บทที่ 915 มหาเต๋าที่ไม่สมบูรณ์
บทที่ 915 มหาเต๋าที่ไม่สมบูรณ์
ณ แดนไร้นาม
มันเป็นหนึ่งในสถานที่ลึกลับที่สุดในแดนภวังค์ทมิฬ นอกเหนือจากสรวงสวรรค์สงบเงียบ
มีผู้บ่มเพาะมากมายในใต้หล้า แต่มีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่สามารถรู้ถึงการมีอยู่ของแดนไร้นาม และบุคคลเหล่านั้นก็มีการบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดา
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้สถานที่ลึกลับแห่งนี้ถูกเรียกว่า ‘แดนไร้นาม’ ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศลี้ลับ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ภายในเทือกเขาที่สวยงามซึ่งถูกขดตัวด้วยเมฆหมอก มียักษ์ที่สูงกว่าสิบห้าลี้กำลังเดินข้ามไปทีละก้าว ทุกย่างก้าวทำให้ฟ้าดินสั่นสะท้านประหนึ่งเสียงของฟ้าผ่า และดังก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ
ร่างนี้สูงเป็นอย่างมาก ภูเขาที่สูงที่สุดที่อยู่ในรอบ ๆ ก็สูงเพียงแค่เข่าของร่างนี้ ในขณะที่ชั้นเมฆบนท้องฟ้าปกคลุมได้เพียงเอว ร่างกายท่อนบนของเขาทะลุผ่านชั้นเมฆและซ่อนตัวอยู่ในทะเลเมฆ ซึ่งเสมือนว่ากำลังแบกท้องฟ้าไว้บนศีรษะขณะที่กำลังก้าวเดิน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ยักษ์ก็หยุดอยู่ตรงหน้าผืนป่าขนาดเล็กบริเวณกระท่อมมุงจาก โดยที่นั่นมีชายชราร่างผอมกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ข้างนอก ถือมีดเหล็กไว้ในมือและกำลังสับท่อนไม้แข็ง ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดเสียงสับหนักหน่วง
เศษไม้ถูกกองอยู่ทางด้านข้างของชายชรา
ท่ามกลางเศษไม้ มีเก้าอี้ โต๊ะ เตียง ชาม ทัพพีและอื่น ๆ ที่ทำขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งสิ่งของทั้งหมดมีสภาพไม่สมบูรณ์ราวกับกองขยะ
แต่ชายชราร่างผอมยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็งโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย และดูราวกับเขาจะไม่สนใจสิ่งอื่นใด ในขณะที่กำลังทำดาบไม้ โดยดาบนั้นกว้างสี่ชุ่นและยาวสี่ฉื่อ ผิวของต้นไม้ที่แตกระแหงนั้นยังคงอยู่บนพื้นผิวของไม้ และมันก็หยาบกระด้างจนดูเหมือนแผ่นไม้
ยักษ์นั่งลงอยู่บนภูเขา จ้องมองชายชราร่างผอมด้วยดวงตาคู่หนึ่งที่ใหญ่โตพอ ๆ กับทะเลสาบ และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความนับถือ
“เสร็จแล้วหรือ?” ชายชราร่างผอมถามโดยไม่เงยหน้าขึ้น และเขายังคงสับฟืนอีก ทำให้เศษไม้กระเด็นไปรอบ ๆ
“ใช่แล้ว ศิษย์น้องเจิ้นด่าข้าอีกแล้ว ท่านอาจารย์ มันเหมาะสมแล้วหรือที่เราจะทำเช่นนี้” ยักษ์กล่าวด้วยเสียงที่ดังลั่น แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะราบเรียบ แต่เมื่อมันเปล่งออกมาจากปาก มันก็เหมือนกับพายุที่โหมกระหน่ำและสะท้านโลกา
กระแสลมจากเสียงของยักษ์พัดพาเศษไม้บนพื้นไปทั่วตัวของชายชราร่างผอม ทำให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่ทันใดนั้น ชายชราร่างผอมจะเงยหน้าขึ้นและคำรามเสียงดัง “มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์! อาจารย์บอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่า เจ้าควรทำอย่างไรเมื่อเจ้ากล่าว”
“โอ้” ชายร่างยักษ์เกาศีรษะ ก่อนที่ร่างของเขาจะสว่างวาบ จากนั้นก็กลายร่างเป็นชายร่างกำยำสูงราวสองจั้งที่ห้าวหาญและดุดันอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขากะพริบโดยมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ทำให้เขาดูดุร้ายมาก
ถ้าเฉินซีอยู่ที่นี่ เขาย่อมจำชายผู้นี้ที่เป็นมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ได้อย่างแน่นอน ตัวตนที่ไม่ธรรมดาซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วภพทั้งสามตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน!
