บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 913

บทที่ 913 ส่งเทียบเชิญไปทั่วสารทิศ

บทที่ 913 ส่งเทียบเชิญไปทั่วสารทิศ

นิกายวิถีกระแสสวรรค์ ณ ยอดเขาดาราเหนือ

ต้นไผ่สีม่วงปกคลุมพื้นดินราวกับมหาสมุทร และลู่ไปตามสายลม แผ่ร่มเงาหนาทึบไปทั่วทั้งภูเขา

ชิงซิ่วอี้สวมชุดสีขาวปล่อยผมสีดำขลับลงมาถึงเอว ร่างของนางวูบไหวประหนึ่งหมอกควัน ในขณะที่เสื้อผ้ากระพือไปตามสายลม ทำให้หญิงสาวดูเหมือนเทพธิดาที่ก้าวย่างอยู่บนมหาสมุทร

นางยืนเงียบ ๆ อยู่ที่ชายป่าไผ่สีม่วง และมองไปยังทะเลหมอกที่ม้วนตัวจากระยะไกล ใบหน้างามไร้ที่เปรียบของหญิงสาวเปล่งแสงระยิบระยับท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่อง

นางยังเป็นเช่นเดิมเหมือนเมื่อหลายปีก่อน แต่ท่าทางของนางกลับดูไม่มีตัวตนยิ่งกว่าเดิม ทำให้ดูสูงส่ง เหนือโลกหล้า และไม่มีใครเข้าถึงได้

“เสี่ยวหวน หากเจ้ามีสิ่งใดจะกล่าว ก็จงกล่าวมาเถิด”

หญิงสาวในชุดนักพรตเต๋าสีเขียวและมีผมเปียสองข้างยืนอยู่ใกล้กับชิงซิ่วอี้ นางทั้งสวยและน่ารัก เอ่ยตอบชิงซิ่วอี้ด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านปรมาจารย์ชิง อาจารย์ป้าได้ไหว้วานให้ศิษย์เรียนต่อท่านว่า นับจากนี้อีกหกสิบเจ็ดปีหกเดือนและสิบสองวัน ท่านจะเข้าพิธีเป็นคู่บำเพ็ญกับใต้เท้าปิงซื่อเทียน ซึ่งอาจารย์ป้าหวังว่าท่านจะบ่มเพาะภายในนิกาย และไม่ต้องกังวลกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก”

อาจารย์ป้าที่เสี่ยวหวนกล่าวถึงนั้น มีฉายาทางพรตว่าอวี้เจิน และนางเป็นผู้อาวุโสของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ที่ปลีกวิเวกเป็นเวลาหลายปี ในเวลาเดียวกัน นางถือเป็นอาจารย์ของชิงซิ่วอี้ ในสมัยก่อนที่ชิงซิ่วอี้จะกลับชาติมาเกิดใหม่หนึ่งร้อยชาติ

ชิงซิ่วอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”

เสียงของนางใสกระจ่างประหนึ่งน้ำพุ และไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ เผยออกมา

เสี่ยวหวนอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าจ้องมองอัจฉริยะที่ไร้เทียมทานคนนี้ ซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วสวรรค์และโลกเมื่อหลายพันปีก่อน แต่นางเห็นได้เพียงร่างที่สง่างามเท่านั้น และไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายได้

ถึงกระนั้น หัวใจของเสี่ยวหวนก็เต็มไปด้วยความเคารพและความชื่นชม

“ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่ ท่านได้เอาชนะกรรมในชาติที่แล้วทั้งหมด และประสบความสำเร็จในการกลับชาติมาเกิดใหม่ทั้งร้อยครั้ง เมื่อขึ้นสู่ภพเซียนในอนาคต ท่านจะเปล่งประกายนิรันดร์อย่างแน่นอน!” ในขณะนี้ เสียงที่ไพเราะและชัดเจนได้ดังมาจากทางยอดเขาดาราเหนือ ร่างที่หล่อเหลาได้เคลื่อนผ่านท้องฟ้าและล่องลอยเข้ามาพร้อมกับเสียงนี้

ชายผู้นี้สวมมงกุฎรูปดาว มีดวงตาที่สดใสราวกับดวงดาว รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา และเมื่อเขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็ได้แผ่กลิ่นอายที่สง่างามและกล้าหาญออกมา ซึ่งทำให้หัวใจของทุกคนสงบลง ชายผู้นี้คือปิงซื่อเทียนนั่นเอง

ขณะที่เขาจ้องมองไปยังร่างอันสง่างามที่คุ้นเคย ซึ่งยืนอยู่ชายป่าต้นไผ่สีม่วงและเบื้องหน้าของหน้าผา ประกายความรักอันเร่าร้อนได้ครอบงำดวงตาของปิงซื่อเทียนทันที แต่มันก็หายวับไปในพริบตา ทำให้เขากลับคืนสู่ท่าทางปกติ และสำรวมกิริยาที่งามสง่าไว้

