน้องชายได้อยู่อย่างมีความสุข และไม่ถูกพัดพาไปในมรสุมลูกนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ตัวเขาอยากแบกรับเพียงคนเดียว”
เฉินซีรู้สึกเหมือนมีก้อนหินมหึมาอยู่ในอก และมันหนักเสียจนทำให้รู้สึกหายใจลำบาก เนื่องจากชายหนุ่มเข้าใจเจตนาของบิดาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถยอมรับเรื่องดังกล่าวได้อยู่ดี
“ต่อให้ลำบากเพียงใดก็ร่วมสู้ไปด้วยกันไม่ได้หรือ? เหตุใดต้องทนทุกข์อยู่คนเดียวเล่า?”
“อันที่จริง การกระทำของเจ้าก็เหมือนกับบิดาเจ้าไม่ใช่หรือ?” ไป๋หว่านฉิงจ้องมองเฉินซีและกล่าวทันทีว่า “เจ้าอดทนทุกอย่างด้วยตัวเอง และไม่เต็มใจให้น้องชายต้องทนทุกข์กับความยากลำบากเช่นเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...