บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 912

บทที่ 912 ออกเดินทาง

บทที่ 912 ออกเดินทาง

ท้องนภาสีครามราวกับพังทลายลง ในขณะที่พลังทำลายล้างพลุ่งพล่านอยู่ในความว่างเปล่า ทำให้หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือลานฝึก โดยมันกำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เข้ากลืนกินกระแสพลังโดยรอบ

นี่เป็นเพียงการปะทะระหว่างกระบี่และหมัดเท่านั้น!

เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน ก็พบว่าหมัดซึ่งพุ่งเข้าหาอกของเฉินซี รุนแรงเสียจนยากจะบรรยาย ดั่งหมัดนี้สามารถทะลวงอดีตและปัจจุบัน เต็มไปด้วยพลังอันเอ่อล้น!

“ฆ่า!”

เฉินซีเปล่งคำพูดออกจากริมฝีปาก ท่ามกลางผู้คนนับไม่ถ้วนที่รวมตัวและตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ยันต์ศัสตราพลันเข้าต้านรับอำนาจหมัดดังกล่าว

ตู้ม!

เสียงดังสะเทือนปฐพีก้องไปทั่วทั้งหุบเขาวีรบุรุษ จนผู้คนรอบ ๆ รู้สึกราวกับแก้วหูของพวกเขากำลังระเบิด ขณะที่ดวงตามองเห็นดวงดาว ศีรษะมึนงงสับสน

โครม!

ผ่านไปสักพัก ผลกระทบได้จางหาย เฉินซีกระเด็นกลับหัวกลับหาง ก่อนกระแทกลงกับพื้น โลหิตไหลออกจากรูทวารทั้งเจ็ด ผิวหนังทั่วทั้งร่างฉีกขาด ปราณในร่างกายคล้ายกับจะพังทลายทุกเมื่อ

สภาพของชายหนุ่มในขณะนี้น่าสังเวชนัก แย่ยิ่งกว่าขอทานบนโลกมนุษย์เสียอีก

ทว่ากลับไม่มีใครกล้าหัวเราะ ไม่มีใครแม้แต่จะกล้าส่งเสียง สายตาของทุกคนจับจ้องร่างที่โรยแรงบนพื้น หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ใครจะคาดคิด ด้วยความแตกต่างของพลังที่มากขนาดนี้ แต่เฉินซีกลับปัดป้องทั้งสามหมัดของไป๋จิงเฉินเอาไว้ได้?

แต่ถ้าเป็นตัวพวกเขาเองเล่า? ใครบ้างจะทำถึงขนาดนี้ได้?

ไป๋หงไม่สามารถ ไป๋เจวี้ยนไม่สามารถ ไป๋ฉวินไม่สามารถ…

ในพื้นที่นี้ อาจมีเพียงตัวตนอาวุโสระดับสูงของตระกูลไป๋แห่งเทือกเขาหนามม่วงเท่านั้นที่สามารถทำได้!

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงตกตะลึง

ท่ามกลางความเงียบ เฉินซีสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากช้า ๆ นั่งขัดสมาธิกับพื้น ไม่ขยับเขยื้อนอะไรอีก

โลหิตของเขายังคงไหลออกมา จนเปรอะเปื้อนทั่วทั้งกายและบริเวณโดยรอบ

ทว่ากระดูกสันหลังของชายหนุ่มกลับยังตั้งตรง ราวกับเสาที่ไม่มีวันโค้งงอยามอยู่ใต้ท้องนภา

ไป๋จิงเฉินรวบรวมพลังคืนกลับ เผยสีหน้าเกียจคร้านอย่างที่เคยมี แต่ยามมองเฉินซี เจ้าตัวก็อดแสดงสีหน้าชื่นชมและประหลาดใจไม่ได้

เขารู้ดีว่าทั้งสามหมัดนั่นรุนแรงเพียงใด!

แต่เฉินซีกลับสามารถฝืนปัดป้องพวกมันจนหมดได้ ซึ่งนี่คือสิ่งชายหนุ่มคาดไม่ถึงมาก่อน ตามที่คิดก่อนหน้านี้ หากเฉินซีสามารถปัดป้องได้สองหมัด ก็มากพอที่จะทำให้เขาประทับใจแล้ว

แต่ตอนนี้ ปราณและจิตวิญญาณที่เฉินซีสำแดงออกมา… มันได้เผยให้เห็นเจตจำนงอันไม่ยอมแพ้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ในตอนนี้ ผู้อาวุโสไป๋เฉิงก้าวออกมาด้วยตัวเอง ผลักไสให้ศิษย์ตระกูลไป๋แห่งเทือกเขาหนามม่วงออกไป ทำให้ลานฝึกดูร้างไร้ผู้คนขึ้นมา

