บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 928

บทที่ 928 การต่อสู้ที่หาได้ยาก

บทที่ 928 การต่อสู้ที่หาได้ยาก

ทุกคนในห้องโถงใหญ่ต่างตกตะลึง เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้มีฐานะอย่างปิงซื่อเทียนจะกล่าวคำเช่นนี้ออกมา …นี่เป็นเรื่องที่ไร้ยางอายและต่ำช้าเกินไป!

หากคำพูดเหล่านี้หลุดออกไปในโลกภายนอก ชื่อเสียงของปิงซื่อเทียนอาจย่อยยับและเสียศักดิ์ศรี จนไม่สามารถยืนหยัดในโลกแห่งการบ่มเพาะได้อีกต่อไป

มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับทุกคน แต่ก็ไม่ใช่สำหรับเฉินซี

ในความคิดของชายหนุ่ม มันคงน่าแปลกเกินไป หากปิงซื่อเทียนเลือกที่จะยอมลดตัวกลายเป็นคนธรรมดาและปล่อยให้ตัวเองเป็นไปตามความประสงค์ของเฉินซี!

“ข้าสงสัยนักว่าเจ้าบ่มเพาะจนเป็นเซียนสวรรค์ได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าไร้ยางอายถึงขนาดนั้น” เฉินซีกล่าวด้วยท่าทีถากถางที่เปิดเผยอย่างชัดเจน

ทว่าปิงซื่อเทียนไม่ได้สนใจ เพราะเขาโกรธเคืองต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ดังนั้นเขาจะไปสนใจเกี่ยวกับฐานะ ศักดิ์ศรี หรือเรื่องยางอายได้อย่างไร?

“ข้าลืมบอกเจ้าไป ข้าไม่ใช่เซียนสวรรค์ แต่เป็นเซียนทองคำ!” ปิงซื่อเทียนระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง และเผยท่าทีซึ่งมีกลิ่นอายหยิ่งยโสอันเหนือกว่าออกมา “หากผู้บ่มเพาะมากมายในภพมนุษย์จะก่นด่าสาปแช่งและประณามข้า …แล้วมันจะทำไม? ในเมื่อพวกมันก็เป็นแค่ฝูงมดที่ข้าไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ!”

คำพูดเหล่านี้ดูราวจะดูถูกทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ทำให้พวกเขามีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ความไม่พอใจบนใบหน้าของทุกคนก็เลือนหายไปทันทีอย่างไร้ร่องรอย เมื่อพวกเขาตอบสนองต่อคำว่า ‘เซียนทองคำ’

เซียนทองคำ!

นั่นคือตัวตนที่น่ากลัวยิ่งกว่าเซียนสวรรค์และเซียนลึกลับ!

ไม่มีใครคาดคิดว่าการบ่มเพาะของปิงซื่อเทียนจะบรรลุถึงขอบเขตดังกล่าวจริง ๆ หลังจากขึ้นไปสู่ภพเซียนเพียงไม่กี่พันปี! ดังนั้น… แม้ว่าจะเป็นเพียงร่างอวตารที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูก

เฉินซีไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป เขาหันกลับไปมองที่ชิงซิ่วอี้ ขณะที่กล่าวว่า “เราไปกันเถอะ”

“ไปหรือ?” ก่อนที่ชิงซิ่วอี้จะทันได้ตอบ ปิงซื่อเทียนกลับชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากข้าปิงซื่อเทียนไม่ได้ตัวนาง ก็อย่าหวังว่าจะมีใครได้ไป!”

ชิ้ง!

เฉินซีชักยันต์ศัสตราออกมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขากล่าวว่า “ซิ่วอี้ เจ้ารอข้าอยู่สักครู่ ขอข้าจัดการเศษสวะนี่ก่อน”

ชิงซิ่วอี้พยักหน้า “ตกลง”

สีหน้าของปิงซื่อเทียนเย็นชาและมืดมนมากขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ จากนั้นเขาก็พุ่งตัวผ่านโถงใหญ่ บินขึ้นไปบนท้องฟ้า และมองลงมาพร้อมกล่าวว่า “เจ้ามดปลวก ถ้าแน่จริงก็ขึ้นมาที่นี่เพื่อรับโทษของเจ้าซะ!”

เฉินซีเงยหน้าขึ้น และดวงตาอันเงียบสงบของเขาก็ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีแดงเข้ม ซึ่งดูจะสามารถเผาผลาญจักรวาลได้!