ชิงซิ่วอี้ทำเหมือนกับไม่ได้ยินเรื่องนี้ นางเพียงมองไปยังระยะไกลอย่างเงียบ ๆ ที่ซึ่งทะเลหมอกม้วนตัวไปที่นั่น ทำให้เกิดระลอกคลื่นนับพันขึ้น และท่ามกลางแสงสว่างของดวงอาทิตย์ มันก็เต็มไปด้วยแสงแวววาวงดงามที่ดูเหมือนเกล็ดสีทอง ซึ่งงดงามยิ่งนัก

ปิงซื่อเทียนไม่ได้รู้สึกว่าถูกเมินแม้แต่น้อย เขาเพียงยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าและยืนเคียงข้างกับชิงซิ่วอี้

จากมุมมองของเสี่ยวหวน ทั้งคู่เป็นดั่งคู่รักศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบมาก สมบูรณ์แบบเสียจนคนอื่นไม่อาจเกิดความอิจฉาได้แม้แต่น้อย

“เฮ้อ เหตุใดปรามาจารย์ชิงถึงเย็นชาต่อใต้เท้าปิงซื่อเทียนนัก? สำหรับอัจฉริยะที่ไร้เทียมทานและเป็นที่รู้จักกันดีในภพเซียน มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ยินดีอยากจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต หรือเป็นเพราะเฉินซีคนนั้น?”

เสี่ยวหวนขมวดคิ้ว นางคิดด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ‘เขาเป็นเพียงแมลงตัวเล็ก ๆ ที่มาจากโลกใบเล็ก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทั้งฐานะหรือการบ่มเพาะ เขาก็เทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของใต้เท้าปิงซื่อเทียน เหตุใดปรามาจารย์ชิงถึงให้กำเนิดบุตรแก่เขา? นี่ย่อมเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน เป็นเรื่องโกหกที่แมลงตัวเล็ก ๆ คนนั้นสร้างขึ้น!’

ในฐานะศิษย์ที่คอยติดตามรับใช้ชิงซิ่วอี้ เสี่ยวหวนก็รู้สึกภูมิใจเช่นกัน ไม่ต้องกล่าวถึงคนธรรมดา แม้แต่ศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ นางก็ไม่สนใจด้วยซ้ำ

ในสายตาของนาง มีเพียงผู้ยิ่งใหญ่อย่างปิงซื่อเทียนเท่านั้นที่ควรค่าแก่การเคารพ หญิงสาวย่อมรู้ดีว่าคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างตัวนางกับปิงซื่อเทียน แต่ก็ไม่ได้ทำให้นางหยุดชื่นชมและบูชาเขา

“เสี่ยวหวน เจ้าออกไปก่อน ข้ามีบางเรื่องที่จะพูดคุยกับซิ่วอี้” ปิงซื่อเทียนหันกลับมาและยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับเสี่ยวหวน ขณะที่เขาโบกมือ

เสี่ยวหวนกลับมารู้สึกตัวทันที นางยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนที่จะโค้งคำนับและจากไป แต่นางยังคงคิดอยู่ในใจ ‘ใต้เท้าปิงซื่อเทียนนั้นทั้งอบอุ่น สุขุม และอ่อนโยนต่อผู้อื่น เขาไม่มีความโอหังแม้แต่น้อย…’

น่าเสียดายที่นางไม่เคยคิดเลยว่า ปิงซื่อเทียนจะเหลือบมองนางหรือไม่ …หากนางไม่ใช่ศิษย์ที่รับใช้ชิงซิ่วอี้

ชิงซิ่วอี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำว่า ‘ซิ่วอี้’ จากนั้นสีหน้าของหญิงสาวก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “อย่ากล่าวกับข้าเช่นนั้นอีกในภายหน้า”

ปิงซื่อเทียนหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ชอบให้ใครมาทำท่าทางสนิทสนมกับท่านมากเกินไป แต่เรากำลังจะเป็นคู่บำเพ็ญกันในไม่ช้า มันเป็นเพียงแค่คำเรียกเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจริงจังมากนัก”

ชิงซิ่วอี้เม้มปากนิ่งเงียบ แต่คิ้วของนางกลับขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

ริมฝีปากสีแดงของหญิงสาวชุ่มชื้น ผิวของนางดูอ่อนนุ่ม ผมสีดำขลับเป็นประกายงดงามพลิ้วไปตามสายลมบนภูเขา ทำให้ชิงซิ่วอี้ดูสง่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ปิงซื่อเทียนมึนงงเล็กน้อยจากภาพที่เห็น และหัวใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะลุกโชน ในขณะที่กล่าวว่า “ศิษย์พี่ ข้าจะพาท่านไปยังภพเซียนหลังจากที่เรากลายเป็นคู่บำเพ็ญ และนั่นคือโลกของท่าน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]