พวกหลิงไป๋อยากเข้ามาช่วยรักษาเฉินซี แต่กลับถูกไป๋จิงเฉินห้ามเอาไว้ เขาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ให้เขาบ่มเพาะเงียบ ๆ เถอะ หาไม่แล้วการถูกอัดจะสูญเปล่า”

เมื่อพวกหลิงไป๋ได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ไม่ได้จากไปในทันที แต่เลือกจะมาอยู่ข้างเฉินซีอย่างเงียบงัน ด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มในตอนนี้ห้ามถูกรบกวนโดยเด็ดขาด

ซีซียืนอยู่ข้างหลังเช่นกัน นางนั่งยองอยู่บนพื้น ใบหน้าเล็ก ๆ มองเฉินซีผู้เต็มไปด้วยโลหิตตาไม่กะพริบ

เขาดูน่าเวทนา บาดแผลบนร่างกายน่าตกตะลึง แต่ซีซีสัมผัสได้ว่านี่คือลูกผู้ชายตัวจริง!

ไป๋จิงเฉินที่เห็นดังนี้เผยยิ้มออกมา ก่อนจะจากไปพร้อมกับไป๋หว่านฉิง

“เป็นอย่างไรบ้าง ด้วยความแข็งแกร่งของเขา จะสามารถเอาชนะปิงซื่อเทียนได้หรือไม่?” ไป๋หว่านฉิงถาม

“ตอบยากนัก”

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ไป๋จิงเฉินถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ข้าเพิ่งเคยเห็นคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่เวลาบ่มเพาะของเขาสั้นนัก ปิงซื่อเทียนฝึกฝนอยู่บนวิถีของตัวเองมาหลายพันปี ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงร่างอวตาร แต่ก็แข็งแกร่งกว่าตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีระดับเก้า …ถ้าเฉินซีอยากเอาชนะเขา ก็มีแต่ต้องแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ในเวลาอันสั้น”

“ปิงซื่อเทียนทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรือ?” ไป๋หว่านฉิงขมวดคิ้ว

“ไม่ใช่แค่ทรงพลังเท่านั้น ตอนที่เจ้าเด็กคนนั้นบ่มเพาะในนิกายวิถีกระแสสวรรค์ เขาคือบุตรแห่งสวรรค์ผู้ไร้เทียมทาน แต่ความโดดเด่นของเขากลับถูกชิงซิ่วอี้บดบัง ดังนั้นหลายคนจึงเมินเฉยตัวตนของเขาไป”

ไป๋จิงเฉินกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “ตอนเขากลายเป็นเซียนสวรรค์ จนกระทั่งไปถึงภพเซียน เขาได้แสดงความสามารถที่ทำให้โลกประหลาดใจ และในเวลาอันสั้น เขาได้กลายเป็นบุรุษผู้ชักพาลมฝนในภพเซียน จนทำให้ได้สิทธิ์ลงมายังภพมนุษย์ในฐานะทูตเซียน”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ไป๋จิงเฉินครุ่นคิดสักพัก ยิ้มแล้วกล่าวว่า “แน่นอน หากเฉินซีสามารถเข้าใจจากสามหมัดนี้ จนควบคุมพลังของตัวเองได้ มันก็จะเพิ่มโอกาสในการเอาชนะขึ้นไปอีก”

“แต่รากฐานการบ่มเพาะที่ต่ำของเขายังเป็นปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางชัยชนะไว้ใช่หรือไม่?” ไป๋หว่านฉิงยังคงถามต่อ

ไป๋จิงเฉินเงียบ ผ่านไปสักพักเขาจึงตอบว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ เวลาในการบ่มเพาะของเจ้าเด็กคนนี้สั้นเกินไป หากเจ้าให้เวลาเขาเสียหน่อย เขาอาจจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ ด้วยการเอาชนะร่างอวตารของเซียนสวรรค์ทั้ง ๆ ที่เป็นเซียนปฐพีได้”

“ปาฏิหาริย์หรือ?”

ไป๋หว่านฉิงตกตะลึง นางขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นพลันยิ้มออกมา ดวงตาทอประกายเจิดจ้า “ก็มีปาฏิหาริย์บางอย่างเกิดขึ้นกับเขาแล้วไม่ใช่หรือ?”

ไป๋จิงเฉินหัวเราะเสียงดังแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว การที่เขาสามารถกลายเป็นศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ได้ นี่ล่ะคือปาฏิหาริย์!”

ขณะกล่าว เขาตบบ่าของไป๋หว่านฉิง กล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง สามหมัดของข้าก่อนหน้านี้ เป็นเพียงการบอกถึงสิ่งที่เขาต้องทำในอนาคต ด้วยความฉลาดของเขา คงจับจุดนี้ได้ไม่ยาก”

ไป๋หว่านฉิงพยักหน้า “ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]