ในพริบตาถัดมา ชายหนุ่มได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และยืนเผชิญหน้ากับปิงซื่อเทียนในระยะไกล

หลังจากบ่มเพาะอย่างขมขื่นมาหลายร้อยปี วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจที่จะทะลวงสวรรค์!

ทันใดนั้นดวงอาทิตย์ที่แผดเผาก็หรี่แสงลง ในขณะที่ผืนฟ้าปกคลุมด้วยเมฆดำ และบรรยากาศของการเผชิญหน้าก็ทำให้ฟ้าดินปกคลุมจนมืดมิด

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ในขณะเดียวกัน บุคคลสำคัญทั้งหมดในห้องโถงได้ทะยานวูบและปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พวกเขาล้วนจ้องมองเฉินซีและปิงซื่อเทียนจากระยะไกล

แม้พวกเขาจะรู้ตั้งแต่ต้นว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้ได้ แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าการต่อสู้กำลังจะปะทุขึ้น

ผู้อาวุโสและสาวกของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ต่างก็เห็นฉากนี้ในเวลาเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดต่างตื่นตระหนก ขณะที่ทุกคนใช้จิตสัมผัสเทพและญาณเทวะอมตะของพวกเขากวาดออกไป

ถึงขนาดที่ดวงตาของผู้บ่มเพาะทั้งหมดในเมืองสุริยศารทที่อยู่ห่างออกไปสองพันห้าร้อยลี้สว่างวาบ และพวกเขาล้วนตื่นเต้นมาก เพราะร่างของปิงซื่อเทียนกับเฉินซีบนท้องฟ้านั้นพร่างพราวเกินไป

ร่างหนึ่งถูกปกคลุมด้วยปราณเซียนทองคำม่วงและเปล่งแสงเจิดจ้าจนโลกสว่างไสว

อีกร่างหนึ่งยืนตระหง่านดุจทวน สวมชุดสีเขียว และถือกระบี่อยู่ในมือ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยอักขระยันต์จนดูราวกับมหาสมุทร และพวกมันก็กลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ม้วนตัวรอบ ๆ ชายหนุ่ม ทำให้เขาแผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา

เมื่อมองจากระยะไกล พวกเขาก็เหมือนเทพสององค์ยืนเผชิญหน้ากัน ฉากที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้ผู้บ่มเพาะที่อยู่ในบริเวณโดยรอบต่างรู้สึกหวาดกลัว

“การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!” ในขณะนี้ พายุกำลังก่อตัวขึ้น และจิตใจของทุกคนก็ถูกดึงดูดโดยร่างทั้งสองบนท้องฟ้า

“เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะและมันจะจบลงอย่างไร” นี่เป็นคำถามของคนส่วนใหญ่ และพวกเขาก็ถกเถียงกันไม่รู้จบ แต่ผลลัพธ์กำลังจะเปิดเผยในไม่ช้า

“ย่อมเป็นปิงซื่อเทียนอย่างแน่นอน ถึงอย่างไร เขาเป็นทูตของภพเซียนที่เข้าใจพลังของกฎและศาสตร์เซียน พลังของเขาได้เกินขีดจำกัดของภพมนุษย์ไปแล้ว ในขณะที่แม้ว่าเฉินซีจะไม่ธรรมดา แต่เขาก็เก่งกาจแค่ในภพมนุษย์เท่านั้น”

นี่คือมุมมองของคนส่วนใหญ่ พวกเขารู้สึกว่าเฉินซีเป็นฝ่ายเสียเปรียบกว่า โดยยึดจากการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปดของชายหนุ่ม เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่จากภพเซียนอย่างปิงซื่อเทียน มันจึงเหมือนกับการต่อสู้ระหว่างสวรรค์และมนุษย์ ซึ่งช่องว่างนั้นก็ใหญ่เกินไป

“บางทีผลลัพธ์อาจไม่เป็นเช่นนั้น เฉินซีได้สังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหก ขณะอยู่ที่ขอบเขตสถิตกายาเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เขามีพลังของขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปดแล้ว ข้าเชื่อว่าครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างแน่นอน และอาจสร้างปาฏิหารย์ขึ้นอีกครั้งก็ได้” มีคนคัดค้านและมองเฉินซีในแง่ดี

โครม!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]