แต่ตอนนี้เขาเป็นเหมือนศิษย์ที่เชื่อฟัง เหมือนศิษย์หนุ่มขณะที่เขายืนอยู่ต่อหน้าชายชรา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ชายชราร่างผอมแค่นเสียงเย็นชา และกล่าวว่า “นางจะเข้าใจว่าเหมาะสมหรือไม่หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป”
มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ถอนหายใจและนั่งลงกับพื้นก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องหญิงตัวน้อยได้กลับมาหลายปีแล้ว แต่นางยังคงบ่มเพาะอยู่ในแดนไร้นามที่รกร้างอยู่ตลอดเวลา มันเป็นเรื่องอยุติธรรมสำหรับนางอย่างแท้จริง”
“อยุติธรรมหรือ? คนอื่นไม่สามารถรับความอยุติธรรมนี้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะสะสมวาสนามาแปดชั่วอายุคนก็ตาม” ชายชราร่างผอมแค่นเสียงเย็นชา ซึ่งในขณะที่กล่าว เขายังคงแกะสลักแผ่นไม้แข็งด้วยมีดเหล็ก และรูปร่างของดาบไม้ก็ค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว
“แล้ว…เหตุใดนางถึงถูกขังล่ะขอรับ? มันก็แค่คำเชิญไม่ใช่หรือ? ถ้าปิงซื่อเทียนกล้ารังแกนาง ข้าจะฟาดไอ้สารเลวนั่นให้ตาย” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์เอ่ยถาม
“เจ้าโง่ อย่าได้ทำตัวโง่เขลาต่อหน้าอาจารย์” ชายชราเงยหน้าขึ้นและมองไปที่มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ ดวงตาที่ขุ่นมัวของชายชรา ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มรู้สึกไม่สบาย และเจ้าตัวก็ทำได้เพียงหัวเราะแก้เก้อเบา ๆ
“เจ้าจำเด็กน้อยเหล่านั้นที่เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้หรือไม่?” ชายชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และหยุดสิ่งที่เขากำลังทำก่อนจะกล่าว
“ขอรับ สองคนได้รับเป็นศิษย์โดยฟางจ่านเหมยแห่งนิกายอสูรสวรรค์แรกกำเนิด อีกคนได้รับเป็นศิษย์โดยหลวงจีนฉผัสสะแห่งวัดป่าธยานะ และอีกสองคนได้รับเป็นศิษย์โดยหวงเหมยเวิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนก” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์กล่าวโดยไม่ต้องคิด
ทำไมเขาจะจำเรื่องเหล่านั้นไม่ได้? เขาถึงกับจำได้อย่างชัดเจนว่าศิษย์ของฟางจ่านเหมยมีนามว่าฟ่านอวิ๋นหลานและจ้าวชิงเหอ
ส่วนเด็กน้อยที่หลวงจีนฉผัสสะรับตัวไปนั้นมีนามว่าหลิงอวี๋ ในขณะที่เด็กน้อยอีกสองคนที่หวงเหมยเวิงรับตัวไปมีนามว่าหวงฝู่ฉิงอิงและนายน้อยโจว
เหตุผลที่เขาจดจำได้อย่างชัดเจนก็คือเด็กน้อยเหล่านี้มาจากโลกใบเดียวกัน และราชวงศ์เดียวกัน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
เพราะไม่ว่าจะเป็นฟางจ่านเหมย หลวงจีนฉผัสสะ หรือหวงเหมยเวิง ล้วนมีฐานะในระดับเดียวกับเขา แต่พวกเขากลับเลือกศิษย์ของราชวงศ์ซ่งเป็นผู้สืบทอดกันทั้งหมด …นี่มันน่าประหลาดใจเกินไปจริง ๆ
“ถูกต้อง ไปถามไอ้สารเลวพวกนั้นว่าพวกมันจะทำสิ่งใด แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าเหตุใดข้าถึงขังศิษย์น้องหญิงตัวน้อยของเจ้าไว้” ชายชราร่างผอมกล่าวอย่างใจเย็น
“หรือว่าคนเหล่านั้นก็กักขังผู้สืบทอดของพวกเขาไว้เช่นกัน และขัดขวางไม่ให้พวกเขาไปพบเฉินซี?” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์กล่าวด้วยความประหลาดใจ ครั้งนี้เขาประหลาดใจจริง ๆ และไม่ได้เสแสร้ง
“โอ้ เจ้าเลิกทำตัวโง่เขลาต่อหน้าอาจารย์แล้วหรือ?” ชายชรากลอกตา
“ฮ่า ๆ ท่านอาจารย์ ท่านนั้นเปี่ยมล้นด้วยความเมตตาและกรุณา โปรดขจัดความโง่เขลาของศิษย์ด้วย มิฉะนั้น ข้าอาจต้องตายด้วยความกระวนกระวายใจ” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ยิ้มและอ้อนวอน
“ข้าไม่ใช่พวกลาหัวโล้นของนิกายพุทธ เหตุใดข้าต้องมีความเมตตาและกรุณา?” ชายชรากล่าวด้วยความโกรธว่า “เจ้าจะเข้าใจทั้งหมดนี้ เมื่อข้าอนุญาตให้ศิษย์น้องหญิงน้อยของเจ้าออกจากสถานที่ปิดด่านบ่มเพาะของนาง สำหรับตอนนี้ จงอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง อย่างน้อยที่สุดเจ้าก็จะไม่ตาย”
“ตาย?”
มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ตกตะลึง และเริ่มคาดเดาในใจของเขา เมื่อบรรลุถึงระดับการบ่มเพาะอย่างเขาแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำนายอนาคตได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำนายลางบอกเหตุและอันตรายได้
อย่างไรก็ตาม ผลของการทำนายครั้งนี้ก็ทำให้เจ้าตัวตกตะลึงอยู่ในใจ เนื่องจากไม่สามารถทำนายอะไรได้เลย เพราะเส้นทางข้างหน้าถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบจนมองไม่เห็นหรือจับต้องไม่ได้!
“นี่คือ…” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ทั้งประหลาดใจและงุนงง
“อย่าปล่อยให้ความคิดของเจ้าเตลิดเปิดเปิง หากเจ้าไม่เข้าใจสิ่งใดเลย ก็จงอยู่ที่นี่อย่างสงบ” ชายชรากล่าวอย่างสบาย ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...